ธุรกิจ
ธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระ ขยายตัวขึ้นอย่างมาก มีบริษัทเกิดใหม่หลายแห่ง แต่ผู้ผลิต และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ก็เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายต่อไป "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ ชลลธร ศรีรัตนประภาส กรรมการบริหาร บริษัท รามคำแหงกรุ๊ป จำกัด หรือ บีอาร์จี
ธุรกิจรถยนต์นำเข้าอิสระ ขยายตัวขึ้นอย่างมาก มีบริษัทเกิดใหม่หลายแห่ง แต่ผู้ผลิต และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ก็เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายต่อไป "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ ชลลธร ศรีรัตนประภาส กรรมการบริหาร บริษัท รามคำแหงกรุ๊ป จำกัด หรือ บีอาร์จี
ฟอร์มูลา : ตลาดโดยรวมรถนำเข้าปีนี้ เป็นอย่างไร และปีหน้าจะเป็นอย่างไร ?
ชลลธร : ตลาดโดยรวมปีนี้ถือว่าดี แต่ก็มีอุปสรรคบ้าง เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ลูกค้าตื่นตัว เนื่องจากมีบริษัทนำเข้าอิสระเกิดใหม่ขึ้นอย่างมาก เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าธุรกิจนี้ทำไม่ยาก เปิดขายในอินเตอร์เนท ขายตามบ้าน ต่างจังหวัดก็มี ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนเรื่องคาคา ตลาดมีการเปลี่ยนแปลง สินค้าเกิดโอเวอร์ซัพพลาย ลูกค้าไม่ได้ขยายเพิ่มขึ้นเหมือนกับบริษัทที่เกิดขึ้นใหม่ รวมถึงบริษัทตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มีมาตรการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในเรื่องของเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยเสถียรนัก เพราะถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็มีการหยุดชะงักเป็นบางช่วง ตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่นเกิดสึนามิ และมาช่วงปลายปีประเทศไทยยังเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ซึ่งที่จริงแล้วยังไม่รู้ว่าจะส่งผลเมื่อไร เพราะว่าหากมองโดยภาพรวมยอดขายรถยนต์ส่วนใหญ่จะมาจากเขตกรุงเทพ ฯ เมืองหลวง และหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งจุดนี้สุดท้ายก็จะต้องส่งผลกระทบอย่างแน่นอน รวมถึงในต่างประเทศเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าไรนัก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ทั้งสึนามิ และค่าเงินเยน เห็นได้ชัดเจนจากช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม สถานการณ์ตลาดรถยนต์ของญี่ปุ่นยังปกติดีอยู่ แต่พอมาเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากเหตุการณ์สึนามิ เดือนสิงหาคมเริ่มดีขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่ามีหลายเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมาก
แต่ปีนี้ถือว่าเป็นความโชคดีของผู้นำเข้าอิสระที่รถญี่ปุ่นไม่ค่อยมีรถยนต์ใหม่ ทำให้ลูกค้าหันไปสนใจรถยุโรปกันมาก แต่ส่วนที่ทำให้รถยนต์นำเข้าอิสระเติบโตเกิดขึ้นจากรถจดประกอบมีการเติบโตเพิ่มขึ้น เพราะรถประเภทนี้มีราคาไม่แพงแค่ 700,000-800,000 บาท รวมถึงยังมีรถซูเพอร์คาร์ ที่ราคาไม่แตกต่างจากบริษัทผู้นำเข้า ออพชันแตกต่างกัน ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อและเปลี่ยนรถใหม่เพิ่มมากขึ้น
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรถจดประกอบ ?
