เอสยูวี พันธุ์ยุ่น...ตัวจริงกระสุนจริง

ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 80 ซึ่งอุบัติขึ้นในเมืองนาฬิกาเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นิสสัน มอเตอร์ (NISSAN MOTOR) ยักษ์รองของเมืองยุ่นนำรถใหม่ออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนในลักษณะ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" หนึ่งแบบ เป็นรถที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากบรรดาสื่อมวลชนและผู้เข้าชมงาน รถแบบที่ว่าคือ นิสสัน จูค (NISSAN JUKE) ที่เห็นอยู่นี้ เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัดซึ่งมีโครงสร้างตัวถังแบบรถเก๋ง อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า COMPACT CROSSOVER SUV รวมทั้งเป็นรถที่ออกแบบและพัฒนาในทวีปยุโรป โดยมีผู้ใช้รถวัยหนุ่มวัยสาวเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นิสสัน ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่ควักเงินในกระเป๋าซื้อรถแบบนี้ จะเป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี เป็นรถที่ยักษ์รองของเมืองยุ่นจะนำออกจำหน่ายในตลาดทั่วโลก รวมทั้งในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมทั้งในเมืองแม่ คือ ญี่ปุ่น โดยจะมีการผลิตใน 2 ประเทศ คือ ที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในเมืองออปปามา (OPPAMA) ประเทศญี่ปุ่น กับโรงงานในยุโรปซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ (SUNDERLAND) ประเทศอังกฤษ ตัวถังทรงสองกล่อง ยาว 4.135 ม. กว้าง 1.765 ม. และสูง 1.570 ม. มีส่วนครึ่งล่างซึ่งดูเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งแท้ๆ มีเส้นสะเอว (WAIST LINE) อยู่ค่อนข้างสูง แต่มีส่วนครึ่งบนที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถสปอร์ท และมีส่วนท้ายคล้ายรถแฮทช์แบค ภายในห้องโดยสารซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน มีจุดเด่นสะดุดตาและทำให้เกิดความรู้สึกว่าน่าจะเป็นรถที่ขับสนุก คือ แผงคอนโซลกลางซึ่งออกแบบให้มีรูปลักษณ์เหมือนถังน้ามันเชื้อเพลิงของจักรยานยนต์ จะเริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่นฤดูร้อนปีนี้ ส่วนในยุโรปและอเมริกาเหนือต้องรอฤดูใบไม้ร่วง รุ่นที่จะออกจำหน่ายในยุโรปซึ่งมีทั้งแบบขับล้อหน้า และขับ 4 ล้อ จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้รวม 3 ขนาด คือ เครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,597 ซีซี 117 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ HR16DE) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT) เครื่องเทอร์โบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1.6 ลิตร 190 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ MR16DDT) ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง และเครื่องเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล SOHC 4 สูบเรียง 1,461 ซีซี 110 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ K9K) ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ไม่มีเกียร์อัตโนมัติ โมเดลที่ใช้ระบบขับล้อหน้า ติดตั้งระบบรองรับหน้าแบบอิสระ/แมคเฟอร์สันสตรัท และระบบรองรับหลังแบบอิสระ/คานบิด ส่วนโมเดลที่ใช้ระบบขับ 4 ล้อ เปลี่ยนระบบรองรับชุดหลังเป็นแบบอิสระ/มัลทิลิงค์ และใช้ระบบขับ 4 ล้อ อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า TORQUE VECTORING ซึ่งก่อนหน้านี้มีใช้ก็แต่ในรถกิจกรรมกลางแจ้งระดับหรูและค่าตัวแพงอย่างรถ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 (BMW X6) เท่านั้น