พิเศษ
รอบปี 2552 วงการรถยนต์โลก ประสบวิกฤตกันทั่วหน้า รวมถึงในประเทศไทย "ฟอร์มูลา" รวบรวมข่าวเด่นในธุรกิจยานยนต์ไทย ระหว่างปีแห่งความยากลำบากที่เพิ่งผ่านพ้นไป
รอบปี 2552 วงการรถยนต์โลก ประสบวิกฤตกันทั่วหน้า รวมถึงในประเทศไทย "ฟอร์มูลา" รวบรวมข่าวเด่นในธุรกิจยานยนต์ไทย ระหว่างปีแห่งความยากลำบากที่เพิ่งผ่านพ้นไป
1. จีเอม ประกาศปรับแผนการตลาดทั่วโลก
วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมาก ทำให้บริษัท ยักษ์ใหญ่อย่าง จีเอม ประสบภาวะล้มละลาย ก่อนบรรลุข้อตกลงกับ กระทรวงการคลังสหรัฐ ฯ ผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของ จีเอม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และมีแผนกำไรในระยะยาว สำหรับ 4 บแรนด์หลักของ จีเอม ทั้ง เชฟโรเลต์ แคดิลแลค บิวอิค และ จีเอมซี ภายใต้ข้อตกลง "จีเอม ใหม่" ผู้ถือหุ้นหลัก คือ กระทรวงการคลังสหรัฐ ฯ สหภาพแรงงานยานยนต์ และรัฐบาลแคนาดา แต่สำหรับ จีเอม ประเทศไทย ฯ และอาเซียน จะไม่มีผลกระทบใดๆ
จีเอม ประเทศไทย ฯ มีเป้าหมายเติบโตระยะยาวในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน โดยแผนการลงทุนโรงงานในประเทศไทย โครงการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล และรถพิคอัพรุ่นใหม่ ยังคงเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้ล่วงหน้า ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล 5,000 ล้านบาท ที่เหลืออีก 10,000 ล้านบาท เป็นโครงการผลิตพิคอัพ และรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต
ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำ คือ การปรับลดต้นทุน ดูแลการผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด และควบคุมสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ
2. ราคาน้ำมันผันผวน
ที่ผ่านมาภาวะราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้น อันมีผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนมาก ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นไปถึงบาร์เรลละประมาณกว่า 78 เหรียญสหรัฐ ฯ รวมถึงสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2552 เป็น 84.8 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 84.4 ล้านบาร์เรล/วัน โดยตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดนี้ น้อยกว่าดีมานด์น้ำมันปีที่แล้วอยู่ 1.7% หรือ 1.5 ล้านบาร์เรล
ฉะนั้น โอกาสที่น้ำมันในประเทศไทยจะราคาลดลงมากกว่านี้ คงไม่มีแล้ว โดยราคาขายปลีกล่าสุด (วันที่ 17 พย. 2552) น้ำมันเบนซิน ออคเทน 95 ราคาสูงถึง 41.54 บาท/ลิตร ส่วนแกสโซฮอล 95 ราคา 31.74 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลหมุนเร็ว 28.19 บาท/ลิตร และ บี 5 ราคา 26.79 บาท/ลิตร
3. รัฐบาลหนุน อี 85
รัฐบาลมีมติส่งเสริมการใช้พลังงานแกสโซฮอล อี 85 ในเมืองไทย โดยเสนอเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งหวังที่จะใช้เป็นเครื่องมือบริหารปริมาณเอธานอลที่จะเพิ่มขึ้นใน 1-2 ปีข้างหน้า เกือบ 2 ล้านลิตร/วัน
การหนุนในครั้งนี้ลดอากรนำเข้ารถยนต์ FFV จาก 80 % เป็น 60 % สำหรับขนาดไม่เกิน 2,000 ซีซี และไม่เกิน 2,500 ซีซี จำนวนไม่เกิน 2,000 คัน ที่จะนำเข้าไทยภายใน 31 ธค. 2552 ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันชดเชยภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV อัตรา 3 % ให้กับรถยนต์ FFV ขนาดไม่เกิน 2,000 ซีซี และไม่เกิน 2,500 ซีซี ที่จะนำเข้าไม่เกิน 2,000 คัน ภายใน 31 ธค. 2553 ชดเชยภาษีสรรพสามิตรถยนต์ FFV อัตรา 3 % ให้กับรถยนต์ FFV ที่ผลิต และจำหน่ายในประเทศภายใน 31 ธค. 2553 หลังจากวันที่ 31 ธค. 2553 เป็นต้นไป กระทรวงการคลังพิจารณาโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ FFV ให้สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีรถยนต์ประเภทอื่นทั้งระบบต่อไป โดยปัจจุบันมีรถ โวลโว และ มิตซูบิชิ ที่สามารถใช้น้ำมันแกสโซฮอล อี 85 ได้ในบางรุ่น
