ผลทดสอบ
หรูเด่น แรงดี ลุยได้ !
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ดีเซล 2.8 ลิตร 190 แรงม้า ราคา 6,299,000 บาท
คู่แข่งในตลาด
บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 ดีเซล 3.0 ลิตร 218 แรงม้า ราคา 6,299,000 บาท
โวลโว เอกซ์ซี 90 ดีเซล 2.5 ลิตร 185 แรงม้า ราคา 3,949,000 บาท
เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท ดีเซล 2.7 ลิตร 190 แรงม้า ราคา 7,490,000 บาท
โพร์เช กาเยนน์ 3.0 เบนซิน 3.0 ลิตร 290 แรงม้า ราคา 10,800,000 บาท
เอาดี คิว 7 ดีเซล 3.0 ลิตร 220 แรงม้า ราคา 6,700,000 บาท
เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 ไฮบริด เบนซิน 3.5 ลิตร 295 แรงม้า ราคา 6,390,000 บาท
ข้อเด่น
- ชุดแต่งสปอร์ท สวยโดดเด่น
- ระบบเกียร์ 7 จังหวะ อยู่ที่คอพวงมาลัย
- เครื่องเสียงพร้อมระบบนำทาง
- ล้อแมก 19 นิ้ว
ข้อด้อย
- กระจังหน้าบอบบางไปหน่อย
- คอนโซลขึ้นรูปชิ้นเดียว ต้องเปลี่ยนใหม่หมดเมื่อถุงลมระเบิด
ฟันธง
เอสยูวีหรูมาดสปอร์ท ชื่อชั้นดี แรงใช้ได้ สนองตัณหาเศรษฐีรุ่นใหญ่ครบถ้วน
ต้นปี 2552 เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ฯ เปิดตัวเอสยูวีหรู เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี เจเนอเรชันที่ 2 (W164) โฉม "ยกหน้า" (ไมเนอร์เชนจ์) เลือกทำตลาดด้วยรุ่นย่อยเพียงหนึ่งเดียว คือ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร หวังครองตลาดเอสยูวีหรู พร้อมต่อกรกับคู่แข่งร่วมสัญชาติอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี ที่เปิดตัวมาด้วยราคาเท่ากันพอดีเป๊ะ
4 WHEELS นำ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี มาทดสอบด้วยเครื่องดาทรอน เพื่อให้รู้ถึงสมรรถนะที่แท้จริง หลังจากฉบับก่อนหน้า ทดสอบคู่ปรับอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี มาแล้ว ซึ่งบอกได้เลยว่า "แรงโคตร"
ภายนอก 5 ดาว
หรู แฝงมาดสปอร์ท
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี รุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ได้รับการตกแต่งใหม่ให้มีหน้าตาหรูหรา เสริมมาดสปอร์ทอย่างเต็มที่ โครงสร้างตัวถังเมื่อทดสอบการชนแล้ว ได้คะแนน 5 ดาว จากยูโร เอนแคพ เอมแอล-คลาสส์ รุ่นนี้ มีเส้นสายเฉียบคม ดูมีมิติมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมที่โค้งมน อีกทั้งยังขยายขนาดเพิ่มขึ้นจากเดิม มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,781/1,911/1,774 มม
ขณะที่คู่แข่งอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี (มิติ ยาว/กว้าง/สูง 4,854/1,933/1,776) และ เอาดี คิว 7 (มิติ ยาว/กว้าง/สูง 5,089/1,983/1,737) ซึ่งทั้งคู่มีสัดส่วนตัวรถที่ยาวและกว้างกว่า เมร์เซเดส-เบนซ์
เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี ทั้งสิ้น
ในด้านรูปลักษณ์ กันชนหน้าได้รับการออกแบบให้ดูสปอร์ทมากขึ้น ไฟตัดหมอกและช่องรับลมแบบสปอร์ทสีดำ กรอบไฟหน้าดวงใหญ่ ไฟหน้าแบบพโรเจคเตอร์ รวมกับช่องไฟสูง ไฟหรี่ ไฟเลี้ยว ไว้อย่างสวยงาม และกลมกลืน กระจังหน้าแบบไร้กรอบขนาดใหญ่ แม้จะบอบบางไปนิด แต่ก็ดูสวยสะดุดตา ลายแถบกระจังหน้าแนวนอนเคลือบด้วยโครเมียม ออกแบบหรู มีโลโกดาวสามแฉกขนาดใหญ่ มาช่วยยืนยันถึงความเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างลงตัว
