ทดสอบ
ซูเพอร์คาร์พันธุ์แท้จากค่ายสี่ห่วง ที่มาพร้อมกับความไม่ธรรมดามากมายจากโรงงาน แถมยังได้รับการปลดปล่อยพละกำลังออกมาเต็มพิกัดจากฝีมือสำนักแต่งคู่บารมี เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้งานทั้งบนท้องถนนทั่วไป หรือพาไปโลดแล่นในสนามแข่ง ก็สามารถทำได้แบบไม่ขัดเขิน เจ้าตัวแสบคันนี้มอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้เราตลอดช่วงเวลาที่ได้เสพสุขกับมัน
ซูเพอร์คาร์พันธุ์แท้จากค่ายสี่ห่วง ที่มาพร้อมกับความไม่ธรรมดามากมายจากโรงงาน แถมยังได้รับการปลดปล่อยพละกำลังออกมาเต็มพิกัดจากฝีมือสำนักแต่งคู่บารมี เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้งานทั้งบนท้องถนนทั่วไป หรือพาไปโลดแล่นในสนามแข่ง ก็สามารถทำได้แบบไม่ขัดเขิน เจ้าตัวแสบคันนี้มอบความสนุกสนานในการขับขี่ให้เราตลอดช่วงเวลาที่ได้เสพสุขกับมัน
เอาดี อาร์ 8 วี 10 5.2 เอฟเอสไอ เอบีที ถือเป็นสุดยอดปรารถนาของแฟนๆ ขาประจำของยนตรกรรมเยอรมนีค่ายสี่ห่วง จากเทคโนโลยีทันสมัยที่บรรจุอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โครงสร้างตัวถังแบบ ASF (AUDI SPACE FRAME) ที่ผลิตจากอลูมินัมทั้งหมด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบกวัตตโร ที่ชาญฉลาด รวมถึงระบบรองรับแบบปรับความหนืดอัตโนมัติด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (MAGNETIC RIDE ADAPTIVE DAMPING) และพิเศษยิ่งขึ้นการพัฒนาต่อยอดมาตรฐานเดิมจากโรงงานไปอีกระดับ ตามแนวทางของสำนัก เอบีที ซึ่งทุกขั้นตอนการพัฒนาได้รับการใส่ใจในทุกรายละเอียดจากประสบการณ์สั่งสมยาวนานกว่า 50 ปี
รูปลักษณ์ภายนอกแต่งหน้าทาปากใหม่ด้วยชุด เอบีที แอโร แพคเกจ (ABT AERO PACKAGE) เริ่มจากกระจังหน้าแบบใหม่กับช่องรับลมด้านข้างบริเวณใต้ไฟส่องสว่าง หน้าที่เปลี่ยนแปลงบุคลิกของตัวรถให้แตกต่าง และเพิ่มสปอยเลอร์หน้ารับกับสเกิร์ทข้างซ้าย/ขวาแบบใหม่ รวมถึงกันชนหลัง ทำหน้าที่เป็นดิฟฟิวเซอร์ในตัวรับกับท่อไอเสียแบบ 4 ปลายท่อ ที่วางซ้อนกันอยู่ฝั่งละ 2 ปลายท่อ และเพิ่มสปอยเลอร์หลังขนาดกำลังเหมาะ โดยชิ้นส่วนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไปผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นเดียวกับแถบคาดด้านข้างขนาดใหญ่ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีชื่อเรียกว่า "SIDEBLADES ซึ่งทำหน้าที่เป็นช่องดักลมเข้าสู่กรองอากาศ การมีชิ้นส่วนที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์เข้ามาเกี่ยวข้องมากมายขนาดนี้ ทำให้หลายคนต้องหยุดชะงักเมื่อได้พบเห็น เพราะมันบ่งบอกว่ารถคันนี้ไม่ใช่ เอาดี อาร์ 8 รุ่นปกติทั่วไป แต่เป็น เอาดี อาร์ 8 เอบีที ที่มาพร้อมกับความจี๊ดจ๊าดสะใจกว่าเดิม และปิดท้ายความไม่ธรรมดาด้วยล้ออัลลอย เอบีที บีอาร์ ขนาด 9x20 นิ้ว กับยางขนาด 245/30 R20 ทางด้านหน้า ส่วนด้านหลังใช้ขนาด 11x20 นิ้ว กับยางขนาด 305/25 R20
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องโดยสารก็จะพบกับความประณีตหรูหราของการตกแต่ง และความแพรวพราวของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไม่น้อยหน้าซีดานระดับหรูของค่ายนี้ จากการใส่ใจทุกรายละเอียด รวมถึงวัสดุที่นำมาใช้ผสมผสานกันได้ลงตัว ดูดี และให้สัมผัสที่นุ่มนวลสลับกับชิ้นส่วนโลหะในบางจุด สวิทช์ควบคุมฟังค์ชันการใช้งานต่างๆ และเบาะนั่งทั้ง 2 ตัว เป็นแบบปรับไฟฟ้าหลากหลายทิศทาง และออกแบบถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดทั้งผู้ขับขี่ หรือผู้โดยสารด้านหน้า หุ้มด้วยหนังแท้ชั้นเยี่ยม SILK NAPPA