การเป็น ซีอีโอ ขององค์กรหนึ่งๆ หน้าที่ที่สำคัญ คือ การตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ สำหรับบริษัทรถยนต์ การตัดสินใจใหญ่ๆ เช่น การซื้อหรือขายบแรนด์รถยนต์ การควบรวมกิจการ การขายกิจการ การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ การเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และการลงทุน

การเป็น ซีอีโอ ขององค์กรหนึ่งๆ หน้าที่ที่สำคัญ คือ การตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ สำหรับบริษัทรถยนต์ การตัดสินใจใหญ่ๆ เช่น การซื้อหรือขายบแรนด์รถยนต์ การควบรวมกิจการ การขายกิจการ การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ การเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และการลงทุน นิสสัน เป็นบแรนด์สัญชาติญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันนี้บแรนด์นี้ถูกผูกติดกับชื่อนักบริหารสัญชาติบราซิลที่ชื่อ การ์โลส โกส์น (CARLOS GHOSN) ซึ่งเข้ามาบริหาร นิสสัน ในช่วงวิกฤต ภายใต้การนำของ การ์โลส โกส์น นิสสัน ได้กลับมายืนอยู่อย่างมั่นคง มีความเป็นผู้นำอยู่ในหลายเรื่อง เช่น เป็นเจ้าแรกที่เผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้าออกมาสู่ตลาดโลก ในขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยตา หรือ เจเนอรัล มอเตอร์ ในขณะนั้นแค่ ว่าจะเท่านั้น การ์โลส โกส์น ผู้สร้างสีสันให้กับวงการรถยนต์โลก เป็นชาวบราซิล วงการเรียกเขาว่าศิลปินผู้พลิกฟื้นกิจการแห่งโลกรถยนต์ผู้เข้ามากอบกู้สถานการณ์ให้ทั้ง เรอโนลต์ ในฝรั่งเศส และ นิสสัน ในญี่ปุ่น ซึ่งหวุดหวิดจะล้มละลายทั้งคู่ หลายคนให้สมญาเขาว่าเป็น นักฆ่าหฤโหดที่ทำหลายอย่างเพื่อให้ นิสสัน อยู่รอด แต่คนที่มองเขาในแง่บวก บอกว่าเขานี่แหละคือคนที่เข้ามาแก้ไขปัญหาทั้งหลายทั้งปวง (MR.FIX-IT.) เขาไม่เพียงทำให้ทั้ง เรอโนลต์ และ นิสสัน พ้นจากสภาพล้มละลาย แต่ยังทำให้ทั้ง 2 บริษัท ซึ่งมารวมกันกลายเป็นผู้นำ และจากเดิมที่เป็นคนนอกได้กลายเป็นคนที่ชาวญี่ปุ่นรักใคร่ เพราะเขาคือผู้ที่ทำให้บแรนด์ที่คนญี่ปุ่นหวงแหนกลับมาเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง ขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานของ เรอโนลต์ และประธานร่วมของ นิสสัน บินไปมาระหว่างฝรั่งเศสกับโตเกียวด้วยเครื่องบินเจทส่วนตัว พ่อแม่ของเขาอพยพมาจากเลบานอน เขาเข้าเรียนวิศวะที่ปารีส เขาพูดได้ 4 ภาษา และความที่เขาต้องเข้าไปคลุกคลีอยู่ในหลายวัฒนธรรม ทำให้ต้องผลักดันตัวเอง และปรับตัวให้ได้ในทุกวัฒนธรรม นี่เองคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงเป็น ซีอีโอ ต่างชาติที่คนญี่ปุ่นยอมรับ ทั้งๆ ที่โดนนินทาว่าไม่สนกับวิธีโค้งคำนับแบบญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่เมื่อเข้ามาเป็น ซีอีโอ ที่ นิสสัน เขาเปลี่ยนแปลงประเพณีการทำธุรกิจแบบญี่ปุ่นๆ ที่เคยมีมา เช่น การจ้างงานตลอดชีวิต เขาเลย์ออฟคนงานกว่า 21,000 คน ขายหุ้นออกไปให้กับพาร์ทเนอร์ธุรกิจกว่าครึ่ง และซื้อตัววิศวกรจากคู่แข่ง เช่น อีซูซุ อิมพอร์ทคนจากเรอโนลต์ แก้ปัญหาการสื่อสารในองค์กร ด้วยการให้ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษ และให้รางวัลคนที่เรียนภาษาอังกฤษ เขาบอกว่าการใช้ภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาแม่ ทำให้ต้องคิดอย่างรอบคอบก่อนพูด จะว่าไป ไม่ว่าจะทำอะไร ก็สำเร็จยอดเยี่ยมหมด ดังนั้นเมื่อปีที่แล้ว การ์โลส โกส์น ก็พลิกฟ้าพลิกดินใน นิสสัน อีกครั้งด้วยการนำบแรนด์ ดัทสัน กลับมา ซึ่งทุกคนก็เห็นดีเห็นงาม อันว่า ดัทสัน ก็เป็นรถสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย จึงเหมาะกับตลาดเกิดใหม่อย่าง อินเดีย อินโดนีเซีย และรัสเซีย โดยจะไม่มีขายในสหรัฐอเมริกา หรือยุโรป ในตลาดอินเดีย นิสสัน อาจเปิดโรงงานใหม่ หรือใช้โรงงานเดิมที่เชนไน เมื่ออกสู่ตลาด ดัทสัน จะกลายเป็นบแรนด์ที่ 3 ภายใต้ร่มเงา นิสสัน โดยมี อินฟินิที เป็นบแรนด์ที่ 2 จุดขายของ ดัทสัน คือ ประหยัดเชื้อเพลิง และมีฟีเจอร์ต่างๆ ในมาตรฐานที่ค่อนข้างดี เมื่อปี 2554 นิสสัน มียอดขายรถยนต์ในอินโดนีเซีย 60,000 คัน และมีแผนจะดันยอดขายให้ถึง 250,000 คันในปีนี้ ที่เป็นไปได้ก็เพราะคาดกันว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในอินโดนีเซีย จะโตเป็น 2 เท่าจากยอดผลิตรถยนต์ 890,000 คัน ในปัจจุบันเป็น 1,780,000 คัน ดัทสัน จะใช้ชิ้นส่วนในแต่ละประเทศเป็นจำนวนสูง นิสสัน กะว่าจะมียอดขายในตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 60 ของยอดขายรวมบริษัทภายในปี 2559 ดัทสัน คือ รถประหยัด เซด ไทพ์ ที่วางตลาดครั้งแรกในญี่ปุ่นในปี 2475 แล้วส่งไปขายที่สหรัฐอเมริกา 50 กว่าปีมาแล้ว หยุดการผลิตไปตั้งแต่ปี 2524 ที่บ้านผู้เขียนก็ใช้ ดัทสัน อยู่ตอนผู้เขียนเด็กๆ เช่นเดียวกับครอบครัวชั้นกลางอื่นๆ จำได้ว่าเป็นรถที่ประหยัด และสามารถนั่งกันได้ทั้งครอบครัวตอนที่เรายังเด็กๆ พ่อขับพาครอบครัวไปเที่ยวได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เรียกว่าผู้เขียนก็เป็นอีกคนที่มีความทรงจำดีๆ กับ ดัทสัน เหมือนกัน