เทคนิค
อนุสาวรีย์เคลื่อนที่ สำหรับความจงรักภักดี
ผมเชื่อว่าเป็นครั้งแรกในโลก (แต่ไม่ยืนยันแน่นอนนะครับ เพราะไม่มีเวลาค้นคว้า) นับตั้งแต่มีการผลิตรถยนต์มาได้ 100 ปีเศษ ที่ผู้ผลิตรถเลือกผลิตรุ่นพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นเกียรติแก่นักทดสอบรถ และตั้งชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการตามชื่อของเจ้าตัวด้วย เพราะฉะนั้นชื่อรุ่นของรถนี้ที่หัวเรื่องของผม ต้องต่อด้วย วาเลนตีโน บัลโบนี (VALENTINO BALBONI) ด้วยครับจึงจะครบถ้วน
ในหมู่ลูกค้าที่คลั่งไคล้รถตรานี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก วาเลนตีโน บัลโบนี หัวหน้าทีมทดสอบรถ โดยเฉพาะพวกที่นิยมรับรถใหม่ด้วยตนเองที่โรงงาน เชื่อกันว่านับตั้งแต่รถคันแรกจนถึงปัจจุบัน เกินร้อยละ 80 ต้องผ่านมือ บัลโบนี มาแล้ว วาเลนตีโน บัลโบนี คงยังเป็นหัวหน้าฝ่ายทดสอบรถของโรงงานนี้อยู่ ถ้าไม่ถูกเลิกจ้างตามกฎหมายของอิตาลี เพราะอายุครบ 60 ปี ในปีนี้
บัลโบนี ขี่จักรยานผ่านโรงงานลัมโบร์กินี ณ SANT' AGATA เป็นประจำสมัยเป็นเด็กนักเรียน และฝันเสมอที่จะได้ทำงานในโรงงานนี้ แล้วในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ก็ได้โอกาสเข้าไปฝึกงานสมความตั้งใจ งานจริงของ บัลโบนี เริ่มต้นในเดือน เมย. 1968 ตั้งแต่เรียนจบหมาดๆ ด้วยอายุเพียง 19 ปี ในตำแหน่งช่างประกอบรถยนต์ รถทุกรุ่นของ ลัมโบร์กินี เป็นรถที่ถูกผลิตคันต่อคันแบบ "แฮนด์เมด" งานของ บัลโบนี จึงไม่ใช่แค่ประกอบชิ้นส่วนเท่านั้น บางโอกาสก็มีส่วนร่วมในการลองขับรถที่ประกอบเสร็จแล้วด้วย บัลโบนี สร้างความรำคาญให้ทั้งผู้ร่วมงานประกอบรถ และวิศวกรพอสมควร เพราะมักจะลองแล้วไม่ค่อยยอมเลิก ออกรถล้อฟรีเสียงเครื่องดังสนั่น แต่ แฟร์รุชโช ลัมโบร์กินี (FERRUCCIO LAMBORGHINI) เจ้าของโรงงานเห็นแววรักรถจริงจังในตัว บัลโบนี เลยแต่งตั้งให้เป็นนักทดสอบรถ เรียกว่า "ถูกหวย" เพราะความชอบและความตั้งใจจริงล้วนๆ ไม่ใช่เพราะฝีมือ เพราะ บัลโบนี ไม่ได้มีพื้นฐานของนักขับรถแข่งมาก่อน แต่ก็ต้องถือว่าเป็นโชคสองชั้น เพราะ บอบ วัลเลศ (BOB WALLACE) หัวหน้านักทดสอบรถของ ลัมโบร์กินี ขณะนั้น เป็นนักแข่งรถสัญชาตินิวซีแลนด์ ฝีมือเยี่ยม พื้นฐานแน่น จึงให้ความรู้ด้านการควบคุมรถความเร็วสูงแก่ บัลโบนี ได้คบถ้วน วัลเลศ เป็นคนถ่อมตัว พูดน้อย แต่ฝีมือเยี่ยม จึงเป็นครูที่ บัลโบนี เชื่อฟังและยกย่องอย่างมาก
บัลโบนี เล่าว่า เคย "ซิ่ง" รถไปกับ วัลเลศ ไกลถึง 1,000 กม. ในอิตาลี บัลโบนี นับประโยคที่ วัลเลศ พูดด้วยได้ แค่ 5 ประโยคเท่านั้น ในจำนวนนี้ 4 ประโยค เป็นการตำหนิวิธีขับของ บัลโบนี ที่ต้องปรับปรุง ผมไม่แน่ใจว่า วัลเลศ ยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้หรือไม่ เพราะอายุมากพอสมควร เท่าที่ทราบ วัลเลศ เปิดอู่สำหรับรถอิตาลีโดยเฉพาะ ลัมโบร์กินี อยู่ในรัฐอริโซนา เป็นหนึ่ง ในนักแข่งและนักขับรถฝีมือชั้นยอดอีกรายหนึ่ง ที่มีคนรู้จักและมีชื่อเสียงน้อยกว่าที่ควรครับ
