เทคนิค
ที่เลือกเขียนเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะ "ฟอร์มูลา" เป็นฝ่ายจัดงานนะครับ แต่เป็นเพราะผมไม่เคยเขียนเรื่องนี้มาก่อนเลย และการไปชมงานแสดงรถยนต์ระดับนี้ ก็ให้ข้อคิดหลายประการด้วยกัน
ที่เลือกเขียนเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะ "ฟอร์มูลา" เป็นฝ่ายจัดงานนะครับ แต่เป็นเพราะผมไม่เคยเขียนเรื่องนี้มาก่อนเลย และการไปชมงานแสดงรถยนต์ระดับนี้ ก็ให้ข้อคิดหลายประการด้วยกัน
บางคนบอกว่างานแสดงรถในเมืองไทย คือตลาดนัดขายรถใหม่นั่นเอง ก็มีส่วนถูกครับ แถมตอนนี้รถใช้แล้วก็ยังมีขายด้วย คงไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะเป็นความสมัครใจของทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นด้วยนะครับ และผมก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้ด้วย ว่าทำไมการซื้อขายรถ จะจำเป็นต้องใช้สถานที่และโอกาสเช่นนี้ด้วย เพราะที่จริงแล้วทำที่ไหนเมื่อไรก็ได้ จะลดแลกแจกแถมกันแบบพิเศษสุดที่ไหนเมื่อใด ก็ย่อมทำได้ เอาเป็นว่าพวกเราชอบซื้อขายรถกันแบบไทยๆ เฉพาะในงานแบบนี้เท่านั้น ไม่ขัดข้องครับ
ผมว่าเป็นโชคของผู้จัดงานประเภทนี้นะครับ ไม่ใช่เฉพาะแต่งานแสดงรถ เพราะคนไทยจดจ่อหางานแสดงแบบนี้อยู่แล้ว จะไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะแบบในประเทศที่เขาเห็นคุณค่าคุณภาพชีวิต ก็ไม่มีสักแห่งที่ใกล้บ้าน เพราะฉะนั้นถ้าใครจัดงานให้ "น่าดู" และค่าชมไม่แพงเกินไปแล้วล่ะก็ โอกาสล้มเหลวน้อยครับ ความน่าดูของงานแสดงรถนั้น อยู่ที่ของใหม่หรือรถต้นแบบ ถึงไม่ใช่รถต้นแบบ ก็ควรเป็นรถที่ไม่มีขายในเมืองไทย หรือแบบที่มีขายแต่ราคาแพงมากและหาดูยาก พวกนี้คือ "แม่เหล็ก" ดูดผู้ชมครับ ผมเคยชวนคนไปชมงานแสดงรถ แล้วได้รับคำปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า ดูแล้วก็ไม่มีเงินซื้อ ไม่ไปดีกว่า แบบนี้หลงประเด็นแล้วครับ ที่น่าไปดูก็เพราะไม่มีเงินจะซื้อนี่แหละ ใครจะอยากไปดูของที่มีเงินซื้อได้สบายๆ
สิ่งแรกที่สะดุดตาผมในงาน และผมรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ดีมาก ก็คือการที่ โตโยตา นำอุปกรณ์ของแท้สำหรับรถ โตโยตา มาจำหน่ายให้แก่ลูกค้า โตโยตา เป็นของคุณภาพสูงและขายในราคาสมเหตุสมผลดีมาก เช่น อุปกรณ์พกติดรถเกี่ยวกับความปลอดภัย ทั้งชุดมีหลายชิ้นด้วยกัน ในราคาประมาณ 2,000บาท และของอื่นๆ อีก 3-4 อย่าง ยังน้อยไปครับ น่าจะนำมามากกว่านี้อีก เสียดายที่ยังไม่ค่อยมีคนเห็นคุณค่า ในต่างประเทศ ผู้ผลิตรถคุณภาพสูง จะมีสินค้าสารพัดที่เกี่ยวกับรถและการใช้รถ (รวมทั้งที่ไม่เกี่ยวด้วย) ไว้บริการลูกค้าที่จงรักภักดีเชื่อถือคุณภาพของรถนั้น และไม่ต้องการใช้ของ "ยี่ห้อ" อื่น ต้องสอนให้ลูกค้ารู้คุณค่าของ "ของแท้" ครับ งานหน้าช่วยเอามาหลายๆ อย่างหน่อย ถึงผมไม่ได้ใช้รถตรานี้ ก็จะไปอุดหนุนแน่นอน คราวนี้ขี้เกียจถือ และตั้งใจว่าจะซื้อในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าติดธุระ เลยอดซื้อ บริษัทรถอื่นๆ ก็มีของมาขายเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องแต่งกาย ของประดับ และราคาสูงมากทั้งนั้น เอากำไรน้อยๆ แล้วได้ชื่อเสียงกับความ "จงรักภักดี" น่าจะคุ้มกว่าในระยะยาวครับ
งานประเภทนี้ของปลอมของคุณภาพต่ำก็มีขาย บางทีกลับขายดีเสียอีก กฎหมายย่อมมีช่องโหว่เสมอความรู้และความคิดของพวกเรา คือ "วัคซีน" คุ้มกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
ค่ายจีเอม นำน้ำมันเครื่องมาขายในราคาถูก บรรจุภาชนะมาจากต่างประเทศเลย แบบไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพกันอีก น่าเสียดายที่แทบไม่มีใครเห็นคุณค่า เพราะชื่อยังไม่ค่อย "คุ้นหูคุ้นตา" เท่าไร
เดินมาอีกหน่อยเจอ แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 9 คันงามอยู่บนแท่น สำหรับผมแล้ว รถนี้มีความพิเศษ ตรงที่ความสวยงามกลมกลืน ทั้งภายนอกและภายใน เรื่องคุณภาพและสมรรถนะหรือราคาคงไม่ต้องพูดถึง รถสปอร์ทส่วนใหญ่ในสายตาผม สวยข้างนอกบ้าง ข้างในบ้าง หรือไม่ก็ไม่สวยเลยทั้งข้างนอกและข้างใน แต่รถนี้สวยจริงๆ ทั้งข้างนอกและภายใน ใครที่เคยเห็นแต่ภาพ อย่านึกว่ามันเป็นแค่นั้นนะครับ ตัวจริงสวยกว่าอีกมาก ยิ่งภายในแล้วผมว่าไม่มีแผงหน้าปัดรถสปอร์ทหรือรถเก๋งใดก็ตาม ที่มีขายอยู่ขณะนี้ สวยหรูเท่าหรือเกือบเท่าของรถนี้ แค่ความรู้สึกส่วนตัวนี้ ผมคงไม่เขียนให้เปลืองเนื้อที่ ที่นำมาเล่าเพราะมันมีเรื่องน่าสนใจที่เกี่ยวข้องกันอยู่พอสมควร
ก่อนที่จะผลิตออกจำหน่าย โรงงานแอสตัน มาร์ทิน เคยนำรถรุ่นนี้ออกแสดงในงานแสดงรถยนต์ใหญ่แห่งหนึ่งในยุโรป ผมจำไม่ได้แล้วว่าในประเทศใด พนักงานของ แอสตันฯ นำรถรุ่นนี้ขึ้นแท่นแสดงเรียบร้อยแล้ว ประธานบริหารจึงเข้ามาตรวจความเรียบร้อย ปรากฏว่าต้องตกตะลึงกับฝีมือของลูกน้อง ซึ่งคงจะรับปากไว้ว่าไม่ต้องห่วงจะทุ่มเทสุดฝีมือ แต่ผลงานจริงกลับสุดห่วย ไม่สมกับรถสปอร์ทหรูระดับโลกอย่าง ดีบี 9 นี้ ใครที่ทำงานบริหารอยู่หรือเคยทำ ผมเชื่อว่าจะไม่ค่อยแปลกใจ กับผลงานและความคิดของลูกน้องประเภทนี้ โดยเฉพาะเมืองไทยเรามีเยอะมาก โดยปกติผู้บริหารที่เจอสถานการณ์แบบนี้ ก็จะต้องหาวิธีแก้ไขแบบนุ่มนวลตบตา ทำนอง "ขายผ้าเอาหน้ารอด"
