ปลอดภัย ประหยัด ทนทาน ในหนึ่งเดียว !

บริษัท สยามมิชลิน จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบประสิทธิภาพยางถึง 3 รุ่นพร้อมกัน ภายใต้แนวคิด “BALANCE OF PERFORMANCE” ประกอบด้วย ความปลอดภัย (SAFETY) การประหยัดน้ำมัน (FUEL SAVING) และอายุการใช้งานที่ยาวนาน (LONGEVITY) ณ สนามแข่งรถโบนันซา สปีดเวย์ สำหรับรถเก๋งและรถสปอร์ท มีการทดสอบ 2 รุ่น นั่นคือ มิเชอแลง พไรมาซี แอลซี (MICHELIN PRIMACY LC) และ มิเชอแลง ไพลอท สปอร์ท 3 (MICHELIN PILOT SPORT 3) เริ่มต้นด้วยการทดสอบประสิทธิภาพคุณสมบัติการประหยัดน้ำมัน ผู้จัดปล่อยรถลงเนินมาตามช่วงทางตรงยาว โดยดับเครื่องยนต์ และเข้าเกียร์ว่าง รถที่ใช้ยาง พไรมาซี แอลซี และยางของคู่แข่ง เติมลมยางเท่ากัน (มีสื่อมวลชนบางท่านเป็นสักขีพยาน ) รถที่ใช้ยางของ มิเชอแลง สามารถไหลไปได้ไกลกว่าอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงแรงต้านการหมุนของล้อ (ROLLING RESISTANCE) ที่น้อยกว่า นำไปสู่การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลงเช่นกัน ถัดมาเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในสภาพการขับขี่รูปแบบต่างของ มิเชอแลง พไรมาซี แอลซี ซึ่งเป็นยางที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ระดับ บี เซกเมนท์ ขึ้นไปจนถึงขนาด กลาง/ใหญ่ โดยขับสลับกับรถที่ใช้ยางคู่แข่ง ด้วยลายดอกยางของ พไรมาซี แอลซี ที่ออกแบบให้มีพื้นที่สัมผัสผิวถนนมากกว่ายางรุ่นเดิมถึง 21 % เมื่อเทียบกับยางร่วมค่ายอย่าง มิเชอแลง เอเนอร์จี เอกซ์เอมวี 8 (MICHELIN ENERGY XMV8) ผลลัพธ์ที่เราสัมผัสได้จากการเข้าโค้งบนสภาพถนนเปียก พไรมาซี แอลซี ให้การยึดเกาะที่ดีมาก แม้รถที่ใช้ทดสอบจะขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า แต่มีอาการอันเดอร์สเตียร์น้อยมากเมื่อเทียบกับยางคู่แข่ง เมื่อทดลองขับแบบสลาลอม (สภาพถนนแห้ง) รวมไปถึงการขับลัดเลาะไปตามโค้งรูปตัว S ของสนามแข่ง การบังคับควบคุมยังเชื่องมือ มีการยึดเกาะถนนน่าพอใจ นอกจากการยึดเกาะถนนแล้ว มิเชอแลง ยังพัฒนาให้ พไรมาซี แอลซี มีโครงสร้างแก้มยางที่มียืดหยุ่นสูง ให้ความแข็งแรง ทนทาน ผสมผสานความนุ่มนวลขณะขับขี่ และสูตรเนื้อยางเฉพาะที่สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากผิวขรุขระได้ดี ทั้งขณะที่เราทดสอบเข้าโค้ง และแล่นผ่านแนวเชือกบนพื้นถนนแรงสะเทือนและเสียงจากยางมีค่อนข้างน้อย อยู่ในระดับที่ “นุ่มเงียบ” เกินคาด สุดท้าย คือ การเบรคบนพื้นเปียก ด้วยสูตรเนื้อยางที่ผสมซิลิคา ผสานกับหน้ายางที่มีความยืดหยุ่นสูงดังที่กล่าวไปแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพการเบรคบนพื้นเปียกทำได้ดีมาก เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของระยะเบรคแล้ว พไรมาซี แอลซี มีระยะเบรคที่สั้นกว่ายางของคู่แข่งเกือบ 4 เมตร เลยทีเดียว ยางรุ่น ไพลอท สปอร์ท 3 เน้น เหมาะสำหรับการขับขี่เน้นสมรรถนะ ด้วยการออกแบบลายดอกยางแบบหลบมุม และแถบเนื้อยางต่อเนื่องตลอดทั้งเส้นพร้อมคานเสริมแรงด้านใน หน้ายางสามารถแปรผันการบิดตัวตามความเร็ว โดยที่ความเร็วต่ำ หน้ายางให้ตัวได้มาก เพื่อสร้างอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการยึดเกาะ ขณะที่ช่วงความเร็วสูง หน้ายางจะขยับตัวน้อยลง ป้องกันไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไป คงประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีร่องรีดน้ำถึง 4 แถบ เพิ่มมุมโค้งบริเวณไหล่ยาง ระบายน้ำออกด้านข้างได้ดียิ่งขึ้น และสูตรเนื้อยางจากรถแข่งรายการ เลอ มองส์ 24 ชั่วโมง (LE MANS 24 HOURS) เกาะถนนดีทุกสภาพอากาศ ในส่วนของการทดสอบ เปลี่ยนรูปแบบจากการขับสลับกับยางคู่แข่ง มาเป็นแบบ “SPORT EXPERIENCE” สัมผัสอารมณ์สปอร์ทแบบเต็มๆ ของยางรุ่นนี้ โดยใช้รถแข่งจากรายการ เรโนลต์ กลีโอ คัพ (RENAULT CLIO CUP) พละกำลัง 220 แรงม้า กับน้ำหนักตัวเพียง 1,000 กก. ทั้งเบาะนั่ง และการเข้าเกียร์ เป็นไปในสไตล์รถแข่งจริงทุกประการ โดยมีรถ SAFETY CAR นำหน้า เพื่อความปลอดภัย แม้เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เราก็ได้พบกับความเร้าใจราวกับเป็นนักแข่งตัวจริงเสียงจริง ทั้งเสียงของเครื่องยนต์ และการเปลี่ยนเกียร์แบบซีคเวนเชียล ไม่สามารถหาพบได้ในรถทั่วไป แม้ขณะแล่นเข้าโค้งบางครั้งจะใช้ความเร็วเกินเหมาะสมไปบ้าง แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ทำให้การดึงรถกลับเข้าสู่ไลน์ ไม่ใช่เรื่องยากเย็น การเบรคที่หนึบ และไต่ความเร็วทำได้ฉับไว เรารู้สึกว่าประสิทธิภาพของยางสามารถรับมือกับสมรรถนะได้เป็นอย่างดี เสร็จสิ้นการทดสอบทั้ง พไรมาซี แอลซี และ ไพลอท สปอร์ท 3 แม้เป็นยางที่เน้นกลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นคือความสมดุลของประสิทธิภาพ 3 ประการดังกล่าว ซึ่ง มิเชอแลง พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้จริง