ทดสอบ
ไฮบริด 2 แบบ แสบคนละสไตล์ !
ฮอนดา แจซซ์ ไฮบริด เบนซิน 1.3 ลิตร 88 แรงม้า มอเตอร์ 14 แรงม้า ราคา 768,000 บาท
คู่แข่ง
โตโยตา ปรีอุส ซี เบนซิน 1.5 ลิตร 72 แรงม้า มอเตอร์ 60 แรงม้า ราคา 1,390,000 บาท
จุดเด่น
- รถไฮบริด ราคาย่อมเยาที่สุดในขณะนี้
- แรงไม่แพ้รถระดับเดียวกัน ประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งกว่า
จุดด้อย
- รูปทรงไม่โดดเด่น
- ระบบเบรคด้อยกว่ารุ่นปกติเล็กน้อย
ฟันธง
- ไฮบริดที่เข้าถึงตลาดในวงกว้างแบบไร้คู่แข่ง
โตโยตา ปรีอุส ทอพ ออพชัน เบนซิน 1.8 ลิตร 98 แรงม้า มอเตอร์ 82 แรงม้า ราคา 1,369,000 บาท
คู่แข่ง
เลกซัส ซีที 200 เอช ลักชัวรี เบนซิน 1.8 ลิตร 98 แรงม้า มอเตอร์ 80 แรงม้า ราคา 2,190,000 บาท
จุดเด่น
- รูปทรงสปอร์ท มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- สมรรถนะดีเกินตัว ประหยัดเชื้อเพลิงยอดเยี่ยม
จุดด้อย
- ราคาใกล้เคียงซีดานระดับ 2.0 ลิตร
- คอนโซลหน้าทรงหนา กินเนื้อที่ผู้ขับ
ฟันธง
- ไฮบริดแบบเน้นๆ ทั้งสมรรถนะ และความประหยัด
ระบบเครื่องยนต์ไฮบริด (HYBRID) เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายในวงการรถยนต์ เรียกได้ว่าหลายค่าย ต่างก็ต้องมีรถยนต์ไฮบริดในสายการผลิตไม่มากก็น้อย เหตุผลสำคัญ คือ คุณสมบัติด้านความประหยัดเชื้อเพลิง และไอเสีย แถมมีผลพลอยได้ คือ สมรรถนะที่ดีขึ้นอีกด้วย ในการทดสอบครั้งนี้เรานำรถไฮบริดสไตล์แฮทช์แบค 2 รุ่น 2 สไตล์ กับ ฮอนดา แจซซ์ ไฮบริด (HONDA JAZZ HYBRID) และ โตโยตา ปรีอุส (TOYOTA PRIUS) ไฮบริดเหมือนกัน แต่มีพื้นฐานการทำงาน รวมไปถึงระดับราคาที่แตกต่างกัน แน่นอนว่า ทีเด็ด ของแต่ละคัน ย่อมแตกต่างกันด้วย
ภายนอก
แจซซ์ ไฮบริด มาเรียบๆ อิงรูปทรงเดิมๆ 3 ดาว
ปรีอุส สปอร์ทแฮทช์แบค ไม่เหมือนใคร 4 ดาว
มิติตัวถังของ แจซซ์ ไฮบริด แทบไม่ต่างจากรุ่นปกติ รวมไปถึงรูปทรงภายนอกที่มาแบบเรียบๆ ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันแล้ว จะมีความแตกต่างอยู่บ้าง คือ โคมของไฟหน้า/ไฟท้ายเป็นสีฟ้าอ่อนๆ ตามสไตล์รถที่มีภาพพจน์ รักษ์โลก กระจังหน้าแบบใหม่ ใช้วัสดุโครเมียมหักมุมสะท้อนแสง และล้อแมกลายเฉพาะของรุ่นไฮบริด ใครที่อยากเด่นอยากสวย คงต้องหาชุดตกแต่งภายนอกกันเอง
เมื่อดูข้อมูลจำเพาะก็พบว่าน้ำหนักตัวของ แจซซ์ ไฮบริด คือ 1,166 กก. เมื่อเทียบกับของรุ่นปกติ รุ่น ทอพ เอสวี (SV) คือ 1,115 กก. ถือว่าไม่ต่างกันมากนัก แสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่าชุดแบทเตอรี และมอเตอร์ขับเคลื่อนของระบบไฮบริด มีขนาดกะทัดรัด ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัวรถเท่าใดนัก
สำหรับ ปรีอุส มาในแนวทางที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง กับรูปทรงที่ออกมาสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ ทำให้ตัวรถมีเอกลักษณ์ ตัวถังแฮทช์แบคทรงลิ่ม ปราดเปรียว แม้จะทำตลาดมาหลายปี แต่ยังคงให้ความรู้สึกที่ทันสมัย ระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,700 มม. เท่ากับซีดานหรูขนาดใหญ่ระดับ ซี เซกเมนท์ อย่าง นิสสัน ซิลฟี (NISSAN SYLPHY)
