ทั่วไป
ปีฉลูกำลังจะสิ้นไปในเดือนเมษายน ถัดจากนั้นก็จะเป็นปีขาล ฤทธานุภาพของวัวดื้อ ก็จะสลายไปโดยมีเสือเข้ามาแทนที่ แต่จะเป็นเสือดุหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่โหราศาสตร์จะว่ากันไป
ปีฉลูกำลังจะสิ้นไปในเดือนเมษายน ถัดจากนั้นก็จะเป็นปีขาล ฤทธานุภาพของวัวดื้อ ก็จะสลายไปโดยมีเสือเข้ามาแทนที่ แต่จะเป็นเสือดุหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่โหราศาสตร์จะว่ากันไป
ในรอบปีวัวดื้อที่ผ่านมา ข้าพเจ้าสังเกตวิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนแปลงไม่น้อย และค่อนข้างจะหนักไปทางวัวดุร้ายมากกว่าวัวดื้อรั้น
ตั้งแต่เด็กเยาวชนไปจนถึงผู้ใหญ่ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็น่าจะเกิดขึ้นเพราะมีคำว่า เงิน เข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นจำนวนมหาศาล เป็นเหตุการณ์รุนแรง และความวุ่นวายซึ่งบางกรณีก็เหลือเชื่อว่า ได้เกิดขึ้นแล้วบนประเทศไทย
ในช่วงปีใหม่ไทย ระหว่างกลางเดือนเมษายน คนไทยก็ต้องเสียเลือดเนื้อเพราะทะเลาะกันเอง ความแตกแยกของคนในชาติ กลายเป็นวัวดื้อมากที่สุด
รัฐบาลใหม่เริ่มเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินตามวิถีทางประชาธิปไตย ในปลายปี 2551 และกลับจากรัฐบาลพรรคเดียวมาเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งด้วยความเป็นรัฐบาลผสมนี้แหละ มีส่วนทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ดิจิทอลเท่าที่ควร
การชุมนุมเรียกร้องของคนไทยในประเทศ เกิดขึ้นแทบจะทุกเดือน ซ้ำยังลุกลามไปถึงพระสงฆ์จากวัดโสธรวรารามวรวิหาร ที่ไปชุมนุมกันที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ระหว่างเถรสมาคมมีการประชุมตัดสินชี้ขาดตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโสธร ฯ
ชาวบ้านรู้จักวัดโสธร ฯ กันมาก คนไทยจากหลายจังหวัดเดินทางไปถึงวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทราอย่างล้นหลามในวันหยุดราชการ และวันนักขัตฤกษ์
แม้จะเป็นวันธรรมดา ก็ยังมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลไปที่วัดนี้
ส่วนมากก็ไปบนบานศาลกล่าว และไปแก้บน รองลงมาก็ไปกราบไหว้หลวงพ่อโสธรซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยยอมรับนับถือ
วัดโสธร ฯ จึงเป็นแหล่งที่เก็บเงินจากชาวบ้านได้มากในแต่ละวัน ซึ่งก็เป็นผลให้วัดมีเงินฝากเป็นจำนวนมหาศาล และทำให้การเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสกลายเป็นเรื่องสำคัญถึงระดับต้องจัดการชุมนุมพระสงฆ์ กดดันเถรสมาคมพิจารณาเรื่องดังกล่าว
เดือนนี้เป็นเดือนมกราคม เป็นเดือนแรกตามหลักสากล คนไทยเราก็จะเข้าวัดชำระบาป และตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ชีวิตปีใหม่จงมีแต่ความสุขความเจริญ
วัดโสธร ฯ ที่แปดริ้วก็จะเนืองแน่นอีกครั้ง
กรุงเทพ ฯ มีวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่สำคัญ สามารถเรียกคนไทย และคนต่างประเทศเข้าไปในวัดได้เป็นจำนวนมาก
นั่นก็เป็นเพราะวัดนี้เป็นวัดคู่เมืองมาแต่ครั้งสร้างกรุงเทพ ฯ ภายในวัดก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยทั้งประเทศให้การเคารพนับถือ คือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ประดิษฐานอยู่เป็นเวลานานกว่า 200 ปี
เรื่องของพระแก้วมรกตนั้น คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจเพียงว่าประเทศไทยได้อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทน์ ในประเทศลาว ตั้งแต่สมัยปลายแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยพระยาจักรี ซึ่งต่อไป ก็คือ รัชกาลที่ 1 กรุงรัตนโกสินทร์ ยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ ครั้นตีได้แล้วก็อัญเชิญพระแก้วมรกตลงมายังประเทศไทย
รายละเอียดในเรื่องนี้ ต้องไปหาอ่านเองจากหนังสือประเภทศิลปวัฒนธรรมของค่ายมติชนครับ
นอกจากผู้เข้าไปภายในวัดพระแก้ว หรือเขตวัดพระศรีรัตนศาสดารามจะได้ชื่นชม กราบไหว้พระแก้วมรกตแล้ว ยังเป็นวัดที่แวดล้อมด้วยสิ่งต่างๆ ล้วนน่าเที่ยว และน่าศึกษา อาทิ ภาพเขียนบนผนังพระอุโบสถ รจนาเป็นเรื่องราวของ รามเกียรติ์ อย่างสนุกสนาน และเพลิดเพลิน
ความยาวของระเบียงพระอุโบสถและความต่อเนื่องของภาพเขียน ผมเข้าใจว่าดูวันหนึ่งก็หมดเวลาแล้ว
