หลังกรณี "ทุบรถ" 2 ครั้ง เผารถ 1 ครั้ง ผู้บริโภค ต่างเริ่มตระหนัก และหันมาพิทักษ์ประโยชน์อันพึงได้ ลุกขึ้นเรียกร้องให้ผู้ประกอบการ รับผิดชอบต่อสินค้าที่ผลิตจำหน่ายมากขึ้น

หลังกรณี "ทุบรถ" 2 ครั้ง เผารถ 1 ครั้ง ผู้บริโภค ต่างเริ่มตระหนัก และหันมาพิทักษ์ประโยชน์อันพึงได้ ลุกขึ้นเรียกร้องให้ผู้ประกอบการ รับผิดชอบต่อสินค้าที่ผลิตจำหน่ายมากขึ้น ผู้ประกอบการเอง ก็เริ่มเข้มงวดกับการตรวจสอบคุณภาพ เน้นอบรมบุคลากร ที่ทำหน้าที่ต้อนรับผู้บริโภค ผู้ "แบกปัญหา" มาขอรับบริการ ให้ได้รับแต่ความพึงพอใจกลับไป อย่าให้ต้องผิดหวัง จนอาจก่อให้เกิดเหตุบานปลาย เช่น เรื่องฉาวโฉ่ที่เพิ่งผ่านไป กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ราวกับจะบอกผู้บริโภคว่า "นี่เป็นหน้าที่ที่ฉันต้องดูแล" เพราะกว่าครึ่งของราคารถที่ผู้บริโภคจ่ายนั้น เป็นภาษีอากร ที่รัฐเก็บบำรุงคลัง มาเป็นเวลาช้านานแล้ว ได้ตั้ง "คณะกรรมการวินิจฉัยคุณภาพยานยนต์" ขึ้น โดยให้ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กับ สถาบันยานยนต์ เป็นหัวเรือใหญ่ ทำงานร่วมกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ช่วยวิเคราะห์วินิจฉัยปัญหาเทคนิคยานยนต์ ที่ถูกร้องเรียนจากผู้บริโภค มีการเสนอให้คณะกรรมการชุดที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ พิจารณาประยุกต์ใช้ "กฎหมายมะนาว (เปรี้ยว)" หรือ LEMON LAW ซึ่งเป็นกรอบมาตรการที่ใช้คุ้มครองผู้บริโภคสหรัฐ ฯ มาใช้บังคับในบ้านเรา ในหมวดยานยนต์ ที่ว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนรถให้แก่ผู้บริโภคของเขา ระบุไว้เป็นทำนองว่า "ระหว่างการใช้รถ 12,000 ไมล์แรก หากผู้บริโภคต้องนำรถเข้ารับบริการด้วยปัญหาซ้ำซาก เกินกว่า 4 ครั้ง หรือต้องทิ้งรถไว้ใน "อู่ซ่อม" ของตัวแทนจำหน่ายนานกว่า 30 วัน ให้ผู้บริโภคผู้นั้น สามารถเรียกร้องให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ได้" เป็นต้น เรื่องนี้ มองดูเผินๆ ก็ดูจะเป็นธรรมดีสำหรับผู้บริโภค แต่ผมอยากตั้งข้อสังเกตว่า เราควรพิจารณากันให้รอบคอบก่อน เพราะอะไรที่ใช้ได้ที่อื่น ไม่จำเป็นเสมอไปว่า จะต้องใช้ได้ที่นี่ด้วย อย่างเรื่อง "ไมล์รถ" นี่ ที่นั่นเขาถือเป็นสามัญสำนึก ที่ใครจะไปแตะต้อง ปรับปั่น แก้ไข ไม่ได้เด็ดขาด ผู้ละเมิดถือเป็นอาชญากร เขาเอาติดคุกกันหัวโตเชียวละ...แต่ในบ้านเรา ผมเห็น ร้าน "ปรับปั่นไมล์" มีอยู่เกลื่อนเมืองครับ ใครอยาก "โกงไมล์" อย่างไร แค่ไหน ปรึกษาได้ คิดค่าบริการกันเอง...ผมไม่เห็น หน่วยงานของรัฐหน่วยไหน ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ !?! จะเป็นเพราะไม่ทราบ หรือทราบ แต่ธุระไม่ใช่...ผมไม่รู้ !?! ถ้าเราถือ "ไมล์รถ" เป็นประเด็นสำคัญ ในการพิจารณาขอเปลี่ยนรถ "นักปั่นไมล์" อาชีพเหล่านี้ จะมีงานทำไม่ขาดมือ ให้กับใครก็ได้ ที่อยาก "ปั่นไมล์" เพื่อเปลี่ยนรถ แล้วพอนำรถมาวินิจฉัย ก็ต้องตัดสินให้เปลี่ยนรถได้ ซึ่งผู้ประกอบการก็จะต้องรับเปลี่ยนรถกัน "หัวโต" แน่นอน...ถูกไหมครับ ?!? ก่อนถือ "ไมล์รถ" เป็นสาระ ต้องปราบ "นักบาป ในคราบ นักบุญ" เหล่านี้ ให้สิ้นซากไปก่อนครับ !!!