ในช่วงเวลาดังกล่าว ในญี่ปุ่นสินค้ารถยนต์ของค่ายนี้ซึ่งมีอยู่รวม 4 ยี่ห้อ คือ โตโยตา (TOYOTA) เลกซัส (LEXUS) ไดฮัทสุ (DAIHATSU) และ ฮีโน (HINO) ได้รวมทั้งสิ้น 1,246,494 คัน หรือเท่ากับร้อยละ 41.5 ของยอดขายทั้งมวลในประเทศ ส่วนในสหรัฐอเมริกาสินค้ารถยนต์ที่มีอยู่รวม 3 ยี่ห้อ คือ โตโยตา (TOYOTA) เลกซัส (LEXUS) และ ไซออน (SCION) ก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 1,165,607 คัน หรือเกือบเท่าจำนวนรถที่ขายได้ในญี่ปุ่น ในจำนวนนี้มีอยู่ถึง 835,528 คัน หรือเท่ากับร้อยละ 71.7 ซึ่งเป็นรถผลิตในเมืองมะกัน และเมื่อแยกตามรุ่นของรถก็จะพบว่า รถที่ขายได้มากที่สุด คือ โตโยตา แคมรี (TOYOTA CAMRY) ซึ่งมียอดขายสูงถึง 222,540 คัน และเกือบทุกคันล้วนเป็นรถผลิตในสหรัฐอเมริกา รองลงไปคือ โตโยตา โคโรลลา (TOYOTA COROLLA) 174,354 คัน โตโยตา รัฟโฟร์ (TOYOTA RAV4) 116,952 คัน โตโยตา ปรีอุส (TOYOTA PRIUS) 107,101 คัน และ โตโยตา ตาโกมา (TOYOTA TACOMA) 75,149 คัน

ยักษ์ใหญ่ โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน (TOYOTA MOTOR CORPORATION) แห่งประเทศญี่ปุ่น นับเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีสินค้าให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย และมีกิจการอยู่ในทุกซอกทุกมุมของโลกใบน้อยใบนี้ อย่างไรก็ตาม หากตัดแดนซากุระซึ่งเป็นเมืองแม่ออกไป ก็น่าจะกล่าวได้ว่า ตลาดรถยนต์ที่สำคัญที่สุดของยักษ์ใหญ่รายนี้ คือ ตลาดในสหรัฐอเมริกานั่นเอง ข้อพิสูจน์ที่เห็นได้ชัด คือ ยอดขายรถยนต์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2014 ในช่วงเวลาดังกล่าว ในญี่ปุ่นสินค้ารถยนต์ของค่ายนี้ซึ่งมีอยู่รวม 4 ยี่ห้อ คือ โตโยตา (TOYOTA) เลกซัส (LEXUS) ไดฮัทสุ (DAIHATSU) และ ฮีโน (HINO) ได้รวมทั้งสิ้น 1,246,494 คัน หรือเท่ากับร้อยละ 41.5 ของยอดขายทั้งมวลในประเทศ ส่วนในสหรัฐอเมริกาสินค้ารถยนต์ที่มีอยู่รวม 3 ยี่ห้อ คือ โตโยตา (TOYOTA) เลกซัส (LEXUS) และ ไซออน (SCION) ก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 1,165,607 คัน หรือเกือบเท่าจำนวนรถที่ขายได้ในญี่ปุ่น ในจำนวนนี้มีอยู่ถึง 835,528 คัน หรือเท่ากับร้อยละ 71.7 ซึ่งเป็นรถผลิตในเมืองมะกัน และเมื่อแยกตามรุ่นของรถก็จะพบว่า รถที่ขายได้มากที่สุด คือ โตโยตา แคมรี (TOYOTA CAMRY) ซึ่งมียอดขายสูงถึง 222,540 คัน และเกือบทุกคันล้วนเป็นรถผลิตในสหรัฐอเมริกา รองลงไปคือ โตโยตา โคโรลลา (TOYOTA COROLLA) 174,354 คัน โตโยตา รัฟโฟร์ (TOYOTA RAV4) 116,952 คัน โตโยตา ปรีอุส (TOYOTA PRIUS) 107,101 คัน และ โตโยตา ตาโกมา (TOYOTA TACOMA) 75,149 คัน ส่วน โตโยตา แคมรี (TOYOTA CAMRY) ที่กำลังอวดโฉมอยู่ในขณะนี้ ไม่รวมอยู่ในรถมากกว่า 2 