ทดสอบ
ของเดิมอาจจะดี แต่ของใหม่ดีกว่า
โตโยตา เอสตีมา ไฮบริด 172 แรงม้า 3,490,000 บาท
คู่แข่ง
เปอโฌต์ 807 2.0 เอสแอล 138 แรงม้า 2,289,000 บาท
โตโยตา เอสตีมา 2.4 จี 160 แรงม้า 2,990,000 บาท
โตโยตา อัลฟาร์ด 2.4 จี 159 แรงม้า 3,350,000 บาท
ข้อเด่น
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ
- ใช้เครื่องยนต์ลูกผสม ไฮบริด
- ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียวไทม์
- มีช่องเสียบไฟฟ้ากระแสสลับเหมือนไฟบ้าน
ข้อด้อย
- ราคาสูงกว่ารถรุ่นมาตรฐาน
- ต้องใช้แบทเตอรีชนิดพิเศษ
ฟันธง
- ซื้อเพราะเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใครมากกว่าความประหยัด ยิ่งถ้าให้เทียบกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 5 แสนบาท และปัญหาที่อาจตามมา บอกได้เลยว่า ไม่คุ้ม
เอมพีวี รุ่นเดิม กับขุมพลังที่ผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวและเครื่องยนต์เบนซิน เน้นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และประหยัด
เอส.อี.ซี. กรุ๊ป ฯ ผู้นำเข้ารายใหญ่ นำเข้ารถเอมพีวี "ไฮบริด" ผสมผสานกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 รุ่น คือ เอสตีมา (ESTIMA) และอัลฟาร์ด (ALPHARD) ที่มีจุดเด่นเรื่องความประหยัด ซึ่งขณะรถติด อุปกรณ์ในรถจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีจนกว่าไฟจะตกลงมาต่ำกว่าครึ่ง เครื่องยนต์ถึงจะทำงานด้วยรอบเดินเบา
เอสตีมา ไฮบริด เป็นรถยนต์ที่เราเลือกมาทดสอบในครั้งนี้ เพราะนอกจากจะใช้พลังงานผสมที่ประหยัดกว่า อัลฟาร์ด และเป็นรถรุ่นแรกที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ภายนอก
ดูชินตา คล้ายรุ่นเดิม
3 ดาว
ความสวยแบบแปลก ในภาพลักษณ์ที่ล้ำสมัยของ เอสตีมา เมื่อครั้งที่ เอส.อี.ซี.กรุ๊ป ฯ นำเข้ามาจำหน่าย 3-4 ปีก่อน กลายเป็นภาพที่เริ่มชินตา ทำให้ เอสตีมา รุ่น ไฮบริด ที่เพิ่งเปิดตัว ดูจืดชืดไป แม้ว่าจะผ่านการปรับโฉม เพิ่มลูกเล่นใหม่อย่าง ไฟแบบโพรเจคเตอร์
เนื่องจาก เอสตีมา รุ่น ไฮบริด ใช้ตัวรถเดียวกันกับรุ่นมาตรฐาน มองจากรูปลักษณ์ภายนอกจึงแยกแทบไม่ออกว่าใครเป็นใคร โคมไฟหน้ากับไฟแบบโพรเจคเตอร์ กระจังหน้า กันชน และไฟท้าย ซึ่งต่างกันเพียงเล็กน้อย
รูปทรงเรียวยาวของ เอสตีมา แม้ว่าจะสมส่วนลงตัว และถูกใจวัยรุ่นมากกว่า อัลฟาร์ด แต่กลับถูกมองว่ามีขนาดตัวเล็กไปสำหรับผู้บริหาร เมื่อต้องนั่งด้านหลัง
ภายใน
แบบเดิม เพิ่มของเล่นใหม่
3 ดาว
เรือนไมล์ที่อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางแบบ วีออส แต่ทิ้งไฟเตือนทั้งหมดเอาไว้ที่เดิม และใช้พื้นที่ว่างมาทำเป็นกล่องเก็บของบอกได้คำเดียวว่า "แปลก" และไม่มีเหตุผล ส่วนพวงมาลัยหน้าตาคล้ายกับใน วีโก และอินโนวา นั้น เพิ่มสวิทช์ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา
จอภาพดีวีดี คือ ของเล่นชิ้นสำคัญ นอกจากแสดงผลการทำงานของระบบทั้งหมดในตัวรถ การส่งกำลังขับเคลื่อน การจัดเก็บพลังงาน และแจ้งปัญหาให้ทราบ ยังทำหน้าที่เป็นจอแสดงภาพจากกล้องขนาดจิ๋วทั้งซ้าย/ขวาที่ติดตั้งอยู่ตรงกระจังหน้า และเปลี่ยนมารับภาพจากกล้องตรงป้ายทะเบียน เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง พร้อมทั้งสร้างเส้นแนวแสดงทิศทางที่ควรจะถอย ระยะห่างที่สามารถเปิดฝาท้ายได้ และทิศทางในขณะนั้น ซึ่งทำได้ดี แม้ว่าจะขาดภาพด้านข้างตัวรถไปก็ตาม
ระบบ ไฮบริด ของ โตโยตา ผลิตกำลังไฟฟ้าสูงถึง 1,500 วัตต์ และมีปลั๊กไฟ AC 100 วัตต์ 2 จุด ตรงคอนโซลกลางและผนังท้ายรถ ซึ่งสามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้าน
ประตูบานเลื่อน 2 ด้านคู่ พร้อมระบบประตูปิด/เปิดด้วยไฟฟ้า และสามารถบังคับการปิด/เปิดได้ด้วยรีโมท อำนวยความสะดวกในการขึ้น/ลงรถสำหรับผู้โดยสาร
ขณะจอดระดับเสียงภายในอยู่ในระดับเดซิเบล ต่ำมาก ไม่ถึง 30 เดซิเบล (แบทเตอรีมีไฟเต็ม เครื่องยนต์ยังไม่ทำงาน) แต่ถ้าความเร็วเกิน 40 กม./ชม. จะอยู่ 40.7 เดซิเบล และ 68.9 เดซิเบล ขณะใช้ความเร็ว 140 กม./ชม. ถือว่า เงียบ
สมรรถนะ
ออกตัวดี ในเมืองประหยัด
4 ดาว
เอสตีมา ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าในช่วงออกตัวถึงความเร็วประมาณ 30-40 กม./ชม. ก่อนที่จะเสริมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร และ เกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง หรือซีวีที มีอัตราเร่งลี่นไหลต่อเนื่อง และมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีกชุด ช่วยขับเคลื่อนล้อหลังอีกตัวหนึ่ง ซึ่งจะทำงานแทบจะทุกครั้งที่เลี้ยวกลับรถหรือเข้าโค้งอย่างรุนแรง คล้ายระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียวไทม์
แม้ เอสตีมา จะมีกำลังรวมกันถึง 173.2 แรงม้า แต่เวลาใช้งานจริง กลับมาไม่พร้อมกัน ดังนั้น เอสตีมา รุ่น ไฮบริด จึงไม่ค่อยมีกำลังแรงเท่าที่คิด ความเร็วที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือจุดที่น่าสนใจ
ผลจากเครื่องมือวัดสมรรถนะดาทรอน ในตำแหน่งเกียร์ "D" อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 12.2 วินาที และ 0-400 ม. ในเวลา 18.6 วินาที ช้ากว่า ออดิสซีย์ ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเท่ากัน อยู่เล็กน้อย แต่พอเป็น 0-160 กม./ชม. ใช้เวลาถึง 36.6 วินาที เลยระยะ 0-1 กม. ที่ทำได้ 33.7 วินาทีไปถึงกว่า 3 วินาที ซึ่งใกล้เคียงกับ เจ้า เกีย คาร์นิวัล
การตอบสนองคันเร่ง ช่วงกลางได้มาเพราะเกียร์อัตโนมัติแบบ ซีวีที 60-100 กม./ชม. 6.5 วินาที และ 80-120 กม./ชม. 8.0 วินาที ในขณะที่ 40-120 กม./ชม. ซึ่งเครื่องยนต์เริ่มทำงาน เวลาขึ้นไป 14.1 วินาที ใช้ระยะทาง 338 ม.