ภายใน
แจซซ์ ไฮบริด เนื้อที่เหลือเฟือ เสริมความทันสมัย 4 ดาว
ปรีอุส ล้ำสมัย ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ 4 ดาว
ชุดแบทเตอรี และมอเตอร์ขับเคลื่อนขนาดเล็ก ยังส่งผลถึงพื้นที่ห้องโดยสาร ที่มีความกว้างขวาง และประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย ไม่แพ้รุ่นปกติ เบาะหลังอเนกประสงค์พับแยก 60:40 รวมไปถึงส่วนเบาะนั่งที่พับขึ้นในแนวตั้งสำหรับสัมภาระทรงสูง เราพบว่าชุดแบทเตอรีถูกติดตั้งแทนเนื้อที่ของยางอะไหล่เดิมได้สนิทแนบเนียน ไม่กินเนื้อที่ การใช้งานที่หลากหลายของเบาะแถว 2 มีพื้นที่เหลือเฟือเหมือนรุ่นปกติ
สิ่งที่ทำให้ แจซซ์ ไฮบริด ดูทันสมัยกว่ารุ่นปกติอย่างชัดเจน คือ บริเวณมาตรวัดความเร็ว และจอแสดงผลแบบดิจิทอล โดยมีเอกลักษณ์ของรถไฮบริดประจำค่าย ฮอนดา แทบทุกรุ่น คือ การเปลี่ยนสีสันตามสภาวะการขับขี่แบบประหยัดเชื้อเพลิง มี 3 สี คือ สีน้ำเงินเข้ม: ขับขี่แบบปกติ สีฟ้าอมเขียว: ขับขี่แบบประหยัดปานกลาง และสีเขียวสะท้อนแสง: ขับขี่แบบประหยัดสูงสุด นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นเก๋ไก๋ด้วยกราฟิครูปต้นไม้ ซึ่งจะงอก และเพิ่มจำนวนหากขับขี่ในสภาวะประหยัดเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดเป็นระบบที่เรียกว่า ECO COACHING ช่วยจูงใจผู้ขับให้สัมผัสถึงความประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทางด้านภายในของ ปรีอุส ยังคงความล้ำสมัย แผงคอนโซลหน้าทรงหนา โค้งมน คันเกียร์เล็กจิ่วที่อาจต้องใช้ความเคยชินเล็กน้อย มาตรวัดแบบดิจิทอลเต็มตัว และยังมีกราฟิคแสดงการทำงานของระบบไฮบริด
จุดเด่นของรุ่นล่าสุด คือ การเพิ่มแผงรับแสงอาทิตย์สามารถแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า สำหรับใช้งานกับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้ห้องโดยสารไม่ร้อนเกินไปยามจอดตากแดด ช่วยประหยัดแอร์ และลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในตัว (ถ้าคนขับไม่ใจร้อนเปิดแอร์แรงๆ ทันที่เข้ามาในรถ) ส่วนความหรูก็มีให้พอประมาณ หลังคากระจกซันรูฟ ดีวีดี เนวิเกเตอร์ และเบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า เพียงเท่านี้ก็ทำให้แฮทช์แบคไฮบริดคันนี้ มีทั้งความทันสมัย และอรรถประโยชน์ที่ลงตัวเช่นกัน
เครื่องยนต์
แจซซ์ ไฮบริด แรงแบบ 1.5 ประหยัด เหมือน 1.2 5 ดาว
ปรีอุส แรงข้ามรุ่น ประหยัดได้ใจ 5 ดาว
ระบบไฮบริดของ แจซซ์ ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร 88 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 14 แรงม้า เนื่องจากพื้นฐานเดิมของ แจซซ์ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รวมไปถึงระดับราคาที่ยังใกล้เคียงกับแฮทช์แบค บี เซกเมนท์ ทั้งหลาย ดังนี้แล้วเราจึงนำมาเปรียบเทียบสมรรถนะกับกลุ่มรถที่ว่ามา