แต่ อุลริค เบซ (ULRICH BEZ) ประธาน ฯ แอสตัน ฯ ชาวเยอรมันคนนี้ แกตรงไปตรงมาดีครับ ข่าวไม่ได้บอกว่า "ด่าเช็ด" เป็นรางวัลหรือเปล่า แต่ขอโทษผู้ชม และผู้แทนสื่อมวลชน แล้วสั่งให้ยกรถรุ่นนี้ออกจากงานแสดงทันที บอกเหตุผลด้วยว่าแผงหน้าปัดไม่มีคุณภาพและความสวยงามสมกับรถและชื่อเสียงของ แอสตัน ฯ ประธาน เบซ บริหาร แอสตัน ฯ มาหลายปีแล้ว โดยการเชิญของ โวล์ฟกัง ไรทซ์เล (WOLFGANG REITZLE) "กระบี่มีอหนึ่ง ด้านเทคนิคของ บี เอมฯ" ซึ่งดูแลกลุ่มรถหรู 5 "ยี่ห้อ" ในเครือ "ฟอร์ด" คือ ลินคอล์น/โวลโว/แจกวาร์/แอสตัน มาร์ทิน และ แลนด์ โรเวอร์ ซึ่งก็ถูกเชิญโดยอดีตประธานบริหาร ฟอร์ด ที่ถูกปลดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะ "ไม่กินเส้น" กับเจ้าของบริษัท ฟอร์ด ขนาดบริษัทระดับยักษ์ใหญ่ของโลก ก็ยังมีการตัดสินบุคลากรกันด้วย อารมณ์ ความรู้สึก และเส้นสายแทนฝีมือ และผลงานกันอยู่
ก็กิเลสมนุษย์นี่แหละครับ พอ ชาค นัสเซอร์ ถูกปลด ไรทซ์เล ก็ "คอขาด" ตาม ยังดีที่ไม่โง่ขนาดปลด เบซ ติดร่างแหไปด้วย ไม่อย่างนั้น แอสตัน มาร์ทิน คงไม่ก้าวหน้า มีรถหลายรุ่นเป็นผลงานดีๆ อย่างที่เห็นในวันนี้แน่นอน แปลกแต่จริงครับ การสร้างรถต้องใช้ฝีมือและความรู้ของ คนหลายระดับเป็นพันๆ คน แต่สุดท้ายแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็อยู่ที่ "กึ๋น" ของประธานบริหารคนเดียว เมื่อไรคณะกรรมการบริหารหลงไปเลือกพวกเก่งแต่ปากเข้า ก็สามารถทำลายบริษัทให้ขาดทุนย่อยยับเป็น 100,000 ล้านได้ในเวลาไม่กี่ปี คำว่า "กึ๋น" ที่นิยมใช้กัน จริงๆ แล้วก็คือ ความคิดที่มาจาก "วุ้น" เละๆ ในกระโหลกศีรษะ ที่ต้องจ้างหรือ "เช่า" กัน เดือนละเป็นแสน เป็นล้าน หรือหลาย 10 ล้านนี่แหละครับ
ประธาน เบซ ของ แอสตัน ฯ คนนี้ เคยเป็นหัวหน้าทีมพัฒนา โพร์เช คาร์เรรา รุ่น 993 ที่ระบายความร้อนเครื่องยนต์ด้วยอากาศเป็นรุ่นสุดท้าย จากนั้น แดวู ของเกาหลีก็ "ซื้อตัว" (น่าจะเรียกว่าเช่ามากกว่านะครับ) ไปสอนการสร้างรถให้ 5 ปีเต็ม ผมว่าค่าตัวแพงขนาดไหนก็ยังคุ้ม กับความรู้ที่ได้และเวลาที่ประหยัดจากการ "เรียนลัด" ครับ มัวลองผิดลองถูก เสียเงินมากกว่าหลายเท่า แล้วได้ความรู้น้อยกว่าด้วย ในฐานะที่ชอบรถตรานี้มาหลาย 10 ปี
ผมก็หวังว่า เบซ จะอยู่กับ แอสตัน ฯ ไปอีกอย่างน้อยสัก 5 ปี จะได้มีรถสปอร์ทดีๆ ให้คนชอบรถได้ชื่นชมกันอีกหลายรุ่น
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2548
คอลัมน์ Online : เทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7929