4.โตโยตา แคมรี ไฮบริด ได้อานิสงส์ภาษี
โตโยตา ประกาศราคา แคมรี ไฮบริด ด้วยราคาที่ฮือฮา และส่งผลให้ยอดจองถล่มทลาย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับราคาจำหน่ายของรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาปรับขึ้นเพียง 7,000-10,000 บาทเท่านั้น
แคมรี ไฮบริด ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลถึง 3 ส่วน คือ ภาษีสรรพสามิตที่ลดพิเศษเหลือเหลือ 10 % ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวกันเสีย 30 % ข้อตกลงเขตการค้าเสรีทวิภาคีไทย-ญี่ปุ่น (เจเทปา) ซึ่งจะทยอยปรับลดในแต่ละปี จนเหลือ 0 % และชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงานและปลอดมลพิษ ที่กำลังรออนุมัติจากภาครัฐ ฯ จากเดิม 20-30 % เหลือ 0 % โดยไทย เป็นประเทศที่ 2 รองจากสหรัฐอเมริกาที่ได้ผลิตและจำหน่าย แคมรี ไฮบริด อย่างเป็นทางการ
5. นิสสัน เดินหน้าผลิต อีโคคาร์
นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดพแลทฟอร์มใหม่ สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กในอนาคต รวมทั้งโครงการอีโคคาร์ ในประเทศไทย โดยจะพัฒนารถยนต์ 3 รุ่น บนพแลทฟอร์มดังกล่าว เพื่อส่งไปจำหน่ายทั่วโลกกว่า 160 ประเทศ
รถยนต์ขนาดเล็กของ นิสสัน จะใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ และอาจยืดหยุ่นไปตามความต้องการของแต่ละตลาด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซล มาตรฐานไอเสียยูโร ระดับ 3-6 โดยสามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้ในหลายโมเดล และจะต้องใช้ชิ้นส่วนในประเทศซึ่งเป็นฐานการผลิตมากกว่า 80 % เพื่อลดต้นทุน และทำให้แข่งขันได้
นิสสัน จะผลิตรถยนต์ในโครงการดังกล่าวที่โรงงาน 5 แห่งทั่วโลก จำหน่ายภายใต้บแรนด์ นิสสัน เท่านั้น โดยตั้งเป้าหมายยอดจำหน่าย 1 ล้านคันในปี 2556 ซึ่งหลังจากเปิดตัวในประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2553 แล้ว ก็จะเปิดตัวรุ่นถัดไปที่อินเดียในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จากนั้นก็จะผลิตที่โรงงานในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา และอีกประเทศอยู่ระหว่างการพิจารณา
6. มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ เปิดตัวหลังขายรุ่นเก่า 10 ปี
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ที่พัฒนาตามแนวคิด "SENSATIONAL INTELLIGENCE" เครื่องยนต์ FLEXIBLE FUEL VEHICLE หรือ FFV ขนาด 1.8 ลิตร จำนวน 3 รุ่น คือ GLS-LTD, GLS และ GLX รองรับการใช้น้ำมันได้หลากหลาย ตั้งแต่เบนซินธรรมดา ไปจนถึงแกสโซฮอล อี 85
การแนะนำ แลนเซอร์ อีเอกซ์ใหม่ ครั้งนี้ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ของ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ที่ต้องรอรุ่นใหม่นานถึง 10 ปี ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ มิตซูบิชิ ตั้งเป้าการขายไว้ที่ 4,000 คัน ภายใน 6 เดือน
7. ตลาดรถเก๋งมาแรง เปิดตัวคับคั่ง
หลังจากที่ตลาดรถพิคอัพ และตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะ 4 เดือนแรก ตลาดรถยนต์โดยรวมหดตัวกว่าร้อยละ 30 แต่รถพิคอัพดิ่งถึงร้อยละ 40 ขณะที่รถเก๋งกลับลดลงแค่ร้อยละ 13 ทำให้ตลาดรถเก๋งคึกคัก โดยเฉพาะรถขนาดเล็กที่เริ่มมองเห็นความสดใสในตลาด ดังจะเห็นได้จากหลายค่ายขนรถมาประชันกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น มาซดา 2 เฟียต 500 ฟอร์ด ฟิเอสตา ฮอนดา ฟรีด เกีย ปิกันโต มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ เปอโฌต์ บิพเพอร์ และ ซูซูกิ สวิฟท์ นั่นยิ่งทำให้ตลาดรถเก๋งเดือด และสนุกมากยิ่งขึ้น