เริ่มด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แจซซ์ ไฮบริด ทำได้ 12.4 วินาที ตามกันมาแบบเฉือนๆ กับ แจซซ์ รุ่นปกติ กับเวลา 12.1 วินาที หันไปทางคู่แข่งอย่าง มาซดา 2 (MAZDA 2) กำลัง 103 แรงม้า คือ 12.7 วินาที และ โตโยตา ยารีส (TOYOTA YARIS) กำลัง 109 แรงม้า ตามกันมาที่ 13.4 วินาที
ถัดมา คือ อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100 กม./ชม. แจซซ์ ไฮบริด 7.1 วินาที ยังคงถูก แจซซ์ รุ่นปกตินำหน้าเล็กน้อย กับเวลาที่ทำได้ 6.8 วินาที แต่ด้านคู่แข่งก็ตามจี้ติดเช่นกัน ทั้ง มาซดา 2 และ ยารีส ต่างทำเวลาในส่วนนี้ที่ 7.2 วินาที เท่ากัน
กับความเร็วช่วงตีนต้นที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานควบคู่กับเครื่องยนต์เบนซิน อัตราเร่งของ แจซซ์ ไฮบริด ถือว่าใกล้เคียงกับบรรดาคู่แข่งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรมากๆ นั่นรวมไปถึง แจซซ์ รุ่นปกติด้วย แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีเครื่องยนต์เล็กกว่า แต่การเสริมแรงอย่างได้ผลของระบบไฮบริด ทำให้ได้อัตราเร่งที่สูสีเช่นนี้
ลองวัดกันที่ความเร็วสูง อัตราเร่งช่วง 0-1,000 ม. แจซซ์ ไฮบริด ใช้เวลาถึง 34.4 วินาที (ความเร็ว 148.5 กม./ชม.) ส่วนต่างระยะห่างกับ แจซซ์ รุ่นปกติ เพิ่มขึ้นกว่าเดิม กับเวลาที่ทำได้ 33.6 วินาที (ความเร็ว 154.5 กม./ชม.) และโดนจี้ติด มาซดา 2 กับเวลา 34.6 วินาที (ความเร็ว 150.1 กม./ชม.) และ ยารีส ที่ตามมาไม่ห่างที่ 35.1 วินาที (ความเร็ว 151.3 กม./ชม.)
เมื่อเราลองเพิ่มความเร็วสำหรับอัตราเร่งยืดหยุ่นเป็นช่วง 80-120 กม./ชม. แจซซ์ ไฮบริด แผ่วลงมาเล็กน้อยกับเวลา 10.2 วินาที ส่วน แจซซ์ รุ่นปกติ เริ่มทิ้งห่างที่เวลา 9.0 วินาที โดนประกบข้างกับ มาซดา 2 กับเวลา 10.2 วินาที แถมยังโดน ยารีส แซงในที่สุดกับเวลา 9.6 วินาที
ตัวเลขจากการทดสอบแสดงให้เห็นว่า มอเตอร์ไฟฟ้ายังคงเสริมการขับเคลื่อนเหมือนเดิม แต่เริ่มมีบทบาทน้อยลง เนื่องจากพละกำลัง และแรงบิดที่ไม่มากนัก ไม่อาจมีแรงเหลือพอสำหรับความเร็วช่วงตีนปลายดังกล่าว การขับเคลื่อนที่ความเร็วสูง จึงถูกรับหน้าที่โดยเครื่องยนต์เบนซิน 88 แรงม้า เป็นส่วนใหญ่ สมรรถนะจึงมีแผ่วลงบ้างอย่างที่เห็น
นอกจากนี้ความรู้สึกขณะทำอัตราเร่ง อาจไม่เร้าใจเท่าคู่แข่งเกียร์อัตโนมัติ เนื่องจากรุ่นไฮบริดใช้เกียร์แบบซีวีที และการทำงานของมอเตอร์ขับเคลื่อนที่ส่งกำลังออกมาอย่างเนียนๆ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว ก็ไล่เบียดกับคู่แข่งได้อย่างไม่น้อยหน้า
