พิเศษ
เกาะติดความเคลื่อนไหวสายการผลิต อีโคคาร์ เมืองไทย ใครอยู่ ใครไป ใครจะคลอดเมื่อไหร่ รุ่นไหนที่เราจะได้ใช้กันแน่
เกาะติดความเคลื่อนไหวสายการผลิต อีโคคาร์ เมืองไทย ใครอยู่ ใครไป ใครจะคลอดเมื่อไหร่ รุ่นไหนที่เราจะได้ใช้กันแน่
ทันทีที่ นิสสัน เปิดตัว น้องมีนา หรือ มาร์ช (MARCH) ในช่วงเดือนเดียวกับชื่อ อีโคคาร์ คันแรกของตลาดไทย และตลาดโลก ก็ฟันยอดขายถล่มทลายไร้คู่แข่ง โดยรวมถึงเดือนกรกฎาคม ได้ถึง 7,650 คัน มากกว่า ทิอิดา (TIIDA) รุ่นพี่ขนาดคอมแพคท์ที่ขายในช่วงเดียวกันกว่าเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม ทางสะดวก อย่างนี้คงมีได้ไม่นานนัก เพราะค่ายที่เหลือซึ่งเคยประกาศร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลไทย กำลังทยอยสร้างฝันให้เป็นจริงกันอยู่ แม้ 2 ค่าย คือ ทาทา (TATA) ซึ่งมีแนวคิดจะนำเข้า นาโน (NANO) มาขายไปซะเลย กับ โฟล์คสวาเกน (VOLKSWAGEN) ที่จะถอนทัพไปแล้วก็ตาม
เรามาตามติดกันดีกว่าว่าคู่แข่งสัญชาติเดียวกับ นิสสัน อีก 4 ยี่ห้อ มีความคืบหน้าอย่างไรกันบ้าง...
ซูซูกิ (SUZUKI)
สวิฟท์: ขายปี 2554 ?
ค่ายเจ้าพ่อรถเล็ก ตัดสินใจตั้งโรงงานประกอบ อีโคคาร์ หลังได้รับการอนุมัติจากไทย ให้สามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือน ธันวาคม ปี 2550 แต่เอาเข้าจริง บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ก็ชะลอแผนดังกล่าว โดยจัดให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จ. ระยอง ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ฉะนั้นอย่างเร็วที่สุด เราคงได้ยลโฉม อีโคคาร์ จาก ซูซูกิ ช่วงต้นปี 2554
ในช่วงแรกๆ ที่มีข่าวการตั้งโรงงาน และด้วยการที่ ซูซูกิ ถนัดเรื่องรถเล็กอยู่แล้ว ทำให้หลายคนพาลนึกว่า ซูซูกิ จะเอารถ เค-คาร์ (K-CAR) ซึ่งเป็นรถขนาดจิ๋วที่ใช้กันในญี่ปุ่น เครื่องยนต์ 660-1,000 ซีซี อย่างเช่น รุ่น แวกอน-อาร์ (WAGON-R) หรือ สปแลช (SPLASH) ที่ขายในตลาดยุโรป ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี เท่าๆ กับ มาร์ช เข้ามาประกอบขาย
แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อกำหนดของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ว่า ต้องเป็นรถที่ไม่เคยผลิตขายที่ไหนมาก่อน ความเป็นไปได้ของทั้ง 2 รุ่น จึงตกไป เพราะกว่า 2 รุ่นนี้จะออกโฉมใหม่เอี่ยมกันได้ ก็คงต้องลากยาวรอถึงปี 2555-2556 ซึ่งชักช้าไม่ทันการณ์ นอกจากนี้ในเอกสารแจกของ ซูซูกิ คราวเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการ ก็มีข้อหนึ่งที่ระบุชัดเจนถึงโมเดลรถที่จะผลิตไว้ว่าเป็น ซับ-คอมแพคท์คาร์ ฉะนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงสุดที่ อีโคคาร์ ตัวใหม่ของ ซูซูกิ จะจำแลงเป็น สวิฟท์ (SWIFT) โฉมใหม่ ที่เพิ่งเผยตัวในเวบไซท์ทั่วโลกไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เข้ามาเดินสายพานการผลิตที่โรงงานนี้แทนที่ประเทศอินโดนีเซีย เพราะถ้าประกอบในไทย ส่งขายกลับประเทศ อาฟตา (AFTA) ก็ปลอดภาษีได้เหมือนกัน
ส่วนถ้าใครจะถามว่าแปลกไหมที่เป็น สวิฟท์ ตอบได้เลยว่า ไม่ ! ในเมื่อ อีโคคาร์ ของ นิสสัน ก็คือ มาร์ช ซึ่งเป็นรถขนาดเดียวกัน แถม ซูซูกิ ก็มีเครื่อง 1,200 ซีซี อยู่แล้วด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วช่องทางกระดิกตัวทางเดียวของ ซูซูกิ ก็ต้องเป็นรถใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในโลก ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายจะสูงเกินไปสำหรับค่ายนี้ครับ
โตโยตา (TOYOTA)
ยารีส: ขายปี 2556 ?
