ทั่วไป
ถึงวันนี้ยังมีคนถามว่า กวีฤๅแล้งแหล่งสยาม ดังที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงปรารภในตอนท้ายสมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นความจริงเพียงใด
ถึงวันนี้ยังมีคนถามว่า กวีฤๅแล้งแหล่งสยาม ดังที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงปรารภในตอนท้ายสมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นความจริงเพียงใด
ก็ต้องยกบทกวีของอาจารย์ชาวอักษรศาสตร์ 3 คน แห่ง รร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า ฯ ผู้เรียบเรียงตำราหลักภาษาไทย คือ รอ. ศุภชัย รัตนโกมุท รอ.สะอาด อินทรสาลี และ รอ. ประวิทย์ วิมุกตะลพ ท่านกรุณาตอบไว้เป็นกาพย์ฉบัง 16 ดังนี้
กวีฤๅรู้แล้งแหล่งไทย มีชุกทุกสมัย คนดีคู่ศรีอยุธยา/สินธุคู่สัตว์มัจฉา โคถึกมฤคา คงคู่ป่าใหญ่ไพศาล/สูรย์จันทร์คู่ศักดิ์จักรวาล ราชาไชยชาญ ประจำบำรุงกรุงศรี/จันทร์สูรย์สูญสิ้นรวี จึงสูญเมธี กวีฤๅรู้แล้งแหล่งไทย
กาพย์ 4 บทนี้ ยืนยันว่า กวียังมีมากอยู่ทุกยุคสมัย ไม่มีวันที่จะสิ้นจากแผ่นดินไทย ตราบใดที่พระอาทิตย์พระจันทร์อยู่คู่จักรวาล น้ำยังคู่กับปลา สัตว์ป่าคงคู่พนาสัณฑ์ พระราชันย์ยังคงเป็นหลักแห่งแผ่นดินอยู่เช่นนั้น เมื่อใดโลกสูญสิ้นพระอาทิตย์และพระจันทร์นั่นแหละ แผ่นดินไทยจึงจะไร้นักปราชญ์ราชกวีเมธีแก้วคู่แผ่นดิน
กว่ากึ่งศตวรรษที่คลุกคลีในวงการมา ได้ร่วมในการเป็นวิทยากรฝึกสอนอบรมเยาวชนผู้รักการกวี เป็นกรรมการตัดสินการประกวดอ่าน-เขียน-ประพันธ์บทกวีปีละหลายครั้ง ยืนยันได้ว่า จะยังมีเยาวกวีใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ ไม่มีวันแล้งจากแหล่งไทยเป็นแน่นอน
แม้ว่าความนิยมการอ่านหนังสือประเภทบทกวี จะได้รับความนิยมน้อยลง จนสำนักพิมพ์ต่างๆ ไม่กล้าลงทุนพิมพ์ออกมาขายเป็นล่ำเป็นสันเหมือนการประพันธ์ประเภท นวนิยาย-รวมเรื่องสั้น หรือสารคดี แต่ทุกครั้งที่มีการประกวดบทกวี ก็มีผู้สนใจเข้าร่วมประชันฝีมือครั้งละมากมายอยู่เสมอมิได้ขาด
ดังเช่น การประกวดรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรท์) ซึ่งประเภทบทกวีจะเวียนมา 3 ปี/ครั้ง ก็จะมีหนังสือเข้าร่วมครั้งละ 60-70 เล่ม รางวัลพานแว่นฟ้า ซึ่งรัฐสภาจัดประกวดเรื่องสั้น และบทกวีเกี่ยวกับประชาธิปไตย ก็มีกวีนับร้อย ส่งงานเข้าชิง หรือการประกวดบทกวีประจำปีของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งจัดติดต่อมาเป็นปีที่ 19 แล้ว และทุกปีจะมีเยาวชนที่ใฝ่ฝันเป็นกวี และประชาชนที่ใฝ่ใจการกวี มาจากต่างจังหวัดเข้าร่วมประชันฝีปากเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญ คือ ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ จะได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งนับเป็นมงคลสูงสุดที่กวีปรารถนา