ในขณะที่ชุดแป้นคันเร่งกับเบรคติดตั้งแผ่นกันลื่นมาให้เรียบร้อย ส่วนคันเกียร์เป็นแบบเปลือยให้อารมณ์สปอร์ท เช่นเดียวกับที่พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันทรงไม่กลม ที่ถูกตกแต่งด้วยอัลคันทาราสลับคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมแพดเดิล ชิฟท์คาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งอยู่ ส่วนมาตรฐานความปลอดภัยภายในห้องโดยสารครบครัน ทั้งโครงสร้างนิรภัย และถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน และปิดท้ายด้วยชุดเครื่องเสียงพร้อมจอมัลทิฟังค์ชันขนาด 7 นิ้ว ที่มีหน้าที่แสดงผลการทำงานของระบบต่างๆ แสดงผลของระบบนำทางผ่านดาวเทียม และระบบมัลทิมีเดียเพื่อความบันเทิง
ในส่วนของขุมพลัง แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาเพราะสำนัก เอบีที ได้ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้ได้มาซึ่งพละกำลังที่มากมายกว่ารุ่นปกติทั่วไปที่ออกมาจากโรงงาน โดยยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ วี 10 สูบ ความจุ 5.2 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ พร้อมเทคโนโลยีการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ หรือไดเรคท์อินเจคชัน หรือ เอฟเอสไอ (FSI : FUEL STRAIGHT INJECTION) สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 525 แรงม้า ที่ 8,000 รตน. กับแรงบิดสูงสุด 54 กก.-ม. ที่ 6,500 รตน. แต่หลังจากผ่านการปรับปรุงด้วยขั้นตอนที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ เพียงแค่เปลี่ยนชุดท่อไอเสียใหม่ พร้อมการปรับตั้งพโรแกรมจ่ายเชื้อเพลิงกับองศาจุดระเบิดใหม่ให้เหมาะสมกับชุดท่อไอเสีย และคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งการขยับเพียงเล็กๆ น้อยๆ นี้ ส่งผลให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 600 แรงม้า ที่ 8,000 รตน. กับแรงบิดสูงสุดที่เพิ่มขึ้นเป็น 56 กก.-ม. ตั้งแต่ 6,400 ถึง 7,000 รตน. กลายเป็น "ไส้กรอกบิน" ดีๆ นี่เอง ในขณะที่ระบบหล่อลื่นใช้เป็นแบบอ่างแห้ง (DRY SUMP) เพื่อรักษาเสถียรภาพของแรงดันน้ำมันเครื่องให้เพียงพอกับการใช้งานตลอดเวลา
ด้านระบบส่งกำลังเป็นเกียร์แบบกึ่งอัตโนมัติ อาร์ ทรอนิค (R TRONIC) ซึ่งความจริงแล้วเกียร์รูปแบบนี้ คือ ระบบเกียร์ธรรมดาแต่แฝงความไม่ธรรมดาไว้มากมาย จนทำให้หลายคนหลงเข้าใจผิดว่านี่คือ เกียร์อัตโนมัติ เนื่องจากให้ความนุ่มนวลต่อเนื่องในยามขับขี่แบบใช้งานทั่วไปไม่แตกต่าง หรืออาจจะทำได้ดีกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ในยามที่ต้องการเรียกสมรรถนะออกมาอย่างเต็มที่ ระบบส่งกำลัง อาร์ ทรอนิค แบบ 6 จังหวะ ลูกนี้สามารถตอบสนองความต้องการผู้ขับขี่ได้อย่างทันอกทันใจ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยให้ระบบทำการเปลี่ยนเกียร์ให้เอง หรือการเปลี่ยนเกียร์โดยตัวผู้ขับขี่ที่สามารถทำได้ทั้งที่คันเกียร์และแพดเดิล ชิฟท์ หลังพวงมาลัย เนื่องจากการใช้ชุดคลัทช์ 2 ชุด ทำงานสอดประสานกันได้อย่างต่อเนื่อง และส่งผ่านกำลังทั้งหมดสู่พื้นผิวถนนด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบกวัตตโร ได้ถูกแบ่งกำลังขับเคลื่อนไปแบบแปรผันอัตราส่วนระหว่าง 44-56 % ระหว่างล้อหน้า/หลัง ซึ่งเป็นการช่วยกระจายแรงบิด ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะลดอาการ เพาเวอร์ อันเดอร์สเตียร์ (POWER UNDERSTEER) โดยทำงานร่วมกับระบบลอคเฟืองท้าย อีดีแอล (EDL = ELECTRONIC DIFFERENTIAL LOCK), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี เอเอสอาร์ (ASR) ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบควบคุมเสถียรภาพ อีเอสพี (ESP)