แสนคันที่ขายได้ในช่วงครึ่งแรกปีม้าพยศดังที่กล่าว เนื่องจากเป็นรถรุ่นใหม่ที่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มออกโชว์รูม รถรุ่นนี้เพิ่งอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก ที่งานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์คครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นเวอร์ชันที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดในทวีปอเมริกาเหนือ มีหน้าตาและรายละเอียดทางเทคนิคแตกต่างจากรถชื่อเดียวกันที่จำหน่ายในเมืองแม่ มีกำหนดออกขายในสหรัฐอเมริกาก่อนสิ้นปี 2014 ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2015 เพื่อสืบสานภารกิจของรถรุ่นเดิมๆ ที่ครองตำแหน่งรถเก๋งขายดีที่สุดในเมืองมะกันติดต่อกันมาแล้ว 12 ปี ในข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ที่ทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับสื่อมวชน โตโยตา ในสหรัฐอเมริกาบอกว่า สิ่งที่กระทำกับรถรุ่นใหม่นี้ ก็คือ นำรถรุ่นเดิมที่ขายไปแล้วมากกว่า 1 ล้านคัน แต่เริ่มออกตลาดเมื่อปี 2011 มาถอดเป็นชิ้นๆ แล้วออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่แชสซีส์จนจรดหลังคา เพื่อทำให้รถที่ดีอยู่แล้วเป็นรถที่ดียิ่งกว่าเดิม "ทุกวันนี้ลูกค้าพึงพอใจในความทนทาน คุณภาพ และคุณค่าที่รถ แคมรี มีให้ แต่พวกเขาก็ยังอยากได้เพิ่มอีกนิดหน่อยในเรื่องสไตล์ ความสะดวกสบาย และสมรรถนะ แคมรี รุ่นปี 2015 นี่แหละ คือ คำตอบของความต้องการเหล่านี้" บอบ คาร์เตอร์ (BOB CARTER) รองประธานกรรมการอาวุโสของ โตโยตา สหรัฐอเมริกา กล่าวกับสื่อมวลชนในงานที่นิวยอร์ค ตัวถังซีดานที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 5 คน มีขนาดโตกว่ารถรุ่นเดิมเล็กน้อย ทั้งมิติความยาว มิติความกว้าง และจะมีสีตัวถังให้เลือกถึง 10 สี รวมทั้งสีเงิน CELESTIAL SILVER METALLIC และสีแดง RUBY FLARE PEARL ที่ไม่มีในรถรุ่นเดิม ในส่วนของเครื่องยนต์กลไก จนถึงขณะที่รายงานข่าวซึ่งเป็นช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ บอกแต่เพียงว่า จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน 4 สูบเรียง ความจุ 2.5 ลิตร และเครื่องเบนซิน 6 สูบ ความจุ 3.5 ลิตร ซึ่งทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และที่ขาดเสียมิได้ คือ ระบบไฮบริดโดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ความจุ 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ E-CVT) TOYOTA CAMRY * เปิดตัวที่นิวยอร์คเมื่อกลางเดือนเมษายน 2014 * ตัวถังซีดานยาว และกว้างกว่ารถรุ่นเดิมเล็กน้อย * จะออกโชว์รูมก่อนสิ้นปีในฐานะรถรุ่นปี 2015 * เครื่องเบนซิน ความจุ 2.5 และ 3.5 ลิตร * จะมีรุ่นไฮบริดติดตั้งเกียร์ E-CVT ให้เลือกใช้ด้วย