ด้านข้างตัวรถ หรูหราทันสมัยด้วยกระจกมองข้าง มีไฟเลี้ยว และยังตกแต่งแถบเส้นแบบโครเมียม ตั้งแต่แนวกระจกลงมาถึงขอบคิ้วกันกระแทก และบริเวณชายล่างขอบประตู บนหลังคาตกแต่งด้วยราวอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ยาวตลอดแนวหลังคา ด้านหลังสไตล์สปอร์ท ไฟท้ายรมดำ ใช้หลอดแบบแอลอีดี ฝาท้ายขนาดใหญ่เปิดด้วยไฟฟ้า ยกขึ้นทั้งบานด้วยชอคอับคู่ มีแผ่นกันรอยสเตนเลสส์ขนาดใหญ่ กันชนหลังมาพร้อมแถบสะท้อนแสง ออกแบบรับกันอย่างลงตัว พร้อมชุดท่อไอเสียแบบสปอร์ท ซ้าย/ขวา สวมปลายท่อสเตนเลสส์
ภายใน 3 ดาว
โอ่อ่า วัสดุหรูเริ่ด
ห้องโดยสารปรับแต่งให้ภูมิฐานมากขึ้น ใช้วัสดุคุณภาพสูง นอกจากชุดแต่งสปอร์ทที่เพิ่มเข้ามา ส่วนอื่นๆ ยังปรับปรุงให้ทันสมัย ตกแต่งหรูหรา แฝงอารมณ์สปอร์ทด้วยสีทูโทน แผงข้างประตูและเบาะนั่ง บุด้วยหนัอาทิโค ( ARTICO) สลับกับหนังอัลคันทารา (ALCANTARA) เบาะนั่งยังมีระบบช่วยหนุนหมอนรองกระดูกสันหลัง หรือที่ เมร์เซเดส-เบนซ์ เรียกว่า ลัมบาร์ ซัพพอร์ท เพื่อให้นั่งสบาย ไม่เมื่อยล้า และดีต่อสุขภาพ เบาะนั่งฝั่งคนขับยังสามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง
พวงมาลัย 4 ก้านทรงสปอร์ท ตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียม พร้อมระบบมัลทิฟังค์ชัน คอนโซลกลางตกแต่งด้วยลายไม้ หลังคากระจกมีซันรูฟ คอนโซลกลางออกแบบคล้ายราวจับ ดูหรูหราแปลกตา และที่พิเศษมากขึ้น ก็คือ ตำแหน่งคันเกียร์ ซึ่ง เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท ใช้แบบก้านเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ เมร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นใหม่แล้ว ทำให้เราต้องปรับตัวพอสมควรกับการหันไปใช้ระบบเกียร์มือ ซึ่งนอกจากการยกขึ้น หรือกดลงแล้ว ยังต้องคอยมองตำแหน่งเกียร์ที่หน้าจอเรือนไมล์ให้คุ้นเคยอีกด้วย
สวิทช์ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ จัดวางไว้ในตำแหน่งใช้งานง่าย ด้านความบันเทิงของ เอมแอล-คลาสส์ สามารถเล่น วิทยุ ซีดี/ดีวีดี 6 แผ่น เอมพี 3 ระบบลอจิค 7 จาก HARMAN KARDON พรั่งพร้อมด้วยสิ่งบันเทิงครบครันผ่านจอสีขนาด 6.5 นิ้ว มีบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ และระบบสั่งการด้วยเสียง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำระบบนี้มาใช้ใน เอมแอล-คลาสส์ นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ คอมมานด์ เอพีเอส หน้าจอแสดงผลและควบคุมการทำงานของวิทยุ ใช้งานง่ายประสิทธิภาพสูง พร้อมฟังค์ชันหลากหลายสำหรับการใช้งานรูปแบบใหม่
เอมแอล 280 ซีดีไอ มีระบบนำทางผ่านดาวเทียม หรือเนวิเกเตอร์ พร้อมแผนที่ในประเทศไทยแสดงอยู่ ส่วนระบบปรับอากาศ มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC เย็นสบายทั่วถึงตลอดคัน แต่ช่องแอร์สำหรับที่นั่งตอนหลังยังไม่สามารถแยกปรับอุณหภูมิ และระดับความแรงลมได้เอง หลังคาซันรูฟกระจกบานใหญ่ เลื่อนเปิด/ปิดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถควบคุมการทำงานได้จากรีโมทคอนทโรล
เสียงรบกวนในห้องโดยสารของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ หลังจากวัดที่ความเร็ว 60/80/100/120/140 กม./ชม. ทำได้ (59/61/64/66/69 เดซิเบล) ถือว่าค่อนข้างดี แม้จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลก็ตาม
เทียบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี ที่มีระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ในช่วงความเร็วต่ำ เงียบกว่าค่อนข้างชัดเจน ส่วนระดับเสียงที่ความเร็วสูงขึ้น 120/140 กม./ชม. ทำได้ในระดับใกล้เคียงกัน
เทียบกับกลุ่มรถเอสยูวีหรูด้วยกัน ในช่วงความเร็วต่ำ 60-80 กม./ชม. ดีกว่า เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท เครื่องยนต์เบนซิน 4.2 ลิตร ซูเพอร์ชาร์จ ซึ่งใส่ล้อขนาด 20 นิ้ว จึงทำได้ (64-63 เดซิเบล) แต่ยังเป็นรอง โฟล์คสวาเกน ตูอเรก เครื่องยนต์เบนซิน 3.2 ลิตร และแลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี 3 เครื่องยนต์ดีเซล 2.7 ลิตร ที่ทำไว้เงียบ (50-53 และ 48-51 เดซิเบล)
ขณะใช้ความเร็วสูง 100-140 กม./ชม. เสียงรบกวนทำได้ใกล้เคียงกับ เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท และ ซูบารุ ทรีเบคา บี 9 และซังยง เรกซ์ตัน ทู แต่ยังเป็นรอง โฟล์คสวาเกน ตูอเรก และแลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี 3 ที่มีเสียงรบกวนน้อยกว่า โดยทำไว้ในช่วง (56-65/59-65 เดซิเบล)
สมรรถนะ 3 ดาว
แรง แฝงอารมณ์หรู
ขุมพลังของ เอมแอล 280 ซีดีไอ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล แบบ วี 6 สูบ 24 วาล์ว คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิด 45.0 กก.-ม. ที่ 1,400-2,800 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ (7G-TRONIC) แบบไดเรคท์ซีเลคท์ (DIRECT SELECT) ที่ช่วยปรับตำแหน่งเกียร์ให้เข้ากับรูปแบบการขับขี่ ทั้งแบบธรรมดา หรือแบบสปอร์ท พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่คอพวงมาลัย มาเพิ่มความสนุกเร้าใจให้มากยิ่งขึ้น
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบขับ 4 ล้อตลอดเวลา ทำงานร่วมกับพโรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ อีเอสพี และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนทั้ง 4 ล้อ (4 อีทีเอส)
เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 190 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ เดินหน้า 7 จังหวะ ทดสอบแล้วสามารถตอบสนองอารมณ์ขับขี่ได้ดี ไม่ทิ้งกลิ่นอายของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ฝูงม้าจากเยอรมนี ขนาด 190 ตัว คอกนี้มีจังหวะการออกตัวที่นุ่มนวล ไม่พยศ พารถหนักกว่า 2 ตัน ทะยานออกตัวทันใจ ด้วยจังหวะที่นุ่มนวล
เทียบขุมพลังกับคู่แข่งอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี และ เอาดี คิว 7 3.0 ทีดีไอ เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตรเท่ากัน ดูเหมือนว่า เอาดี คิว 7 จะมีแรงม้าและแรงบิดมากสุด โดยให้กำลังอยู่ที่ 220 แรงม้า แรงบิด 56.0 กก.-ม. ที่ 2,000-2,250 รตน. ตามมาด้วย บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี ให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 51.0 กก.-ม. ที่ 2,000-2,750 รตน. ส่วน เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 สเปคยังเป็นรอง ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิด 45.0 กก.-ม. ที่ 1,400-2,800 รตน.