ลัมโบร์กินี มิอูรา (LAMBORGHINI MIURA) ยอดรถสปอร์ทของโลกในยุคนั้น ที่ดูเหมือนจะมีคู่แข่งระดับเดียวกันอยู่รายเดียว คือ แฟร์รารี 365 จีที บี/4 (FERRARI 365 GT B/4) ล้วนผ่านมือ วัลเลศ และ บัลโบนี ศิษย์เอกมาทุกคัน เพราะในยุคนั้น ลัมโบร์กินี มีนักทดสอบรถอยู่เพียง 2 คนนี้เท่านั้น รายงานการทดสอบที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ จะถูกส่งให้วิศวกร ระดับตำนานในยุคนั้น อย่าง สตันตานี (STANTANI) เบวีนี (BEVINI) และ เปดัสตรี (PEDASTRI) ถ้าเกี่ยวกับช่วงล่างก็ส่งให้ปรมาจารย์อย่าง ดัลลารา (DALLARA)
ความเชื่อมั่นในฝีมือการทดสอบและตรวจสอบรถ ที่ลูกค้าประจำมอบให้แก่ บัลโบนี นั้น บางครั้งสูงถึงขั้นที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เคยมีเศรษฐีในสหรัฐอเมริกา ส่งรถกลับมาที่โรงงาน โดยไม่ได้มีความเสียหายหรือบกพร่อง เพียงแค่ต้องการให้ บัลโบนี ลองขับให้นานพอ แล้วยืนยันว่ารถนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เท่านั้น และถ้าไม่มีกฎหมายจำกัดอายุของพนักงานไว้ไม่ให้เกิน 60 ปี บัลโบนี คงยังทำหน้าที่นี้ต่อไปอีกนานครับ
ถ้ามีใครตั้งคำถามแก่เรา ว่าจะให้เกียรติสูงสุดแก่นักขับรถทดสอบที่เป็นพนักงานของโรงงานรถยนต์แห่งเดียวมาถึง 40 ปี และทำงานด้วยความตั้งใจ จงรักภักดีต่อนายจ้างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสมที่สุด
ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครหาวิธีอื่นใดที่ดีกว่าสิ่งที่ ลัมโบร์กินี มอบให้แก่ วาเลนตีโน บัลโบนี ในโอกาสเกษียณอายุนี้ นั่นคือ การผลิตรถรุ่นพิเศษ พร้อมกับตั้งชื่อให้เพื่อเป็นเกียรติด้วย ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการของรถรุ่นนี้ คือ "LAMBORGHINI GALLARDO LP 550-2 VALENTINO BALBONI" ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 250 คัน ในรูปแบบที่ บัลโบนี ชอบหรือเชื่อว่าดี โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2008 แต่ยังไม่มีการให้ บัลโบนี รู้ตัว วิศวกรระบบขับเคลื่อน ช่วงล่าง ตัวถัง ผลัดกันหลอกถาม บัลโบนี ว่ารถที่ถูกใจจริง ควรจะเป็นแบบใด หลังจากฝืนใจตอบคำถามพร้อมกับความงุนงงอยู่นานพอสมควร บัลโบนี ก็หมดความอดทน จนถึงขั้นตามไปถึงโต๊ะทำงานว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนพร้อมใจกันบ่ายเบี่ยงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จนกระทั่งใกล้วาระที่ บัลโบนี จะมีอายุครบ 60 ปี