ชลลธร : เท่าที่ทราบ รถจดประกอบใช้ช่องว่างทางกฎหมายดั้งเดิม ที่เดิมให้สิทธิพิเศษกับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่นำเข้ามาจดประกอบได้ แต่ระยะหลังนี้นำมาใช้กับรถยนต์ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่เหมาะกับรถยนต์ซูเพอร์คาร์ หรือรถยนต์ราคาแพง เนื่องจากความหมายของคำว่าจดประกอบคือ การนำชิ้นส่วนเข้ามาประกอบโดยมีวิศวกรรองรับ ซึ่งเมื่อนำเข้ามาแล้วส่วนใหญ่ยังใช้ช่องว่างทางกฎหมายตรงที่นำไปติดตั้งแกส ทำให้ภาษีสรรพสามิตราคาถูกลง ซึ่งความจริงแล้วรถยนต์ราคาสูงส่วนใหญ่ไม่น่าจะติดตั้งแกส เหมือนเป็นการใช้ช่องโหว่ตรงนี้มาดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตามตรงส่วนนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะมองอย่างไร จัดการให้ถูกต้องหรือปล่อยให้ทำกันต่อไป
สำหรับลูกค้าก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ลูกค้าที่ยอมรับความเสี่ยง ชอบความหวือหวา ชอบเปลี่ยนรถใหม่ ก็จะไม่คำนึงถึงเรื่องของผลที่จะตามมา ก็จะไม่คำนึงถึงเรื่องการซื้อจากแหล่งใด ก็จะซื้อรถจดประกอบ อีกกลุ่มหนึ่งเป็นลูกค้าที่ชอบความมั่นคงก็จะเลือกซื้อรถนำเข้าทั้งคัน
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าแนวโน้มผู้นำเข้าอิสระในอนาคตจะเป็นอย่างไร ?
ชลลธร : ผู้นำเข้าอิสระแบ่งออกเป็นหลายแบบ เช่น นำเข้าแบบคันเดียว เป็นบ้าน เทนท์ มีโชว์รูมและศูนย์บริการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ โดยมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง
ปัจจุบันหลายบริษัทออกมาตรการเพื่อบีบผู้นำเข้าอิสระ เพื่อต้องการจำกัดวงให้แคบลง ควบคุมง่ายขึ้น ในฐานะเจ้าของบแรนด์ ที่ต้องการควบคุมการขาย การบริการ คุณภาพ จะทำให้เกิดผลกระทบหลายบริษัทต้องหายไปโดยเฉพาะรายเล็ก ส่วนรายใหญ่ที่มีศูนย์บริการน่าจะไปได้อยู่ แต่ต้องมีการพลิกเกมเปลี่ยนแผนกันพอสมควร ส่วนการที่บริษัทจะอยู่รอดได้ ไม่ได้มองแต่เพียงแต่มุมของผู้นำเข้าเท่านั้น แต่ดีเลอร์ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ส่วนบริษัท ฯ ต้องเปลี่ยนแผนเช่นกันเพื่อให้อยู่ได้ ทั้งนี้ด้านราคาก็เป็นส่วนหนึ่ง การบริการก็จำเป็น ลูกค้าต้องการสิ่งที่สมเหตุสมผล ไม่จำเป็นต้องซื้อของแพง
อย่างไรก็ตามต้องดูว่ามาตรการที่ออกมานั้น จะหนักแค่ไหน แต่ทุกอย่างมีการแก้ไข มีทางที่จะไปได้ ส่วนผู้นำเข้าอิสระที่มั่นคงส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลานานหลายปี ก็จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ถ้าเป็นผู้นำเข้าที่ดำเนินธุรกิจแบบหวือหวาทำอะไรผิดมากๆ ก็อาจอยู่ไม่ได้ ซึ่งในปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมี ส่วนในปีนี้ถ้าจะมีก็จะเป็นบริษัทที่จดประกอบ หลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งจุดนี้มีความผิดอยู่แล้ว
ฟอร์มูลา : มาตรการของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ที่ประกาศไม่รับซ่อมรถที่ไม่ได้ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คุณรู้สึกอย่างไร ?
ชลลธร : มาตรการของ เมร์เซเเดส-เบนซ์ ที่ประกาศไม่รับบริการหลังการขาย และวาร์รันตี รถยนต์ที่ไม่ได้ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน กรณีนี้มองได้ 2 มุม มุมหนึ่งผู้นำเข้าอิสระรายเล็กจะได้ผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากลูกค้าจะไม่เลือกซื้อสินค้าเพราะขาดความมั่นใจ และสุดท้ายก็ต้องเลิกธุรกิจ อีกมุมหนึ่งลูกค้าที่ซื้อไปแล้วมีปัญหา อาจไม่พอใจบแรนด์ ไม่กลับมาซื้ออีก เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย จึงต้องดูกันในระยะยาวว่าจะเป็นอย่างไร แต่ถึงอย่างไรออกมาตรการต่างๆ ถือว่าเป็นสิทธิ์ของ เมร์เซเดส-เบนซ์
ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ ต้องมีการปรับ เพื่อรับนโยบายเหล่านี้อย่างไร ?