สำหรับองค์กรเอกชนก็มักมีประกวดประชันกันตามโอกาสอันควร ณ ที่นี้ ผู้เขียนขอกล่าวถึงกลุ่มบริษัท ในเครืออมรินทร์พิ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ ที่ส่งเสริมการอ่านและการเขียนหนังสือมากที่สุดแห่งหนึ่งในแต่ละปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 10 ปีที่ผ่านมานี้ บริษัท ฯ ได้จัดประกวดหนังสือ และประกาศยกย่อง หรือให้รางวัลทางวรรณกรรมประจำปีหลากหลายรางวัล หนึ่งในจำนวนนั้นเรียกว่า รางวัลนายอินทร์อวอร์ด ซึ่งมีการประกวดเพิ่มประเภท การประกวดขึ้นทุกปี จนปัจจุบันมีถึง 6 ประเภท ตามปณิธานดั้งเดิมของคุณชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร คือ หนังสือภาพสำหรับเด็ก วรรณกรรมเยาวชน สารคดี เรื่องสั้น กวีนิพนธ์ และนวนิยาย ซึ่งแต่ละประเภท จะมีผู้ส่งต้นฉบับเข้าร่วมประกวดจำนวนมาก
ในฐานะที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นกรรมการประเภทกวีนิพนธ์ใน 3 ปีหลังนี้ ผู้เขียนพบว่า กวีที่มีฝีมือยังสนใจส่งกาพย์กลอนเข้าประกวดอย่างมากพอควร กรรมการคัดเลือกต้องทำงานหนัก เลือกจากบทกวีประมาณหลายร้อยสำนวน ให้เหลือประมาณ 50 สำนวน แล้วให้กรรมการตัดสินมาพิจารณาถกเถียงกันจนกว่าจะลงตัวให้ได้สำนวน เยี่ยม 1 สำนวน และรองอีก 2 สำนวน ที่ดีกว่านั้น คือ ได้รวบรวมสำนวนเข้ารอบทั้งหมดไว้ในเล่มเดียวกัน ทำให้กวี และเยาวกวี ได้มองดูทิศทางของวงการกวีปัจจุบัน
ขอยกบทกวีที่กรรมการตัดสินทั้ง 5 คือ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์คนแรก 2523 กวีรางวัลศรีบูรพา 2539 และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ 2536) ประยอม ซองทอง (ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ 2548) จีระนันท์ พิตรปรีชา (กวีซีไรท์ 2532) ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ (กวีซีไรท์ 2535) และ ไพวรินทร์ ขาวงาม (กวีซีไรท์ 2538) ลงมติให้ นัยน์ตาของโคเสี่ยงทาย ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ด้วยความเห็นรวมดังนี้ นัยน์ตาของโคเสี่ยงทาย ให้พจน์และภาพพิธีแรกนาขวัญผ่านนัยน์ตาโคเสี่ยงทาย ผ่านภาพข่าวโทรทัศน์ ผ่านมุมกล้องทันสมัย ผ่านความรู้สึกชาวบ้าน ผ่านมุมมองของกวี ที่ตั้งคำถามเชิงสังหรณ์กับคำพยากรณ์ในพิธีมงคล ว่าแท้จริงแล้ว วิถีเกษตรกรบนแผ่นดินเกษตรกรรม จะดำรงอยู่ และดำเนินไปได้ดีเพียงใด เมื่อสังคมเกษตรล่มสลาย ทุนข้ามชาติเข้ามาถือครอง พันธุกรรมถูกตัดต่อ บทกวีสำนวนนี้โดดเด่นทั้งรูปแบบ และเนื้อหา ทำหน้าที่ร้องทุกข์แผ่นดินให้ข้าวและโค เป็นภาพฟ้องจากมุมเล็กสู่มุมกว้าง