ค่ายยักษ์ค่ายนี้เรื่อยๆ มาเรียงๆ ตั้งแต่แรก ทั้งที่อันที่จริง รถจิ๋วของ โตโยตา ที่เล็กกว่า วีออส (VIOS) กับ ยารีส (YARIS) ก็มีมากมายหลายรุ่น ข่าวแรกที่บอกว่า จะนำ อาอีโก (AYGO) มาประกอบขาย เห็นท่าจะไม่ใช่ซะแล้ว เพราะ โตโยตา น่าจะยังคงจับมือกับ PEUGEOT-CITROEN GROUP หรือ PSA ซึ่งความสัมพันธ์กำลังลงตัวสุดๆ ผลิตรถขายกันที่สาธารณรัฐเชคต่อไป
ข่าวต่อมาเมื่อไม่นานนี้ ก็คือ รถ เอทีออส (ETIOS) เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี ในอินเดีย ตามโครงการสร้างรถประหยัด เพื่อฟาดฟันกับ มารูตี ซูซูกิ ซึ่งยังครองส่วนแบ่งการตลาดในอินเดียมากกว่า โดยใช้ชื่อโครงการว่า EFC (ENTRY LEVEL FAMILY CAR) จะใช้พื้นฐานเดียวกับ วีออส ที่ขายอยู่ในบ้านเรานั่นแหละ (ฐานล้อ 2,550 มม. เท่ากันเป๊ะ) แต่ใช้วัสดุที่มีต้นทุนถูกกว่า (ล้อแมกยังใช้ของ โซลูนา วีออส โฉมเดิมเลย)
แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่า ถ้า โตโยตา นำแนวคิดประหยัดเกินเหตุ มาผลิตรถขายในบ้านเราคงไม่รุ่ง ดู อวันซา (AVANZA) เป็นกรณีศึกษาก็ได้ ฉะนั้น เชื่อว่าอย่างเร็ว โตโยตา คงผลิตรถออกมาขายราวปี 2556 โน่น แต่ความชัดเจนที่สุดจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกว่า โตโยตา มีแผนการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง โดยใช้พื้นฐานของรถรุ่น ยารีส แต่จะทำให้ต้นทุนถูกลงราว 40 % และใช้วัสดุในประเทศให้มากที่สุด ฉะนั้นราคาขายเริ่มต้น จะอยู่ราวๆ 3.7 แสนบาท เท่าๆ กับ นิสสัน มาร์ช
โจทย์ของ โตโยตา ก็คือ จะลดต้นทุนให้ถูกลงกว่าที่ทำอยู่นี้ได้อย่างไร โดยยังคงคุณภาพของรถให้สูงกว่ารถที่น่าจะไม่เอามาฆ่าตัวตายอย่าง เอทีออส ตัวเลือกตอนนี้ก็คือ รถรุ่นใหม่ที่ใช้พื้นฐานจาก ยารีส โฉมปัจจุบัน (ซึ่งวันนี้ต้องเริ่มลงมือพัฒนาแล้ว) กับ ยารีส โฉมใหม่ไปเลย แล้วจับเครื่องยนต์ 1,200 ซีซี ยัดใส่ไปซะ !
มิตซูบิชิ (MITSUBISHI)
พโรเจคท์ใหญ่ โมเดลใหม่เอี่ยม: ขายปี 2555 ?