ชลลธร : ต้องมีการปรับหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริการ อะไหล่ เพื่อให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท ฯ มีการลงทุนเครื่องมือพิเศษ สตอคอะไหล่อยู่แล้ว แต่ขณะนี้จะเน้นมากยิ่งขึ้น ในเรื่องการบริการที่ได้มาตรฐาน และสร้างความพึงพอใจสูงสุด เพราะตั้งแต่เริ่มธุรกิจจนถึงปัจจุบัน รถที่จำหน่ายออกสู่ตลาด มีประมาณ 9 ยี่ห้อ เกือบ 40 รุ่น การสตอคอะไหล่ค่อนข้างยาก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องจัดการเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบแก่ลูกค้า เพราะบริษัท ฯ มองว่าการบริการคือหัวใจหลัก
ฟอร์มูลา : แผนงานสำหรับการลงทุนเพิ่ม มีหรือไม่ ?
ชลลธร : ล่าสุดได้ลงทุนขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มที่ศรีนครินทร์ โดยส่วนที่จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องคือ การสตอคอะไหล่ เพราะมีรถรุ่นใหม่จำหน่ายต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนเพิ่มในส่วนของโชว์รูมและศูนย์บริการนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเป้าหมายนั้นจะเพิ่มในเขตพื้นที่กรุงเทพ ฯ อีก 1 แห่ง แต่จะอยู่ในย่านชานเมือง ส่วนในต่างจังหวัดยังไม่มีแผนที่จะขยายเพิ่มอีกในระยะ 1-2 ปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 5 สาขา ตั้งเป้าจะมีทั้งหมด 8 สาขา โดยจะครอบคลุมและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้น ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนเรื่องการวางรากฐานบุคลากร ระบบไอที ข้อมูลต่างๆ เพื่อให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ฟอร์มูลา : ปีนี้ยอดขายจะเป็นอย่างไร ?
ชลลธร : บริษัท ฯ ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมียอดขายรวมทั้งสิ้น 1,000 คัน คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในช่วงงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 28" ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2554 ตั้งเป้ามียอดขายถึง 300 คัน
ฟอร์มูลา : ชุดแต่ง คาร์ลสัน จนถึงปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง ?
ชลลธร : ชุดแต่ง คาร์ลสัน เป็นสินค้านำเข้าจากประเทศเยอรมนี บริษัท ฯ ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าครบ 1 ปี พอดี นโยบายและแผนงานเน้นการสร้างบแรนด์ ด้านยอดขายยังไม่ได้เน้นมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ชุดแต่ง คาร์ลสัน ถือว่าเป็นสินค้าที่มีความโดดเด่น ไม่ได้มีอุปกรณ์มากชิ้น แต่งแล้วรู้สึกได้ถึงความแตกต่างในขณะเดียวกัน ช่วยเพิ่มความสวยงามและแตกต่าง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า รวมถึงได้มีการแนะนำรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไร ที่ปัจจุบันผู้นำเข้าอิสระหันมาทำตลาดชุดแต่งมากขึ้น ?
ชลลธร : ถือว่าดี ตอนแรกเป็นชุดแต่งของญี่ปุ่นเข้ามาบุกตลาดก่อน และก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตลาดซบเซา แต่เมื่อปีที่แล้วตลาดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้เป็นชุดแต่งจากยุโรป เป็นช่วงจังหวะที่ดี เพราะตลาดรถยนต์ยุโรปกำลังได้รับความนิยม
ฟอร์มูลา : มีแผนและเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำอันดับ 1 ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระอย่างไร ?
ชลลธร : เป้าหมายของบริษัท ฯ คือ ดูแลลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด ทำให้บริษัท ฯ เน้นการพัฒนาการขาย สินค้า และการบริการ รวมถึงการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการในมุมเมืองต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ผู้นำเข้าอิสระปัจจุบันที่มีศูนย์บริการที่รองรับลูกค้าได้ ทั้งเครื่องและสี ยังมีอยู่น้อย เน้นการทำงานแบบมีคุณธรรม
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ nussara@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/30100