วัดพระแก้ว ฯ คือ วัดที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ทรงสร้างขึ้น ในคราวสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ย้ายเมืองหลวงราชธานีของสยามประเทศจากฝั่งกรุงธนบุรี ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาอยู่ฝั่งกรุงเทพ ฯ
หลังการสถาปนากรุงในปีพุทธศักราช 2325 แล้ว ก็โปรดให้สร้างพระอารามขึ้นในวัง พระราชทานนามว่า วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ในพระนครศรีอยุธยา
วัดพระแก้วมรกต จึงเป็นวัดที่อยู่กับบริเวณพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในเชิงสถาปัตยกรรมแล้วนั้นต้องถือว่า สุดยอดแห่งคุณค่าทางสถาปัตยกรรมของประเทศ
เป็นความอัศจรรย์อย่างเหลือล้น เมื่อสยามประเทศมีพระบรมมหาราชวังและหมู่มหาราชมณเฑียรที่งดงามสุดยอด ไม่ว่าจะมองจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจากมุมเบื้องบนสูง ไม่น่าเชื่อว่าสยามประเทศของเราจะเข้าถึงตั้งแต่เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว
ต้องไม่ลืมว่า วิถีชีวิตคนไทยเราแต่ไรมา ก็คือ เกษตรกรรม อันได้แก่ การเพาะปลูกในนา และการหาปลาในน้ำ
รัชกาลที่ 1 เป็นรัชสมัยของสงคราม มีการทำสงครามใหญ่กับพม่าถึง 4 ครั้ง สิ่งจำเป็นเบื้องแรกที่จะเป็นขวัญและกำลังใจของพลเมือง ก็คือ เสาหลักเมือง ซึ่งก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนไทยและคนต่างประเทศไปกราบไหว้กันไม่น้อยจนถึงทุกวันนี้พระที่นั่งแรกสุดน่าจะเป็น พระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาท อันมีต้นแบบมาจากพระที่นั่งสรรเพชรปราสาท ครั้นเกิดฝนตกฟ้าผ่าและเพลิงไหม้ในปีพุทธศักราช 2332 แล้ว จึงได้สร้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นแทน โดยมีพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ของกรุงเก่าเป็นต้นแบบ
แม้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเอง ก็มีพระวิหารที่มีต้นแบบมาจากวิหารพระมงคลบพิตร (หลังเดิม) เมืองอยุธยา
กรุงรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยรัชกาลที่ 1 ยังประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างอันสำคัญอีกหลายสถานที่ เช่น เสาชิงช้าและโบสถ์พราหมณ์ พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) หอพระมณเฑียรธรรม มณฑปพระพุทธบาทที่สระบุรี เป็นต้น
นี่ก็คือ มรดกอันล้ำค่าสูงสุดของราชอาณาจักรไทย และของสิ่งนี้จะขาดการกล่าวถึงสายน้ำหลักของแผ่นดิน คือ แม่น้ำเจ้าพระยา เสียมิได้
คนไทยเรามีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก อยู่ด้วยกันมาตลอดเวลา 200 กว่าปี ของสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทยหลายต่อหลายคนเป็นลูกแม่น้ำเจ้าพระยา มีความเป็นอยู่กับเจ้าพระยามาแต่โบราณกาล
สมัยเมื่อข้าพเจ้าเป็นเด็ก เคยนั่งเรือกลไฟของญาติจากคุ้งสำเภา เขตมโนรมย์ จังหวัดชัยนาทล่องมาจนถึงท่าเตียน ตรงข้ามวัดอรุณ ฯ
และข้าพเจ้าก็มีชีวิตกับเจ้าพระยามามาก เคยว่ายน้ำเล่นเมื่อยังเล็กๆ เคยไปเกาะเรือโยงเพื่อปีนขึ้นกราบเรือแล้วกระโดดลงน้ำ เคยว่ายออกไปที่กอผักตบชวาหาลูกสะบ้ามาขว้างเล่นเป็นเรื่องสนุกสนาน
คนไทยเราสมัยนั้น ก็ใช้สายน้ำเป็นเส้นทางการคมนาคม กรุงรัตนโกสินทร์ก็มีการขุดคลองหลายคลองต่อเชื่อมถึงกันและกัน ตลอดไปถึงคลองฝั่งกรุงธนบุรี สามารถไปเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายอื่น แม้การค้าของคนไทยเราแต่โบราณก็เริ่มมาจากแม่น้ำ ตั้งแต่เรือบรรทุกจนถึงเรือพายขายขนมหวานและโอเลี้ยง
แม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มมาจากการมาบรรจบกันของ 4 แคว คือ ปิง วัง ยม น่าน ที่นครสวรรค์ หรือเมืองปากน้ำโพ แล้วไหลลงมาผ่านกรุงเทพ ฯ ออกไปลงทะเลที่จังหวัดสมุทรปราการ
ทั้งทางด้านซ้ายมือและขวามือของแม่น้ำเจ้าพระยา มีแม่น้ำสาขาทั้ง 2 ฝั่ง เท่าที่ผมคุ้นเคยอยู่ก็มีแม่น้ำลพบุรี ทางฝั่งซ้าย ในขณะทางฝั่งขวามือ ก็เป็นแม่น้ำท่าจีน ซึ่งแยกตัวจากเจ้าพระยาในช่วงจังหวัดชัยนาท
นี่ก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เก็บมาคุยกับท่านผู้อ่าน เป็นการพักผ่อนต้อนรับปีเสือดุครับ...ซึ่งน่าจะยังเป็นโชคของคนไทยเราที่มีปีเสือดุ เพราะถ้ามีปียุงดุเข้ามาอีกละก็ เห็นทีจะยุ่ง เพราะคนไทยแต่โบราณบอกผมว่า ยุงร้ายกว่าเสือ
เรื่องโดย : บรรเจิด ทวี formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28345