แม้ว่าสเปคจะเป็นรองคู่แข่ง แต่สมรรถนะของเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ใน เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ยังทำให้การขับรถเอสยูวี ที่มีน้ำหนักตัวกว่า 2 ตัน ให้ความรู้สึกที่ดีพอควร แม้จะไม่จี๊ดจ๊าด จากข้อมูลทดสอบเครื่องวัดสมรรถนะดาทรอน พอสรุปได้ว่า เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. รวมทั้งอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ในเกณฑ์ดี
เทียบกับกับคู่แข่งอย่าง โฟล์คสวาเกน ตูอเรก เครื่องยนต์เบนซิน 3.2 ลิตร แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี 3 เครื่องยนต์ดีเซล 2.7 ลิตร นิสสัน มูราโน เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท เครื่องยนต์เบนซิน 4.2 ลิตร และซูบารุ ทรีเบคา บี 9 เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร ปรากฏว่าอัตราเร่งตีนต้น และอัตราเร่งตีนปลาย ยังไม่หวือหวา สามารถต่อกรกับระดับหัวแถวอย่าง เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท เครื่องยนต์เบนซิน 4.2 ลิตร ซูเพอร์ชาร์จ นิสสัน มูราโน เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร และคู่ปรับอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรได้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้พอๆ กับ ซูบารุ ทรีเบคา บี 9 ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 3.0 ลิตร ดีกว่า แลนด์ โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ โฟล์คสวาเกน ตูอเรก เครื่องยนต์เบนซิน 3.2 ลิตร และซังยง เรกซ์ตัน ทู เครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร
อัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ทำได้คู่คี่สูสีกับ ซูบารุ ทรีเบคา บี 9 และดีกว่าคู่แข่ง แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี และซังยง เรกซ์ตัน ทู ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.7 ลิตร แต่ยังเป็นรอง เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท นิสสัน มูราโน บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 แสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล-คลาสส์ มีสมรรถนะแรงพอตัว ไม่หวือหวาเกินงาม
อัตราเร่งยืดหยุ่นและจังหวะเร่งแซง เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ มีอัตราเร่งแซงขณะใช้งานในเมือง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. ช่วงเร่งแซงบนถนนใหญ่ ทำได้ในเกณฑ์ดี เทียบกับคู่แข่งแล้วยังอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยใกล้เคียงกัน
เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ วี 6 สูบ 3.0 ลิตร บลอคนี้ มีอัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงเกณฑ์พอใช้ วัดอัตราสิ้นเปลืองจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120/140 กม./ชม. ทำไว้ (16.6/13.7/12.1/10.0/8.5 กม./ลิตร ) ลองนำอัตราสิ้นเปลืองมาเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ของ โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ แบบ "ขำขำ" ดู ปรากฏว่าในช่วงความเร็วต่ำ เอมแอล-คลาสส์ ยังทำได้เป็นรอง ส่วนที่ความเร็วสูงขึ้น ทำได้ใกล้เคียงกัน
โดย โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร ทำไว้ (19.8/17.9/13.3/10.4/8.4 กม./ลิตร) อย่างนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เพราะ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี มีมิติตัวรถที่ใหญ่กว่า น้ำหนักเยอะ อีกทั้งยังใช้ล้อขนาด 19 นิ้วอีกด้วย
ระบบรองรับ 4 ดาว
นั่งสบาย สไตล์รถหรู
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ ด้านหลังแบบ 4 ลิงค์ พร้อมชอคอับหน้า/หลัง มีล้อแมกขนาด 19 นิ้ว กับยางขนาด 255/50 R19 มาช่วยเสริมมาดปอร์ท
ช่วงล่างของ เอมแอล-คลาสส์ รุ่นนี้ แม้จะได้รับการตกแต่งให้มีความเป็นสปอร์ททั้งคัน แต่ยังเซทระบบรองรับ ให้มีความนุ่มนวล นั่งสบาย ไม่ทิ้งกลิ่นอายรถหรู สไตล์ เมร์เซเดส-เบนซ์ น้ำหนักพวงมาลัยดี ขับในเมืองสบายการตอบสนองพวงมาลัย ไม่ไวนัก จังหวะกระโดดเนิน หรือคอสะพาน รวมถึงรอยต่อถนน ให้ความนุ่มนวล และยึดเกาะถนนดี ช่วงล่างไม่มีอาการโคลง หรือโยนตัว แม้จะใช้ล้อขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่พบอาการเต้นของยางจากรอยต่อของถนนให้รู้สึกรำคาญ
