พิเศษ
-
หลังจากวางมือจากการแข่งขันแรลลีโลก โดยได้แชมพ์ประเภทโรงงานถึง 3 ปี ส่วนรายการแข่ง เลอ
มองส์ 24 ชม. ในปี 2543 ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้ตำแหน่งสตาร์ทอันดับ 1
ครองตำแหน่งรองแชมพ์ในการแข่งขัน
และสามารถทำสถิติเวลาต่อรอบดีที่สุดของการแข่งขันในปีนั้นด้วย โตโยตา
ก็หันมาทุ่มเทอย่างเต็มที่กับสุดยอดความเร็วทางเรียบ เอฟ 1 โดยเป็นหนึ่งใน 4 ทีมนอกเหนือจาก
แฟร์รารี/แจกวาร์ และเรอโนลต์ ที่สร้างทั้งเครื่องยนต์ และแชสซีส์ นอกจากนี้ทาง โตโยตา
ยังได้ออกแบบระบบถ่ายทอดกำลัง/ระบบรองรับ และชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยตนเอง
โตโยตา เริ่มนำรถแข่งลงวิ่งทดสอบในปี 2544 และเข้าร่วมการแข่งขันในปีต่อมา โดยใช้ชื่อทีมว่า
พานาโซนิค โตโยตา เรซิง (PANASONIC TOYOTA RACING) ซึ่งในปีนี้มี ออลีวีแอร์ ปานีส และ
คริสตีอาโน ดา มัตตา เป็นนักขับประจำทีม ส่วน ริการ์โด ซนตา เป็นตัวสำรอง
เมื่อเร็วๆ นี้ โตโยตา ได้พาผู้สื่อข่าวไทยเข้าชมการแข่งขัน เอฟ 1 ในรายการ อิตาลี กรองด์ปรีซ์ ที่สนาม
มนซา เซอร์กิท แล้วบินข้ามไปยังประเทศเยอรมนี เพื่อเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถแข่ง ฟอร์มูลา วัน
ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง โคโลน์ญ (COLOGNE) โดยใช้ชื่อบริษัทว่า โตโยตา มอเตอร์ สปอร์ท จีเอมบีเอช
(TOYOTA MOTORSPORT GMBH) หรือ ทีเอมจี (TMG)
ซึ่งถือว่าเป็นคลังแห่งความสุดยอดทางเทคโนโลยีทั้งทางด้านเครื่องยนต์ และตัวถัง
โรงงานแห่งนี้มีเนื้อที่ 30,000 ตารางเมตร มีเจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ รวมทั้งสิ้น 550 คน จาก 33 ประเทศ
ภายในสถานที่ประกอบไปด้วย ห้องออกแบบรถแข่ง
อุโมงค์ลมขนาดใหญ่เพื่อใช้ทดสอบเรื่องอากาศพลศาสตร์
ห้องทดสอบเครื่องยนต์ด้วยเครื่องมือไดนาโมมิเตอร์ แผนกค้นคว้าและพัฒนารถแข่ง
ห้องผลิตคาร์บอนเคฟลาร์ที่ใช้ในการสร้างรถแข่ง แผนกผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ท่อไอเสีย ห้องประกอบ
และตรวจเชครถแข่ง ฯลฯ
เราจะพาท่านชมไปทีละส่วนของโรงงานระดับโลกแห่งนี้กัน
เมื่อเข้าประตูด่านแรกของโรงงานจะพบกับอดีตรถแข่ง 2 คันของทีม โตโยตา คันหนึ่งเป็นรถแข่งแรลลี
ที่ โอวี แอนเดอร์ส์สัน (OVE ANDERSSON) ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานบริษัทของ ทีเอมจี
เคยใช้แข่งมาก่อน ส่วนอีกคันคือรถแข่ง เลอ มองส์ ที่เคยสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่อีกหน้าหนึ่งของ
โตโยตา
เราได้ไปชมห้องเตรียมการ และประกอบรถแข่งก่อนที่จะถูกขนส่งไปยังสนามแข่งรถทั่วโลก
ห้องนี้จะเป็นจุดกำเนิดรถแข่ง ซึ่งแต่ละคันจะประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆ ถึง 4,500 ชิ้น
(เครื่องยนต์ถือเป็นแค่ 1 ชิ้น ซึ่งต้องประกอบด้วยมือ โดยใช้ช่าง 2 คน และเวลา 100 ชม.