8. ออโต้อัลลายแอนซ์ ฯ เปิดโรงงานแห่งที่ 2
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี และ มาซดา คอร์พอเรชัน จัดงานฉลองเปิดโรงงานผลิตรถยนต์นั่ง ฟอร์ด และ มาซดา ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอเอที จ. ระยอง โดยการเปิดโรงงานแห่งใหม่นี้ เป็นผลจากการขยายการลงทุนในศูนย์การผลิตรถยนต์ระดับโลกของทั้ง 2 บริษัท ที่ประกาศลงทุนเมื่อปี 2550 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ หรือกว่า 17,000 ล้านบาท
โรงงานรถยนต์นั่งแห่งใหม่นี้ จะผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มาซดา 2 และ ฟอร์ด ฟิเอสตา ที่จะจำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ โดยปัจจุบัน เอเอที ผลิตรถพิคอัพ ฟอร์ด และ มาซดา เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ซึ่งโรงงานแห่งใหม่จะทำให้ เอเอที เพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 100,000 คัน รวมเป็น 275,000 คัน/ปี
โรงงานแห่งนี้ ติดตั้งระบบการผลิตรถยนต์นั่งที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยใช้เทคโนโลยีที่มีระบบและกระบวนการผลิตรถยนต์อัตโนมัติ รวมถึงมีสายการผลิตขึ้นรูปตัวถัง การประกอบรถยนต์ขั้นสุดท้าย มีการเพิ่มพื้นที่คลังอะไหล่ เพื่อรองรับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น พร้อมโรงพ่นสีที่สามารถรองรับการพ่นสีทั้งรถพิคอัพ และรถยนต์นั่ง ด้วยเทคโนโลยีการพ่นสีแบบซ้อนทับ 3 ชั้น และอบสีเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีคุณภาพระดับโลก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับโรงงานแห่งใหม่นี้ จะผลิต มาซดา 2 ร้อยละ 60 ของกำลังการผลิตทั้งหมด และจะเพิ่มปริมาณการผลิตในเดือนมิถุนายน 2553
9. สิงห์-กระทิงแดง ผนึกกำลังฟื้น แฟร์รารี
บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย แฟร์รารี แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าว เปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก FERRARI APA
บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่าง เฉลิม อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม ไวน์เนอรี่ จำกัด และ ประธานกรรมการ บริษัท เรดบูล ฯ ร้อยละ 51 และ วุฒา ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด และ รองประธานกรรมการ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ร้อยละ 49 ด้วยเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท
โชว์รูมและศูนย์บริการแห่งแรกตั้งอยู่ที่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พร้อมเปิดบริการให้ลูกค้านำรถ แฟร์รารี ทุกรุ่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เข้าตรวจเชคสภาพ และซ่อมบำรุงจากช่างผู้ชำนาญการได้แล้ว และพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในต้นปี 2553
สำหรับรถรุ่นแรกที่บริษัท ฯ นำเข้ามาจำหน่าย คือ แฟร์รารี แคลิฟอร์เนีย และจะตามมาด้วย แฟร์รารี รุ่นพิเศษ สกูเดรีอา สไปเดอร์ 16 เอม ที่ผลิตเพียง 499 คัน และ เอฟ 430 เป็นต้น
10. ตระกูลลีนุตพงษ์ แบ่ง CAK รอบสอง
หลังจากที่ตระกูล "ลีนุตพงษ์" ได้แบ่งสมบัติ พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารของกลุ่มยนตรกิจใหม่ ลงตัวไปแล้วเมื่อ ปี 2551 ล่าสุดก็ได้มีการปรับโครงสร้างรอบที่สอง โดย สรวิศ และวิเชียร ลีนุตพงษ์ ที่ร่วมกันดูแลบริหารงาน ยนตรกิจ คอร์พอเรชั่น ฯ ได้แยกออกจากกัน สรุปแล้วรถที่มีจำหน่ายอยู่ 9 บแรนด์ แบ่งการดูแลออกเป็นดังนี้
สรวิศ ลีนุตพงษ์ ดูแล เอาดี เกีย และ มิตซูโอกะ ส่วน วิเชียร ลีนุตพงษ์ สโกดา กีลี ซีตรอง โพลาร์ซัน และเซอัต และนาซา นั้นไปตกอยู่กับ พลกฤษณ์ ที่ดูแล เปอโฌต์
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ nussara@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28342