และจะต้องถูกปลดเกษียณไปตามกฎหมายของอิตาลี จึงได้ยอมเผยความจริง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นักทดสอบรถที่ทำงานนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกของ ลัมโบร์กินี จะเลือกระบบขับเคลื่อนแบบใด เพราะระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้ความท้าทายและขับสนุกกว่า ถ้ารู้จักใช้คันเร่งควบคุมพฤติกรรมรถ ส่วนเกียร์ก็อยู่ในแนวเดียวกัน บัลโบนี เลือกเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ความเร็วแม้จะรู้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่วันนี้ ชอบเกียร์อัตโนมัติแบบมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้วยระบบไฟฟ้า (E-GEAR) ที่พวงมาลัยมากกว่าก็ตาม
ผมไม่แน่ใจครับว่า โรงงานจะให้ลูกค้าเลือกสั่งพิเศษได้หรือไม่ บัลโบนี บอกว่า จงเป็นชายแท้ ด้วยการขับเกียร์ธรรมดาแบบดั้งเดิม มันกว่าเยอะเลย สำหรับจานเบรค บัลโบนี เลือกแบบทำจากเหล็กแทนที่จะเป็นเซรามิค ในรุ่นปกติ แต่ก็ยอมให้ลูกค้าเลือกได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น สำหรับรถระดับนี้ เครื่องยนต์ถูกลดกำลังลงจากรุ่น เอลพี 560-4 ราว 10 แรงม้า เหลือ 542 แรงม้า เพื่อให้แรงบิดเหมาะกับการขับเคลื่อนล้อหลัง ยางหลังซึ่งควรจะเพิ่มขนาดให้กว้างขึ้น เพื่อรับมือกับแรงขับเคลื่อน แต่ติดที่เนื้อที่และความสวยงาม จึงทำได้แค่เปลี่ยนรูปแบบของดอกยาง พร้อมกับเพิ่มความแข็งของเนื้อยาง เพื่อไม่ให้สึกเร็วเกินไป
ความยุติธรรมสมบูรณ์แบบ อาจจะไม่มีในโลกนี้ หรือไม่ก็หายากมาก คนที่ขยันทุ่มเทให้แก่งานของนายจ้างสม่ำเสมอ ยาวนานเหมือน บัลโบนี คงมีอีกไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ถูกยกย่องเช่นนี้ บัลโบนี มีอีก 2 สิ่งมาเสริมครับ คือ มีนายจ้างที่เห็นคุณค่าของความทุ่มเท ความจงรักภักดี กับอีกอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นตัวตัดสิน นั่นคือ บัลโบนี โชคดีที่ได้งานที่เป็นที่รู้จักของลูกค้า ทำหน้าที่นักประชาสัมพันธ์ของบริษัทไปในตัว แม้จะไม่ได้เจตนาหรือต้องการก็ตาม
ถึงอย่างไรรางวัลนี้ก็เหมาะสมกับ บัลโบนี ที่สุดแล้วครับ เอลพี 550-2 วาเลนตีโน บัลโบนี จะเป็นอนุสาวรีย์เคลื่อนที่ เผยแพร่เกียรติคุณของ บัลโบนี ไปทั่วโลก แม้จะไม่ใช่รถระดับสุดยอดอย่าง แมคลาเรน เอฟ วัน (McLAREN F1) แต่ เอลพี 550-2 วาเลนตีโน บัลโบนี (LP 550-2 VALENTINO BALBONI) หลายสิบคัน จากจำนวนทั้งหมด จะยังคงปรากฏตัวตามงานประมูลระดับโลกทั้งหลายในอนาคต แม้เจ้าตัวจะลาจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี jessada@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2552
คอลัมน์ Online : เทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28199