ต่อมาคือการประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งเรายังคงเปรียบเทียบ แจซซ์ ไฮบริด กับรุ่นปกติ ส่วนทางด้านคู่แข่ง เราได้เปลี่ยนเป็นแฮทช์แบคที่เน้นความประหยัดกันเต็มๆ นั่นคือ อีโคคาร์ เพื่อนร่วมค่ายอย่าง บรีโอ (BRIO) และ มิตซูบิชิ มิราจ (MITSUBISHI MIRAGE) มาดูกันสิว่าแฮทช์แบคพลังไฮบริดจะมีความประหยัดเชื้อเพลิงเท่าไร
ที่ความเร็ว 60 และ 80 กม./ชม. แจซซ์ ไฮบริด มีค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 32.0 และ 25.8 กม./ลิตร นับว่าไม่เบาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับรุ่นปกติที่ทำได้ 22.4 และ 19.6 กม./ลิตร รุ่นไฮบริดมีความประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ด้าน บรีโอ ทำได้ 36.1 และ 29.8 กม./ลิตร สำหรับพี่น้องร่วมค่าย ถือว่าอีโคคาร์ ยังได้เปรียบอยู่บ้าง และสำหรับอีโคคาร์ ต่างค่าย อย่าง มิราจ ทำได้ 30.0 และ 26.3 กม./ลิตร ใกล้เคียงกับ แจซซ์ ไฮบริด เลยทีเดียว
ขณะที่ความเร็ว 100 กม./ชม. แฮทช์แบคพลังไฮบริดทำได้ที่ 20.1 กม./ลิตร พี่น้องร่วมสายพันธุ์ แจซซ์ คือ 17.8 กม./ลิตร ทางด้านรถจิ๋วเน้นประหยัดอย่าง บรีโอ 19.8 กม./ลิตร และอีโคคาร์ จากค่าย 3 เพชร ทำได้ดีสุดที่ 20.4 กม./ลิตร จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าช่วงความเร็วใดๆ ก็ตาม แจซซ์ ไฮบริด มีความประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีกว่ารุ่นปกติอย่างเห็นได้ชัด (สมรรถนะที่ใกล้เคียงกัน) และยังสูสีกับ อีโคคาร์ อีกต่างหาก นับเป็นคุณสมบัติที่สมกับของเครื่องยนต์ระบบไฮบริด
ทางด้าน ปรีอุส ที่มาพร้อมระบบไฮบริดเต็มตัวก็ไม่ยอมน้อยหน้า กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร 99 แรงม้า ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนที่มีกำลังถึง 82 แรงม้า จะเห็นได้ว่าพละกำลังของทั้ง 2 ระบบมีความใกล้เคียงมาก สามารถผลัดกันทำงาน และเกื้อหนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 12.1 วินาที ของ ปรีอุส เทียบได้กับซีดานรุ่นใหญ่กว่ากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร อย่าง ฮันเด โซนาตา สปอร์ท (HYUNDAI SONATA SPORT) ที่ทำเวลาได้ 12.1 วินาทีเท่ากัน หรือแม้แต่รถยุโรปอย่าง โวลโว เอส 40 2.0 (VOLVO S40 2.0) เฉือนกันเล็กน้อย กับเวลาที่ทำได้ 12.0 วินาทีพอดี
อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 80-120 กม./ชม. ปรีอุส ทำได้ 8.4 วินาที ยังคงตามติดไม่ห่างกับ โซนาตา สปอร์ท ที่ทำเวลาได้ 8.1 วินาที และโดนนำหน้าเพียงช่วงเสี้ยววินาที เอส 40 กับอัตราเร่ง 8.0 วินาที
จากการสังเกตขณะทำอัตราเร่ง เราพบว่ามอเตอร์ขับเคลื่อนของ ปรีอุส จะช่วยการทำงานของเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ แม้ในความเร็วที่ค่อนข้างสูง หรือการกดคันเร่งสุด เป็นระยะทางยาว 0-1,000 ม. ปรีอุส ทำเวลาได้ 33.4 วินาที (ความเร็ว 161.3 กม./ชม.) ซีดานจากเกาหลีใต้ โซนาตา สปอร์ท 33.3 วินาที (ที่ความเร็ว *** กม./ชม.) และซีดานจากสวีเดน เอส 40 33.2 วินาที (ความเร็ว *** กม./ชม.)