ต่อการประกอบเครื่องยนต์ 1 เครื่อง)
และต้องผ่านการตรวจสอบด้วยเครื่องมือไดนาโมมิเตอร์ก่อนนำไปใช้งาน
เครื่องยนต์ของรถแข่ง โตโยตา ใช้รหัส อาร์วีเอกซ์-03 แบบ วี 10 สูบ ทำมุม 90 องศา 40 วาล์ว ความจุ
2,998 ซีซี ปราศจากระบบอัดอากาศ ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์ 7 จังหวะ ในหนึ่งฤดูกาลการแข่งขัน
จะสิ้นเปลืองเครื่องยนต์ประมาณ 350 -400 เครื่อง เพื่อใช้ในการทดสอบและแข่งขัน
แต่ละเครื่องจะถูกใช้งานราว 500 กม. หลังจากนั้นจะถูกส่งไปตรวจสอบชิ้นส่วนภายในที่มีอยู่ประมาณ
4,500 ชิ้นอย่างละเอียด ราว 40 % ของชิ้นส่วนเหล่านี้จะหมดอายุและต้องเปลี่ยนใหม่
ห้องทำท่อไอเสียของรถแข่ง ต้องใช้ฝีมือ ความประณีตและความเชี่ยวชาญของช่างเป็นพิเศษ
วัสดุที่ใช้ทำจากอลูมิเนียม ซึ่งมีความทนทานและน้ำหนักเบา มาเชื่อมเข้าด้วยกัน
จะมีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของชิ้นงาน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
ต่อจากนั้นเราได้เข้าไปชมอุโมงค์ลมขนาดใหญ่ ซึ่งจะจำลองสภาพต่างๆ
ภายในสนามแข่งเพื่อดูผลเรื่องกระแสลมที่มีต่อตัวรถตามหลักอากาศพลศาสตร์
กระแสลมในห้องนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 200 กม./ชม.
ทดสอบกับรถแข่งจำลองขนาดครึ่งหนึ่งของรถแข่งจริง เนื่องจากถ้าใช้ขนาดเท่ารถแข่งจริง
ตัวห้องจะต้องใหญ่กว่านี้มาก
ห้องตรวจสอบเครื่องยนต์ ใช้เครื่องมือไดนาโมมิเตอร์ (DYNAMOMETER) ถึง 8 เครื่อง
เพื่อตรวจสอบและปรับการทำงานของเครื่องยนต์ก่อนที่จะนำไปซ้อมหรือแข่ง
โดยเครื่องมือนี้จะจำลองสภาพต่าง ๆ ของการแข่งขันเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
โดยจะบอกค่าต่างๆ อย่างละเอียด สำหรับนำไปปรับแต่งโพรแกรมต่างๆ
ของเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้ทดสอบในระหว่างการออกแบบเครื่องยนต์ใหม่ด้วย
ห้องผลิตวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ วัสดุนี้จะใช้ทำชิ้นส่วนต่างๆ
ที่มีทั้งความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบากว่าอลูมิเนียมซึ่งเคยใช้ทำแชสซีส์ของรถแข่งในอดีต
โดยวัสดุนี้จะถูกใช้ในส่วนต่างๆ ของรถแข่ง เช่น ชิ้นส่วนด้านหน้ารถ ชิ้นส่วนระบบรองรับด้านหน้า
โครงสร้างรถแข่ง ฝาครอบเครื่องยนต์ พื้นด้านล่าง เบาะนั่ง สปอยเลอร์ด้านหลัง ฯลฯ ล้วนแต่ใช้วัสดุ
คาร์บอนไฟเบอร์ทั้งสิ้น น้ำหนักตัวรถรวมทั้งคนขับจะอยู่ที่ประมาณ 600 กก. เท่านั้น
โครงสร้างรถแข่งแต่ละคัน ต้องใช้แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ประมาณ 30 ตารางเมตร
โดยแต่ละแผ่นจะถูกเชื่อมยึดไว้ด้วยเรซิน เพื่อความแข็งแกร่ง
การออกแบบชิ้นส่วนโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่งไปทำแม่พิมพ์เพื่อผลิตวัสดุต่างๆ
ในส่วนที่ต้องการความแข็งจะเสริมความหนาเป็นพิเศษ
คาร์บอนไฟเบอร์จะใช้แรงดันและอุณหภูมิอัดให้เข้ากับแบบพิมพ์
วัสดุที่เสร็จแล้วจะถูกนำมาตรวจสอบอัตราส่วนของความแข็งแรงต่อน้ำหนักอีกครั้ง
เราใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ 1.30 ชม.