ส่วนระบบเบรค เป็นแบบจานทั้ง 4 ล้อ ทำงานร่วมกับระบบเบรคป้องกันล้อลอค เอบีเอส ระบบช่วยเบรค บีเอเอส ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ อีเอสพี ที่ช่วยลดอุบัติเหตุจากการชน นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมความเร็วบนทางลาดชัน สร้างสมดุลระหว่างเบรค ระบบส่งกำลัง รวมทั้งอัตราเร่ง ช่วยให้ลงจากทางลาดเอียงได้ปลอดภัย มีระบบฮิลล์ สตาร์ท แอสซิสต์ (HILL START ASSIST) ช่วยเหลือขณะลงเนินชัน หรือทางลาดเอียง ทันทีที่กดคันเร่ง ระบบจะค่อยๆ คลายเบรคให้รถไหลลงไปอย่างช้าๆ เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นขณะขับไปในพื้นที่ทุรกันดาร
จากการทดสอบเบรค สรุปได้ว่า เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล-คลาสส์ 280 ซีดีไอ มีระยะเบรคที่ดี ทั้งที่ความเร็วต่ำ (60-80 กม./ชม.) และในช่วงความเร็วสูง (100 กม./ชม.) เทียบกับคู่แข่งอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี ประสิทธิภาพเบรคยังเป็นรอง ทั้งในช่วงความเร็วต่ำและสูง เทียบกับคู่แข่งในระดับเอสยูวีหรูด้วยกัน ประสิทธิภาพเบรคที่ความเร็วต่ำ ยังทำได้ไม่โดดเด่น (17.1/28.8 ม.) ส่วนเบรคที่ความเร็วสูง (100 กม./ชม.) ทำได้ดีขึ้น (42.7 ม.) คู่คี่สูสีกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
สรุป
เอสยูวีหรู มาดสปอร์ท
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี เป็นรถเอสยูวีหรู นำเข้าจากประเทศเยอรมนี ได้รับการตกแต่งหน้าตาแบบสปอร์ท แฝงด้วยความนุ่มนวลสะดวกสบาย สไตล์หรู ขับง่าย เครื่องยนต์แรงพอตัว ตั้งราคาค่าตัวไว้ 6.299 ล้านบาท เท่ากันเป๊ะกับคู่แข่งร่วมสัญชาติอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 3.0 ดี เน้นชูภาพลักษณ์และอารมณ์การขับขี่ที่ต่างกัน ถ้าหวังจะครอบครองเอสยูวีมาดสปอร์ท หรู ขับสบาย เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี คือ คำตอบของบรรดาเศรษฐีรุ่นใหญ่ ที่ชอบรถลุย ไม่ผิดแน่
ข้อมูลจำเพาะ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอมแอล 280 ซีดีไอ สปอร์ท เอนจี
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,781/1,911/1,774
ช่วงล้อหน้า/หลัง (มม.) 1,627/1,629
ฐานล้อ (มม.) 2,915
น้ำหนัก (กก.) 2,185
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 95
เครื่องยนต์
แบบ ดีเซล วี 6 สูบเรียง 24 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,987
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 190/4,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 45.0/1,400-2,800
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด ไดเรคท์อินเจคชัน คอมมอนเรล
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 7 (7G-TRONIC)
ขับเคลื่อน (ล้อ) 4 ตลอดเวลา
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ ปีกนกคู่
หลัง อิสระ โฟร์ลิงค์
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 6,299,000
อัตราเร่ง (วินาที)
0-60 กม./ชม. 4.5
0-80 กม./ชม. 7.1
0-100 กม./ชม. 10.6
0-120 กม./ชม. 15.2
0-140 กม./ชม. 21.6
0-400 ม. 17.4 วินาที ที่ความเร็ว 127.5 กม./ชม.
0-1,000 ม. 32.1 วินาที ที่ความเร็ว 163.0 กม./ชม.
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 6.0
80-120 กม./ชม. 7.7
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม 17.1/0.83
80-0 กม./ชม. 28.8/0.87
100-0 กม./ชม. 42.7/0.92
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง) N/A
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. 59
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. 61
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. 64
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. 66
ที่ความเร็ว 140 กม./ชม. 69
ความคลาดเคลื่อนของมาตรวัดความเร็ว (กม./ชม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. 57
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. 78
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. 98
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. 117
ที่ความเร็ว 140 กม./ชม. 137
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ความเร็วคงที่ (กม./ชม.) กม./ลิตร ลิตร/100 กม.
60 16.6 6.1
80 13.7 7.3
100 12.1 8.3
120 10.0 10.0
140 8.5 11.8
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง Nattawate@autoinfo.co.th
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28686