จากอัตราเร่งในส่วนต่างๆ แสดงให้เห็นว่า ระบบไฮบริดของ ปรีอุส มีสมรรถนะที่ดีเกินตัว แม้พื้นฐานจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร แต่เมื่อรวมพลังกับมอเตอร์ขับเคลื่อนแล้ว สามารถทำอัตราเร่งแบบ ข้ามรุ่น กับรถระดับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ได้อย่างสูสีเลยทีเดียว
ประเด็นสำคัญอีกประการ คือ ความประหยัดเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ปรีอุส สามารถทำค่าความสิ้นเปลืองเป็น 0 โดยสิ้นเชิง นี่คือ จุดเด่นของระบบไฮบริดแบบเต็มตัว สามารถออกตัวด้วยมอเตอร์ และขับเคลื่อนที่ความเร็วระดับดังกล่าวด้วยไฟฟ้าล้วนๆ (EV MODE)
เมื่อแล่นไปสักระยะจนกระทั่งแบทเตอรีลดลงต่ำ เครื่องยนต์จะสตาร์ทขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ทำหน้าที่ขับเคลื่อน และชาร์จกระแสไฟในตัว เมื่อคำนวณทั้งกระบวนการแล้ว คิดค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยได้ที่ 35.7 กม./ลิตร
ส่วนที่ความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. ปรีอุส มีค่าความสิ้นเปลืองที่ 24.3 และ 22.2 กม./ลิตร ตามลำดับ ที่ความเร็วระดับดังกล่าวจะเป็นการทำงานควบคู่กันของเครื่องยนต์สันดาป และมอเตอร์ขับเคลื่อน ถึงอย่างนั้นด้วยพละกำลังที่ใกล้เคียงกัน สามารถเกื้อหนุนและผ่อนแรงได้อย่างสมดุล การประหยัดเชื้อเพลิงของ ปรีอุส จึงออกมาดีมาก ในระดับที่เหนือกว่ารถเล็ก เน้นความประหยัดอย่าง อีโคคาร์ ด้วยซ้ำ มีเพียงเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร ระดับ เทพ ของ บีเอมดับเบิลยู 320 ดี รุ่นล่าสุดเท่านั้น จึงจะเอาชนะได้กับตัวเลข 28.3 และ 24.2 กม./ลิตร
ระบบรองรับ
แจซซ์ ไฮบริด หนึบนุ่ม ควบคุมง่าย ระวังเรื่องเบรค 3 ดาว
ปรีอุส หนึบกว่าเดิม เพิ่มความมั่นใจ 4 ดาว
ช่วงล่างของ แจซซ์ ไฮบริด ยกชุดมาจากรุ่นปกติ สัมผัสของช่วงล่างไม่ต่างกันมากนัก ยังคงเน้นอารมณ์นุ่มหนึบ ให้ความมั่นใจช่วงความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. แต่หากเกินกว่านั้น อาจมีอาการหวิวให้รู้สึกบ้าง ตามธรรมดาของรถระดับนี้ ส่วนการบังคับควบคุม เน้นเบาแรง สังเกตดูดีๆ แล้วจะเบากว่ารุ่นปกติเล็กน้อย ยังคงเป็นรถที่ขับสบายทั้งในเมือง และทางไกลที่ความเร็วปานกลาง
สำหรับระบบเบรคมีความแตกต่างจากรุ่นปกติ โดย แจซซ์ ไฮบริด มีเบรคคู่หลังแบบดุม ในขณะที่รุ่นปกติทุกรุ่นย่อยจะใช้เบรคแบบจานกันหมดแล้ว ประสิทธิภาพจากระยะเบรคที่ความเร็ว 60 และ 80 กม./ชม. ได้ตามนี้ แจซซ์ ไฮบริด 16.6 และ 30.3 ม. แจซซ์ รุ่นปกติ 16.4 และ 30.5 ม. ในช่วงความเร็วดังกล่าวทั้งรุ่นไฮบริด และรุ่นปกติ ต่างมีประสิทธิภาพระบบเบรคใกล้เคียงกัน ส่วนความเร็ว 100 กม./ชม. แจซซ์ ไฮบริด ใช้ระยะเบรค 47.3 ม. ขณะที่ แจซซ์ รุ่นปกติ ทำได้ 45.7 ม. จะเห็นได้ว่าที่ความเร็วสูงขึ้น อาจเป็นผลจากยางที่เน้นความประหยัดของ แจซซ์ ไฮบริด นั่นคือ มิเชอแลง เอเนอร์จี เอกซ์เอม 1 (MICHELIN ENERGY XM1) ปกติยางชนิดนี้จะมีค่าต้านทานการหมุนที่ต่ำ เนื้อยางจึงมีลักษณะแข็ง ส่งผลให้ระยะเบรคในส่วนนี้เริ่มด้อยกว่ารุ่นปกติพอประมาณ
ส่วนช่วงล่างของ ปรีอุส มีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นก่อนปรับโฉมพอสมควร จากเดิมที่เน้นความนุ่มนวลราวกับรถครอบครัว มาครั้งนี้ดูจะมั่นใจในความสปอร์ทของตัวเองมากขึ้น สัมผัสของช่วงล่างมีความหนึบแน่นมากขึ้น มีความมั่นคงขณะแล่นที่ความเร็วสูง ส่วนพวงมาลัยแปรผันน้ำหนักตามความเร็วได้อย่างเหมาะสมอยู่แล้ว
สรุป
ทเรนด์ที่มาแรง ไม่เกี่ยงว่าแพงหรือถูก
แม้รถทั้ง 2 รุ่น เป็นรถไฮบริดทั้งคู่ แต่ก็มีความแตกต่างกัน ทั้งระดับของรถ ราคาค่าตัว ทว่าสิ่งที่แสดงให้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ คุณสมบัติที่โดดเด่นของเครื่องยนต์ระบบไฮบริด สามารถเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์สันดาปที่ทำงานร่วมกัน และเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงอย่างได้ผล จนแทบจะเป็นเครื่องยนต์ในอุดมคติเลยก็ว่าได้ ไม่แปลกที่เครื่องยนต์ประเภทนี้ จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาดโลก กับรถยนต์หลากรุ่นหลายแบบ รวมไปถึงรถเล็กราคาย่อมเยา ก็เริ่มมีให้เห็นกันแล้ว