ส่วนเรื่องความประหยัดที่ได้จากระบบ ไฮบริด นั้น ถูกจำกัด เอาไว้ที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ทำได้ 18 กม./ลิตร แต่ถ้าเกินจากนี้ ไม่แตกต่างจาก 2.4 ลิตร รุ่นมาตรฐาน คือ "กิน" พอตัว
การบังคับควบคุม
ขับง่าย สะดวก และเบาแรง
4 ดาว
เอสตีมา ไฮบริด นอกจากมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พลังงานไฟฟ้า ที่ให้การตอบสนองเร็วทันใจ แล้วยังมีระบบอีเลคทรอนิคควบคุมเบรค คำนวณและกระจายแรงดันน้ำมันเบรค ลดอาการเซปัดที่มักเกิดกับรถทรงสูง ซึ่งต้องระวังการเบรคกระทันหัน เพราะสมองกลตัวนี้คิดคำนวณเร็วแรงกว่าใจคิด
ผลจากเครื่องวัดสมรรถนะดาทรอน เอสตีมา ไฮบริด ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. หยุดนิ่งได้ในระยะ 18.2 ม. ในเวลา 2.0 วินาที คิดเป็นแรงจี 0.91 และความเร็ว 80 กม./ชม. ในระยะ 30.9 ม. ในเวลา 2.6 วินาที แรงจี 0.96 ตัวเลขที่ได้ดูแล้ว ต้องบอกว่า "ดี" กว่าที่คิด
ในเรื่องความปลอดภัย โตโยตา ได้ติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด รับภาพจากกล้องโทรทัศน์ติดตั้งอยู่ที่กระจังหน้าตัวรถ แบ่งภาพออกเป็นด้านซ้าย/ขวา ทำหน้าที่จับภาพในส่วนที่ผู้ขับไม่สามารถมองเห็น เช่น กรณีขับรถออกจากปากซอย และมองไม่เห็นรถบนถนนใหญ่ทั้งซ้าย/ขวา และภาพตรงหน้าตัวรถ อำนวยความสะดวกต่อการขับใช้งาน ลดอุบัติเหตุลักษณะเฉี่ยวชน
สรุป
เทคโนโลยีใหม่ น่าสนใจ
รูปร่างหน้าหน้าตาภายนอกอาจจะไม่ต่างจาก เอมพีวี รุ่นเดิม แต่ระบบ ไฮบริด ที่ใส่เข้ามาใหม่ ช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกได้มาก ทั้งในระหว่างเดินทาง และเมื่อจอด ขณะที่ยังไม่ทิ้งความสบายที่ได้จากห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งทั้ง 7 ที่นั่ง
เปรียบเทียบราคา 3,490,000 บาท ที่สูงกว่ารุ่นมาตรฐาน 5 แสนบาทนั้นคุ้มกว่า ตอนซื้อ แต่อาจต้องหนักใจค่าดูแลรักษา
ข้อมูลจำเพาะ โตโยตา เอสตีมา ไฮบริด
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท เอส.อี.ซี. กรุ๊ป จำกัด
โทร. 0-2643-0003
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,795/1,790/1,780
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,545/1,530
ฐานล้อ (มม.) 2,900
น้ำหนักรถ (กก.) 1,840
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 70
เครื่องยนต์
แบบ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,362
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 88.5/96.0
อัตราส่วนกำลังอัด 12.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 131/5,600
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 19.4/4,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลทรอนิค
มอเตอร์ไฟฟ้า
ด้านหน้า
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 17.7/1,130-3,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 11.2/0-1,130
ด้านหลัง
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 24.5/5,600
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 11.0/0-400
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) ต่อเนื่องไม่มีจังหวะ
ขับเคลื่อน (ล้อ) 4 ไฟฟ้า 2 หน้าเครื่องยนต์
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรง
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 3,490,000
เรื่องโดย : ธนสาร เสาวมล
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8023