เป็นอีกค่ายหนึ่งที่ขยับแข้งขยับขาช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ขยับ หรือถอนตัวไปเลย แผนการของ มิตซูบิชิ เริ่มชัดเจน เมื่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) แจ้งข่าวมายังสื่อมวลชนเมื่อต้นเดือน เมษายน 2553 ว่า บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด และ MITSUBISHI MOTORS CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น ยืนยันเดินหน้า อีโคคาร์ แน่นอน ด้วยเงินลงทุน 8 พันล้านบาท น่าจะเริ่มผลิตในเดือนกันยายน 2554 และพร้อมเปิดตัวรถคันเก่งช่วงต้นปี 2555 ได้สบายๆ
มิตซูบิชิ แง้มกับเรามาหน่อยหนึ่งว่า อีโคคาร์ คันนี้จะเป็นรถที่จะใช้พแลทฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมด ตั้งแต่หลังคาจรดล้อ โดยตั้งใจจะให้เป็นฐานการผลิตเพื่อบุกตลาดรถเล็กทั่วโลกในปี 2555 งานนี้ดูท่าจะเป็นโครงการขนาดยักษ์ขึ้นมาทันตาเห็น เมื่อ PEUGEOT-CITROEN GROUP หรือ PSA ของฝรั่งเศส ประกาศตัวขอเข้าร่วมด้วย ซึ่งในระยะไม่กี่ปีมานี้ความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายดูจะไปได้สวย เห็นได้จากการที่ ทั้ง เปอโฌต์ และ ซีตรอง ล้วนใช้รถ มิตซูบิชิ หลายรุ่นไปแต่งหน้าทาปาก แล้วพะยี่ห้อใหม่ขายในยุโรป ฉะนั้นงานนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดแผนก็คงจะไปได้ดีเช่นเดียวกัน
โครงการที่ว่านี้ตั้งชื่อง่ายๆ ว่า GLOBAL SMALL CAR โดยจะผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่น่าจะเล็กกว่า อีโคคาร์ ค่ายคู่แข่ง หรือกระทั่งเล็กกว่า ซับ-คอมแพคท์ ของตัวเองอย่าง โคลท์ (COLT) โฉมปัจจุบันที่ขายกันในยุโรป และญี่ปุ่นเสียอีก เครื่องยนต์เบนซินที่จะใช้น่าจะมีตั้งแต่ ขนาด 1,000 และ 1,300 ซีซี และอาจจะมีรุ่นพิเศษที่เป็นระบบ PLUG-IN HYBRID ที่เจ๋งที่สุด โครงการนี้บรรจุ รุ่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียวๆ หรือ EV (ELECTRIC VEHICLE) ไว้ในแผนด้วย ซึ่งคาดว่าจะคลานตามมาห่างกันปีเดียวเท่านั้น
สำหรับรุ่น PLUG-IN HYBRID กับ EV ในช่วงแรกน่าจะผลิตเพื่อส่งออกยังภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับสมบูรณ์ก่อน อย่างเช่นที่ ยุโรป ส่วนเครื่องยนต์ที่จะใช้ให้เหมาะกับบ้านเรา คงเป็นรุ่น 1,300 ซีซี มากกว่า 1,000 ซีซี แน่นอน แต่อย่าให้ช้ากว่ากำหนดการ เหตุเพราะเป็นโรคเลื่อนอย่าง แลนเซอร์ อีเอกซ์ ละกันนะครับ...ขอร้อง
ฮอนดา (HONDA)
ทิฟ: ขายปี 2553 ?
ในงานมอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ฮอนดา ตัดสินใจขนรถแนวคิด ฮอนดา นิว สมอลล์ คอนเซพท์ (HONDA NEW SMALL CONCEPT) ซึ่งเป็นที่ฮือฮาในอินเดีย ที่เคยจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์นิวเดลี มาโชว์โฉมเพื่อหวังเบรคยอดจอง นิสสัน มาร์ช ได้บ้าง
ถึงวันนี้มีข่าวล่ามาว่า รถทดลองประกอบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังเข้าสู่กระบวนการทดสอบความทนทาน ค้นหาจุดบกพร่องต่างๆ เพื่อนำมาปรับแก้ไขรายละเอียดด้านวิศวกรรม ก่อนจะมีการผลิตออกสู่ตลาดจริง แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีภาพใดๆ หลุดลอดออกมาให้เราเห็น
รถรุ่นใหม่ของ ฮอนดา จะมีขนาดเล็กกว่า ซับ-คอมแพคท์ หรือเล็กกว่า ฟิท (FIT) หรือ แจซซ์ (JAZZ) ที่ขายในบ้านเรา เน้นทำตลาดที่อินเดียเป็นหลัก ส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ ซึ่งมีไทยเป็นฐานการผลิตจะใช้พื้นฐานเดียวกัน แต่แตกต่างที่รายละเอียดปลีกย่อย โดยใช้รหัสโครงการว่า 2 ซีวี (2CV) ที่คาดว่าจะใช้ชื่อจริงน่ารักๆ เพียงแค่สลับตำแหน่งตัวอักษรจาก FIT (ฟิท) เป็น TIF (ทิฟ) เท่านั้นเอง
ฮอนดา น่าจะเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1,300 ซีซี 95 แรงม้า ส่วนราคา กุมารทองบอกว่าจะแพงกว่า นิสสัน มาร์ช นิดหน่อย แต่ด้วยชื่อชั้น ฮอนดา กับรูปทรงที่ทันสมัยกว่า คงทำให้คนอยากใช้ อีโคคาร์ ตัดสินใจลำบากขึ้น
แต่ก็อย่าให้แพงนักล่ะ เดี๋ยวใครจะพากันหาว่า ฮอนดา ขายของถูกไม่เป็นครับ
เรื่องโดย : ศิธา เธียรถาวร sitha@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/29090