บทกลอนที่ได้รับรางวัลนั้นมีว่า
จบประโยคทำนายพราหมณ์ฝ่ายหลวง/ดาวหลายดวงในตาก็จ้าฉาน/ฤกษ์มงคลของประเทศเกษตรการณ์/แผ่สำราญปีติกสิกร/ธัญชาติก่ำเข้มเต็มหาบคู่/ถูกหว่านสู่ดินลานผาลพลิกก้อน/ขวัญประดับท้องทุ่งยุ้งรวงพร/มหาชนรีบร้อนแย่งเก็บครอง/พยากรณ์-น้ำท่าผลาหาร/สมบูรณ์คู่เดือนกาลทั้งสิบสอง/สิ่งซึ่งพระโคกินจากถาดทอง/คือสัญญาณเรืองรองของแผ่นดิน/เมล็ดพืชมงคลดาลดลจิต/ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ถูกเก็บสิ้น/แตรสังข์พลิ้วท่วงเสียงจำเรียงริน/ไปฝังลึกในศาสตร์ศิลป์เมล็ดพันธุ์
ข้าพเจ้าอยู่หน้าจอโทรทัศน์/ยากสัมผัสใกล้แค่แรกนาขวัญ/แต่ก็ปีติชื่นและตื้นตัน/กับการให้ความสำคัญต่อธัญญา/ขณะภาพของพระโคถูกโฟกัส/สรีระส่วนสัดจากด้านหน้า/ครู่ซึ่งกล้องรุ่นใหม่ซูมเข้ามา/ข้าพเจ้าเห็นแววตาโคเสี่ยงทาย/ห้วงอ้างว้างหวั่นไหวไร้ขอบเขต/สะท้อนภาพชนเกษตรของเหงื่อสาย/ยืนอยู่ใกล้หลุมขวากและซากควาย/กุมรวงข้าวรวงสุดท้ายไว้แน่นกำ/ราวหวาดกลัวข้าวรวงจะล่วงลับ/ไปอยู่กับผู้เปลี่ยนค่าราคาต่ำ/ให้ข้าวเกล็ดเมล็ดน้อยทยอยนำ/แซงราคาทองคำเกี่ยวกำไร/ กลัวพันธุกรรมเดิมถูกเติม-ตัด/สร้างพันธุกรรมรหัสสายพันธุ์ใหม่/ที่กลเกมเหลี่ยมโกงเชื่อมโยงใย/กับบรรษัทปัจจัยธาตุปุ๋ย-ยา/นั่นแหละ ภาพประเทศเกษตรศาสตร์/กำลังผุวิ่นขาดอนาถา/ท่ามกลางเปลวไฟลามไหม้มา/กัดกินหุ่นไล่กาตัวสุดท้าย
ประโยคคำทำนายฝ่ายพราหมณ์หลวง/ยังแว่วไหวอยู่ในห้วงนิมิตหมาย/ข้าพเจ้ากลับหวาดไหวไม่เว้นวาย/กับดวงตาโคเสี่ยงทายพยากรณ์
อ่านบทกลอนนี้แล้ว รำลึกคำของปราชญ์คนสำคัญของแผ่นดินไทย เสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) เคยเขียนไว้ว่า กวีนั้นไม่ใช่เพียงนักกลอนแต่งกลอนเป็น แต่ต้องเป็นผู้มีความพยายามหาของจริงและของงาม แล้วเอาความสังเกตเห็นนั้นมาพิจารณา เกิดเป็นความคิดความรู้สึกและฝันเห็นเป็นไปแต่ในทางที่ดีงาม แล้วสามารถระบายความรู้สึกออกมาตีแผ่ แสดงเป็นคำพูดด้วยถ้อยคำอันไพเราะ มีความเหมาะเจาะกลมกืน ให้บังเกิดความซาบซึ้งเร้าใจเป็นวรรณศิลป์
ไม่ว่ากวีที่เชี่ยวชาญ หรือยุวกวีมือใหม่ ควรได้อ่าน นัยน์ตาของโคเสี่ยงทาย ที่กลายเป็นชื่อหนังสือรวมบทกวีที่เข้ารอบ และได้รับรางวัลนายอินทร์อวอร์ดปี 2552 นี้
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2552
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28087