ได้มีโอกาสเรียนรู้และสัมผัสกับเทคโนโลยีที่เราคาดไม่ถึงอย่างมากมาย และเลิกสงสัยแล้วว่า
ทำไมรถแข่ง เอฟ 1 จึงมีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก ทีมแข่งมากมายที่หลงเสน่ห์เข้ามาสู่วงการนี้
ถ้าบริหารไม่ดีหรือเงินไม่ถึงก็อาจล้มละลายไปได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งฤดูกาล
ล้อมกรอบ
ระยะเวลาการทำงานขณะเข้าพิทโดยทีมงาน 21 คน
0.0 วินาที รถแข่งวิ่งเข้ามาในช่องที่กำหนดในพิท (PIT BOX)
เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้นักแข่งเบรคและเข้าเกียร์ว่าง
0.5 วินาที รถแข่งถูกยกขึ้นจากพื้นทั้งด้านหน้า/หลัง
1.0 วินาที นอทล้อทั้ง 4 ถูกคลายออกด้วยประแจอัดลม 4 ตัว
ท่อเติมน้ำมันถูกต่อเชื่อมเข้ากับถังน้ำมัน ไฟแดงจะแสดงขึ้น เมื่อน้ำมันไหลเข้าไป
2.0 วินาที ล้อพร้อมยางทั้ง 4 ชุดถูกถอดออก
3.0 วินาที ล้อและยางชุดใหม่ถูกใส่เข้าไป
เครื่องมือสำหรับสตาร์ทเครื่องเตรียมพร้อม
4.0 วินาที นอทล้อถูกไขโดยใช้ประแจอัดลม เจ้าหน้าที่จะยกมือขึ้นเมื่องานเสร็จเรียบร้อย
เครื่องเป่าลมระบายความร้อนของเครื่องยนต์ถูกยกออก
5.5 วินาที ล้อคู่หน้าลดต่ำลงสู่พื้น เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้นักแข่งเข้าเกียร์ 1
แผ่นใสที่หมวกกันนอคด้านหน้าของนักแข่งถูกเช็ดทำความสะอาด
7.0 วินาที ไฟเขียวแสดงถึงปริมาณน้ำมันถูกเติมเรียบร้อย ท่อเติมน้ำมันถูกปลดออก
7.5 วินาที ล้อคู่หลังถูกลดลงสู่พื้น เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณนักแข่งออกรถ โดยใช้ความเร็วในพิท
ไม่เกิน 80 กม./ชม.
เกร็ดข้อมูล เอฟ 1
- กฎข้อบังคับกว่า 500 หัวข้อ ทำให้รถแข่ง เอฟ 1 เป็นรถที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
- ขณะที่ขับรถแข่งด้วยความเร็ว 320 กม./ชม. เพียงแค่ระยะเวลาที่นักแข่งกะพริบตา
รถจะวิ่งไปเป็นระยะทางเท่ากับความยาวของสนามฟุตบอล
- ระหว่างการแข่งขัน ร่างกายนักแข่งจะเผาผลาญพลังงานถึง 600 แคลลอรี น้ำหนักตัวลดลง 2 กก.
ของเหลวในร่างกายลดลง 1.5 ลิตร
- อัตราการเต้นของหัวใจของนักแข่ง เอฟ 1ระหว่างแข่งขันจะอยู่ที่ 160 ครั้ง/นาที สูงสุดมากกว่า 200
ครั้ง/นาที ในขณะที่ชายหนุ่มสุขภาพสมบูรณ์โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 60 ครั้ง/นาที
- รถแข่ง เอฟ 1 สามารถทำอัตราเร่ง 0-160 กม./ชม. และเบรคจนรถหยุดสนิท โดยใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง
6.0 วินาที
- ที่สนามแข่ง มนซา อิตาลี รถแข่งทีม โตโยตา สามารถทำความเร็วสูงถึง 361 กม./ชม.
- ปริมาณน้ำมัน 90 ลิตร ถูกบรรจุลงในรถแข่งระหว่างเข้าพิทในเวลาเพียง 8 วินาที
ขณะที่รถยนต์ธรรมดาทั่วไปจะใช้ถึง 2 นาที
- รถแข่ง เอฟ 1 จะไม่มีพัดลมระบายความร้อน ในขณะจอดรอสตาร์ท
น้ำแข็งแห้งจะถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการ "โอเวอร์ฮีท"
- การแข่งขันแต่ละสนามตลอดระยะเวลา 2 ชม. ถูกถ่ายทอดสดไปยัง 128 ประเทศ
มีแฟนความเร็วเฝ้าชมถึง 300 ล้านคน
- ทีมงาน โตโยตา 60 คน ใช้ห้องพักในโรงแรมประเทศต่างๆ ระหว่างการแข่งขันฤดูกาลปี 2545 ถึง 80
คืน คิดเป็นจำนวน 4,800 ห้อง
เรื่องโดย : อัฐฒา นายเรือ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7421