ใครจะรู้...ในอนาคตอันใกล้ เราอาจได้ใช้รถเล็ก ราคาประหยัด พ่วงด้วยระบบไฮบริดก็เป็นได้ !
ข้อมูลจำเพาะ
ฮอนดา แจซซ์ ไฮบริด
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2341-7888
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 3,900/1,695/1,525
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,492/1,475
ฐานล้อ (มม.) 2,500
น้ำหนัก (กก.) 1,166
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 40
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน 4 สูบ I-VTEC
ความจุ (ซีซี) 1,339
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 73.0/80.0
อัตราส่วนกำลังอัด 10.8:0
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 88/5,800
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 12.3/4,500
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลทิพอยท์ EFI
มอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 14/1,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 8.0/1,000
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติแปรผัน
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดุม
ราคา (บาท) 768,000
ข้อมูลจำเพาะ
โตโยตา ปรีอุส ทอพ ออพชัน
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
โทร. 0-2386-1000
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,480/1,745/1,505
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,525/1,520
ฐานล้อ (มม.) 2,700
น้ำหนัก (กก.) 1,395
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 45
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-I
ความจุ (ซีซี) 1,798
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 80.5/88.3
อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 99/5,200
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 14.5/4,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค มอเตอร์ เจเนอเรเตอร์
มอเตอร์ไฟฟ้า
แบบ ซิงคโรนัส แม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด (โวลท์) 201.6
กำลังสูงสุด (แรงม้า) 82
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม.) 21.1
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติแปรผัน (E-CVT)
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี บีเอ
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 1,369,000
อัตราเร่ง (วินาที) ฮอนดา แจซซ์ ไฮบริด || โตโยตา ปรีอุส
0-60 กม./ชม. 5.5 || 5.4
0-80 กม./ชม. 8.4 || 8.3
0-100 กม./ชม. 12.4 || 12.1
0-120 กม./ชม. 18.0 || 17.1
0-140 กม./ชม. 27.9 || 23.5
0-160 กม./ชม. - || 32.8
0-400 ม. (ที่ความเร็ว กม./ชม.) 18.6 (121.6) || 18.5 (125.0)
0-1,000 ม.(ที่ความเร็ว กม./ชม.) 34.4 (148.5) || 33.4 (161.3)
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 7.1 || 6.4
80-120 กม./ชม. 10.2 || 8.4
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม 16.6 (0.85) || 15.1 (0.94)
80-0 กม./ชม. 30.3 (0.83) || 26.8 (0.94)
100-0 กม./ชม. 47.3 (0.83) || 42.0 (0.94)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง กม./ลิตร (ลิตร/100 กม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. 32.0 || 35.7
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. 25.8 || 24.3
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. 20.1 || 22.2
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. 15.8 || 16.9
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
ความคลาดเคลื่อนของมาตรวัดความเร็ว (กม./ชม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/31276