ยามขับขี่ เอาดี อาร์ 8 วี 10 5.2 เอฟเอสไอ เอบีที ได้แสดงให้เห็นถึงพละกำลังมากมายตามแบบฉบับซูเพอร์คาร์อย่างแท้จริง การตอบสนองยอดเยี่ยมในทุกช่วงความเร็ว เครื่องยนต์รอบการทำงานจัดจ้าน และแฝงด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมเสียงของท่อไอเสียที่แผดก้องสร้างความประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ช่วง 8,000 รตน. (รอบเครื่องยนต์สูงสุด 8,700 รตน.) การทรงตัวของรถนั้นดีเยี่ยม พวงมาลัยตอบสนองได้แม่นยำมากในช่วงความเร็วสูง แต่ต้องไม่ลืมว่าจำเป็นต้องให้เวลากับจานเบรคเซรามิคสักพัก เพื่อให้อยู่ในอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้การบังคับควบคุมเป็นไปอย่างมั่นใจ
การเข้าโค้งอย่างรุนแรง สามารถทำได้อย่างมีเสถียรภาพ การทำงานของระบบรองรับแบบปรับความหนืดอัตโนมัติด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (MAGNETIC RIDE ADAPTIVE DAMPING) ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดได้จากสวิทช์ควบคุมที่อยู่บริเวณคันเกียร์อีกด้วย ช่วยให้ตัวรถมีความมั่นคงสูง แม้ในขณะที่เลือกโหมดปกติ (NORMAL) แต่ถ้าเลือกโหมดสปอร์ท (SPORT) ก็จะได้สัมผัสกับอารมณ์สปอร์ทสมชื่อ โดยทุกโหมดไม่ใช่แค่การควบคุมแค่ความแข็ง/อ่อนของระบบรองรับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตอบสนองระบบส่งกำลังกับน้ำหนักของพวงมาลัยอีกด้วย และซูเพอร์คาร์คันนี้สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 322 กม./ชม.
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยระดับสุดยอดทำให้ เอาดี อาร์ 8 วี 10 5.2 เอฟเอสไอ เอบีที เป็นซูเพอร์คาร์ที่ขับง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเทียบกับพละกำลังที่มากมายมหาศาลของมัน ฉะนั้นแค่ใช้ สมาธิ ทักษะ และความกล้า เพียงเล็กน้อย ผลตอบแทนที่เราได้รับกลับมา คือ ความมันพร้อมอาการแน่นหน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน !?!
ขอขอบคุณ
สนามแก่งกระจาน เซอร์กิท สถานที่ถ่ายทำ
บริษัท วิซ ออโต้ เซอร์วิส จำกัด อำนวยความสะดวก
ข้อมูลจำเพาะ เอาดี อาร์ 8 วี 10 5.2 เอฟเอสไอ เอบีที
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท เอบีที สปอร์ตไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด โทรศัพท์ 0-2943-7111
โทร. 0-2943-7111
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,435/1,930/1,252
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,638/1,595
ฐานล้อ (มม.) 2,650
น้ำหนัก (กก.) 1,620
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 90
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน วี 10 สูบ
ความจุ (ซีซี) 5,204
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 84.5/92.8
อัตราส่วนกำลังอัด 12.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 600/8,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 56/6,400-7,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) กึ่งอัตโนมัติ 6
ขับเคลื่อน (ล้อ) 4
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ ดับเบิลวิชโบน
หลัง อิสระ ดับเบิลวิชโบน
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
ราคา (บาท) 18,400,000
เรื่องโดย : เอกลักษณ์ สูยะศุนานนท์ akaluk@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กันยายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/30870