แทบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของค่าย โฟล์คสวาเกน (VOLKSWAGEN) ไปแล้ว กับการนำชื่อที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าชาวป่ามาตั้งชื่อรถที่เน้นหนักด้านความสมบุกสมบัน เช่น ตูอเรก (TOUAREG) หรือ ทีกวน (TIGUAN) ล่าสุดก็ได้นำชื่อลักษณะดังกล่าวมาตั้งให้แก่รถพิคอัพขนาด 1 ตันรุ่นแรกของค่าย ที่มีชื่อว่า อมารค (AMAROK)

แทบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของค่าย โฟล์คสวาเกน (VOLKSWAGEN) ไปแล้ว กับการนำชื่อที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าชาวป่ามาตั้งชื่อรถที่เน้นหนักด้านความสมบุกสมบัน เช่น ตูอเรก (TOUAREG) หรือ ทีกวน (TIGUAN) ล่าสุดก็ได้นำชื่อลักษณะดังกล่าวมาตั้งให้แก่รถพิคอัพขนาด 1 ตันรุ่นแรกของค่าย ที่มีชื่อว่า อมารค (AMAROK) อมารค เป็นภาษาของชาวอินุยท์ (INUIT) ชนเผ่าหนึ่งของเอสกิโม อาศัยอยู่ในแถบตอนเหนือของประเทศแคนาดา และกรีนแลนด์ ความหมายแปลว่า หมาป่า ซึ่งเป็นสัตว์ที่ชาวเผ่า ดังกล่าวเคารพนับถือ และจะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ คำๆ นี้ยังพ้องเสียงกับภาษาอเมริกาใต้ แปลความหมายได้อีกว่า บุรษผู้ปีนป่ายขุนเขา (HE LOVES STONES) รถรุ่นนี้เป็นหนึ่งในโครงการ VOLKSWAGEN COMMERCIAL VIHECLES ซึ่ง โฟล์คสวาเกน หมายมั่นปั้นมือให้เป็นโพรเจคท์เพิ่มยอดขายรวมทั่วโลก หลังจากเล็งเห็นว่าตลาดใหญ่ของวงการรถยนต์ คือ พิคอัพ โดย โฟล์คสวาเกน ถึงกับกล่าวอ้างว่า นี่คือ รถพิคอัพขนาด 1 ตันรุ่นแรกที่พัฒนาจากประเทศเยอรมนี เลยทีเดียว ภายนอก หน้าพิมพ์นิยม เน้นความบึกบึน เมื่อเริ่มทำตลาดพิคอัพรุ่นนี้จะมีตัวถังแบบ 4 ประตู ดับเบิลแคบ ให้เลือกเท่านั้น (ตัวถังแบบซิงเกิลแคบ จะทำตลาดในปี 2011) แบ่งการตกแต่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน เริ่มจากรุ่นพื้นฐาน กระจกข้าง และลอคของประตูเปิด/ปิดด้วยมือ กันชนหน้าจะเป็นสีดำ และใช้ล้อโลหะขนาด 16 นิ้วเป็นมาตรฐาน ถัดมาเป็นรุ่น อมารค ทเรนด์ไลน์ (AMAROK TRENDLINE) ทั้งกันชนหน้า มือจับประตูด้านนอก และกระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ใช้สีเดียวกับตัวรถ ติดตั้งไฟตัดหมอก และให้ล้อแมกขนาด 16 นิ้ว ส่วนรุ่นสูงสุด คือ อมารค ไฮไลน์ (AMAROK HIGHLINE) เพิ่มความหรูเข้าไปอีกด้วยการตกแต่งโครเมียมทั้งภายนอก และภายใน ติดตั้งสเกิร์ทข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมกับล้อแมกขนาดใหญ่สุดที่ 17 นิ้ว โฟล์คสวาเกน ยังไม่ได้ระบุมิติตัวถังที่ชัดเจน แต่ก็เผยความยาวทั้งหมดของรถคันนี้ที่ 5,250 มม. กระบะท้ายที่มีปริมาตรความจุ 2.52 ตรม. (จากความกว้าง 1,620 มม. ยาว 1,555 มม.) นอกจากนี้ยังอ้างอีกว่าด้วยความกว้างของโป่งล้อด้านในกระบะถึง 1,222 มม. ถือว่ามากที่สุดในบรรดาพิคอัพระดับเดียวกัน มีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่ 1.15 ตัน และยังติดตั้งหูลากเพิ่ม ให้สามารถรับแรงฉุดลากสูงสุด 2.8 ตัน ภายใน เรียบง่าย แต่คมเข้มลงตัว วัสดุที่ใช้ภายในเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงออกแบบเน้นความแข็งแกร่ง อุปกรณ์ต่างๆ ให้มาอย่างพอเพียงตามรุ่นย่อย เบาะที่รับผู้โดยสารได้ 5 คนสบายๆ รุ่นพื้นฐานเบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับความสูง เบาะหลังสามารถพับลงมาได้ และเสาอากาศที่เก็บซ่อนมิดชิดบริเวณกระจกมองหลัง ขยับมาที่รุ่น ทเรนด์ไลน์ จะได้วิทยุ/ซีดี จอแสดงผลตรงคอนโซลกลาง และระบบควบคุมความเร็ว (CRUISE CONTROL) และรุ่นไฮไลน์ จะตกแต่งภายใน รวมทั้งแผงควบคุมแบบทูโทน สลับด้วยขอบโครเมียม ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ กับเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ เครื่องยนต์ แรงพอตัว ประหยัด มลพิษต่ำ ขุมกำลังที่ใช้มี 2 รุ่นด้วยกัน แบบแรกเป็นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.0 ลิตร ทีดีไอ เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.8 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 1,500 รตน. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 12.8 กม./ลิตร ถัดมาเป็นเครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน 4 สูบ ทีดีไอ ติดตั้งเทอร์โบเดี่ยวแบบครีบแปรผัน กำลัง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.7 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 13.2 กม./ลิตร ทั้ง 2 เครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และยังมีมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนเกียร์ เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุด ระบบขับเคลื่อนมีทั้ง 3 แบบ คือ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ขับเคลื่อน 4 ล้อ พาร์ทไทม์ และขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง แบบพาร์ทไทม์นั้นจะปรับอัตราทดแบบ LOW เพื่อการลุยสมบุกสมบัน สามารถขับเคลื่อนผ่านอุปสรรคแม้กำลังบรรทุกน้ำหนักที่มาก และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา จะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า/หลังในอัตราส่วน 40:60 ให้การยึดเกาะถนนที่ดี จุดสังเกตความแตกต่างจากภายนอกสามารถดูได้จากตัวเลข “4” ของคำว่า 4MOTION ที่ด้านท้ายจะใช้เป็นสีดำสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ จะใช้สีแดง ระบบรองรับ ความปลอดภัยครบ อมารค ติดตั้งระบบความปลอดภัยมากมาย เริ่มจากเข็มขัดนิรภัยทั้ง 5 ที่นั่ง ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า ระบบเบรคเอบีเอส และเอเอสอาร์ เป็นมาตรฐานใน อมารค ทุกรุ่น เฟืองท้ายควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคส์ นอกจากนี้ยังมีระบบเฉพาะสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ คือ “OFF-ROAD ABS” ซึ่งช่วยลดระยะเบรค แม้ระบบเอบีเอสทำงาน บนพื้นผิวทางลูกรังที่ขรุขระ และหากทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทรงตัว อีเอสพี แล้วขับเคลื่อนด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HILL DESCENT CONTROL) จะทำงานโดยอัตโนมัติ และสามารถลอคความเร็วได้แม้จะขับเคลื่อนด้วยความเร็วต่ำขนาดนี้ก็ตาม สุดท้าย คือ ระบบหยุดรถไม่ให้ไถลลงทางลาดชันขณะออกตัว (HILL HOLD ASSIST) โฟล์คสวาเกน อมารค จะเริ่มทำตลาดในภูมิภาคอเมริกาใต้ ก่อนตั้งแต่ต้นปี 2010 โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา จากนั้นจึงจะมีแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศแถบยุโรป แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย ในลำดับถัดมา ส่วนภูมิภาคอเมริกาเหนือ ยังไม่มีแผนการทำตลาดแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นตลาดพิคอัพที่โหดหินไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ตาม โฟล์คสวาเกน ได้เสริมภาพลักษณ์ของ อมารค เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องความคงทน ทรหดทันควัน โดยถูกส่งไปเป็นรถสนับสนุนในรายการแรลลีสุดโหดของโลก ดาการ์ แรลลี (DAKAR RALLY) เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ข้อมูลจำเพาะ VOLKSWAGEN AMAROK ผู้จัดจำหน่าย www.volkswagen.com เครื่องยนต์ แบบ ดีเซล คอมมอนเรล ทีดีไอ เทอร์โบคู่ ความจุ (ซีซี) 2,000 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 163 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 40.8/1,500 ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) ธรรมดา 6 ขับเคลื่อน (ล้อ) 4 ตลอดเวลา