กลยุทธ์การตลาดด้วยการนำรถเก๋งขนาดเล็กรุ่นใหม่ออกสู่โชว์รูม ในตัวถัง 3 หรือ 5 ประตูแฮทช์แบค จากนั้นก็ทิ้งระยะไว้สักปีหรือสองปี จึงเปิดตัวรถใหม่อีกรุ่นหนึ่งซึ่งหน้าตาคล้ายๆ กัน ใช้เครื่องยนต์กลไกชุดเดียวกัน แต่อยู่ในตัวถัง 4 ประตูซีดาน เป็นเรื่องที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในยุโรปและในญี่ปุ่นทำกันอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องประหลาดใจอะไร ในบ้านเราก็เห็นกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุด คือ กรณีของรถแฮทช์แบค ฮอนดา บรีโอ (HONDA BRIO) กับรถซีดาน ฮอนดา บรีโอ อเมซ (HONDA BRIO AMAZE) และรถแฮทช์แบค มิตซูบิชิ มิราจ (MITSUBISHI MIRAGE) กับรถซีดาน มิตซูบิชิ แอททราจ (MITSUBISHI ATTRAGE)

กลยุทธ์การตลาดด้วยการนำรถเก๋งขนาดเล็กรุ่นใหม่ออกสู่โชว์รูม ในตัวถัง 3 หรือ 5 ประตูแฮทช์แบค จากนั้นก็ทิ้งระยะไว้สักปีหรือสองปี จึงเปิดตัวรถใหม่อีกรุ่นหนึ่งซึ่งหน้าตาคล้ายๆ กัน ใช้เครื่องยนต์กลไกชุดเดียวกัน แต่อยู่ในตัวถัง 4 ประตูซีดาน เป็นเรื่องที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งในยุโรปและในญี่ปุ่นทำกันอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องประหลาดใจอะไร ในบ้านเราก็เห็นกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุด คือ กรณีของรถแฮทช์แบค ฮอนดา บรีโอ (HONDA BRIO) กับรถซีดาน ฮอนดา บรีโอ อเมซ (HONDA BRIO AMAZE) และรถแฮทช์แบค มิตซูบิชิ มิราจ (MITSUBISHI MIRAGE) กับรถซีดาน มิตซูบิชิ แอททราจ (MITSUBISHI ATTRAGE) รถเก๋งซีดานขนาดเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ เอาดี เอ 3 ลีมูซีน (AUDI A3 LIMOUSINE) และ เอาดี เอส 3 ลีมูซีน (AUDI S3 LIMOUSINE) ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของกลยุทธ์ที่กล่าวข้างต้น ค่าย "สี่ห่วง" บรรจุรถเล็กติดป้ายชื่อ เอาดี เอ 3 (AUDI A3) เข้าสู่สายการผลิตเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1996 รถรุ่นดังกล่าวอยู่ในตัวถัง 3 ประตูแฮทช์แบค ยาว 4.152 ม. กว้าง 1.735 ม. และสูง 1.423 ม. ที่ใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นรวมทั้งพแลทฟอร์มเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ชุดเดียวกับรถร่วมเครือ คือ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ (VOLKSWAGEN GOLF) รุ่นที่ 4 ส่วนตัวถัง 5 ประตู ซึ่งหน้าตาเหมือนๆ กันตามมาในภายหลัง ต้นปี 2003 รถรุ่นแรกถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นที่ 2 ซึ่งอยู่ในสายการผลิตยาวนานเกือบ 1 ทศวรรษ และมีตัวถังให้เลือกใช้รวม 3 แบบ คือ ตัวถัง 3 ประตูแฮทช์แบค ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า AUDI A3 SPORTBACK และตัวถัง 2 ประตูเปิดประทุน ซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า AUDI A3 CABRIOLET ส่วนรุ่นปัจจุบันเป็นรถรุ่นที่ 3 ตัวถัง 3 ประตูแฮทช์แบค ซึ่งยาว 4.237 ม. กว้าง 1.777 ม. และสูง 1.421 ม. อวดตัวเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวา เมื่อเดือนมีนาคม 2012 และเริ่มจำหน่ายในตลาดยุโรปฤดูใบไม้ผลิปีเดียวกัน ส่วนตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ซึ่งยาวและกว้างกว่ากันนิดหน่อยตามมาตอนปลายปี เนื่องจากตลาดสำคัญตลาดหนึ่งของรถอนุกรมนี้ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นตลาดที่ผู้คนนิยมใช้รถซีดานมากกว่ารถแฮทช์แบค แนวความคิดที่จะทำรถอนุกรมนี้ในตัวถัง 4 ประตูซีดานจึงก่อกำเนิดขึ้น และที่งานมหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ ครั้งล่าสุด เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมานี่เอง เอาดี เอ 3 ในตัวถังซีดาน ยาว 4.456 ม. กว้าง 1.796 ม. และสูง 1.416 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.29-0.30 ก็ปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งแรก 2-3 เดือนหลังจากนั้นรถก็ออกโชว์รูมในเมืองแม่ พร้อมกับป้ายชื่อ เอาดี เอ 3 ลีมูซีน (AUDI A3 LIMOUSINE) จุดที่น่าสังเกตก็คือ ไม่ใช่รถผลิตในเยอรมนี แต่ผลิตที่โรงงานในเมืองจีออร์ (GYOR) ของฮังการี ในเมืองเบียร์ขณะนี้ เอาดี เอ 3 ลีมูซีน ซึ่งแบ่งการตกแต่ง/อุปกรณ์เป็น 3 ระดับ กำกับด้วยรหัส ATTRACTION-AMBITION-AMBIENTE และค่าตัวเริ่มต้นที่ 24,300 ยูโร หรือประมาณ 970,000 บาทไทย มีรถให้เลือกใช้รวม 5 โมเดล โมเดลหัวกะทิ คือ AUDI A3 1.8 TFSI ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,798 ซีซี 132 กิโลวัตต์/180 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.6 ลิตร/100 กม. หรือ 17.9 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 160 กรัม/กม. ที่กำลังจะตามมา คือ รถสมรรถนะสูงขับทุกล้อโมเดลพิเศษ ติดป้ายชื่อ AUDI S3 LIMOUSINE (คันสีแดง) ซึ่งติดตั้งเครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 221 กิโลวัตต์/300 แรงม้า ซึ่งใช้เวลาเพียง 4.9 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เมื่อติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเพิ่มเป็น 5.3 วินาที เมื่อใช้เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.