ทั่วไป
พบกันหนนี้ต้องออกตัวก่อนว่า เป็นงานเขียนล่วงหน้ามากๆ เพราะทีมงานของเราเองก็ต้องเตรียมการสำหรับงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็เลยไม่มียอดการขายรถยนต์มารายงาน แต่ก็ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการตลาดมารายงานตามเคย
พบกันหนนี้ต้องออกตัวก่อนว่า เป็นงานเขียนล่วงหน้ามากๆ เพราะทีมงานของเราเองก็ต้องเตรียมการสำหรับงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25 ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็เลยไม่มียอดการขายรถยนต์มารายงาน แต่ก็ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการตลาดมารายงานตามเคย
ก่อนงาน มหกรรมยานยนต์ จะเริ่ม ก็เป็นธรรมดา ที่ค่ายรถยนต์จะต้องออกมาแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ หรือ ไมเนอร์เชนจ์ เป็นส่วนใหญ่ ไล่กันมาตั้งแต่ นิสสัน ออกกระบะขับ 2 ยกสูง/ฮอนดา ไมเนอร์เชนจ์
ซีวิค แถมเนวิเกเตอร์/ฟอร์ด ก็มาด้วย เพิ่มรุ่น โฟคัส หลากทางเลือกสำหรับผู้บริโภค และ ซูบารุ ก็เปิดตัว ฟอเรสเตอร์ ใหม่ ที่เมืองนอกออกมานานนมแล้ว
ใครจะเลือกซื้อหาอย่างไร ก็อย่าลืมมาทดลองขับกันก่อน ที่งาน มหกรรมยานยนต์ ที่เราเตรียมรถทดลองขับ ให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจก่อนซื้อ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แถมด้วยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็มีให้เลือกนั่ง เลือกลองกันหลากรุ่น
เข้าสู่เหตุการณ์ทางการตลาดช่วงที่ผ่านมา ที่ฟาดฟันกันระหว่างค่ายยักษ์ 2 ค่าย ช่วงชิงมวลชน โดยเฉพาะสื่อมวลชน ให้มาร่วมงานมากที่สุด ที่เห็นท่าว่า อีกหน่อยค่ายวิภาวดี คงต้องโดดลงมาเล่น มอเตอร์ สปอร์ท อีกเป็นแน่ มีโหมงาน เอเชียน ครอสส์คันทรี ที่คว้าชัยมาหยกๆ เพราะค่ายสำโรง นำโด่งเรื่อง มอเตอร์ สปอร์ท ไปลิ่วทีเดียว
โค้งอันตรายหนนี้ ขอแวะไปทางด้านรถ 2 ล้อ สักหน่อย เพราะบรรดาเจ้าของรถจักรยานยนต์ ที่ต้องเปิดไฟหน้ารถในเวลากลางวัน เพื่อให้ผู้ขับขี่อื่นสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน พากันไปดัดแปลงไฟหน้า เปลี่ยนเป็นไฟซีนอน ที่สว่างจนจ้า
งานนี้ กรมขนส่งทางบกออกมาเตือนว่า ไฟหน้ารถจักรยานยนต์ จะต้องเป็นแสงสีขาวนวล โดยมุมตกกระทบของแสงจะต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ ไม่สูง หรือต่ำเกินไป หรือเอียงไปทางด้านซ้ายหรือขวา อันอาจทำให้รบกวนสายตาผู้ใช้รถใช้ถนนอื่น ซึ่งนอกจากจะเป็นอันตรายแล้ว ยังอาจมีความผิดตามกฎหมายด้วย
ก็ไม่ทราบว่าท่านเจ้าพนักงานจะทราบหรือไม่ว่า ค่าปรับงานนี้ ไม่เกิน 2,000 บาท
ส่วนบรรดาท่านเจ้าของรถ 4 ล้อขึ้นไป โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาดเดี๋ยวนี้ ติดตั้งไฟตัดหมอกมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานกันส่วนใหญ่ งานนี้ก็ต้องเตือนกันไว้ล่วงหน้าว่า การใช้ไฟตัดหมอกที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น สามารถใช้ได้ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่มีหมอกควัน หรือฝุ่นละออง จนอาจเกิดอันตรายขณะขับรถ และต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้า หรือสวนมาในระยะของแสงไฟ หรือในระยะ 150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาว หรือแสงเหลือง ที่มีกำลังไฟไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ เท่านั้น หากมีการใช้ไฟตัดหมอกไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
ก็เตือนกันมาว่าผู้ที่ไปดัดแปลง หรือจงใจใช้สีสันให้สะดุดตาน่ะ มีความผิดนะครับ
ส่วนบรรดานักขับรถที่ถนัดใช้ไฟกะพริบ หรือไฟผ่าหมาก ในเวลาฝนตกหนัก หรือเดินทางไกล และกำลังจะผ่านสี่แยกโล่งๆ น่ะ กรุณาเปลี่ยนอุปนิสัยของท่านเสียด้วย เพราะผู้ที่อยู่ด้านใดด้านหนึ่งของรถคุณ จะไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ท่านเปิดไฟกะพริบ เพราะมองเห็นไฟเลี้ยวเพียงด้านเดียว อาจคิดว่าท่านกำลังจะเลี้ยว และสวนทางออกมา อันอาจเกิดอุบัติเหตุโดยง่าย
ถัดไปก็มีเรื่องมารายงานว่า 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ที่ร่าเริงกันอยู่ทุกวันนี้น่ะ แจ้งกันเพื่อทราบว่า มีการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินมาตรการในเดือนมกราคม 2552
อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน สำหรับน้ำมันแกสโซฮอล 95,อี 10,น้ำมันแกสโซฮอล 91 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 2 ในอัตรา 1.00, 0.90 และ 0.50 บาท/ลิตร ตามลำดับ และปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันแกสโซฮอล 95, อี 20 ลงอีก 0.15 บาท/ลิตร โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2551
ท่านก็หวังกันเอาไว้ว่า การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันอย่างที่ว่า จะทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันในปัจจุบัน เอื้อต่อการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนทั้ง เอธานอล และ ไบโอดีเซล โดยค่าการตลาดของน้ำมันที่เป็นพลังงานทดแทนจะสูงกว่าน้ำมันปกติ และราคาขายปลีกของน้ำมันพลังงานทดแทนจะต่ำกว่าราคาปกติ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้จำหน่าย และผู้ใช้พลังงานทดแทน มีจำนวนมากขึ้น
งานนี้กองทุนน้ำมัน จะมีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้น 24.32 ล้านบาท/วัน จากระดับปัจจุบัน 80.60 ล้านบาท/วัน เป็น 104.92 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น 729.58 ล้านบาท/เดือน จากระดับปัจจุบัน 2,417.90 ล้านบาท/เดือน เป็น 3,147.48 ล้านบาท/เดือน ตลอดจนทำให้ฐานะกองทุนน้ำมัน มีทุนสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่จะปรับตัวสูงขึ้น เมื่อมาตรการสิ้นสุดลง
ก็เตือนกันเอาไว้สำหรับท่านที่ใช้น้ำมันกันสิ้นเปลือง เพราะเห็นว่าลิตรละ 20 กว่าบาท ไม่เท่าไรหรอก เดี๋ยวพอหมดมาตรการสิ้นเดือนมกราคม ปีหน้า ก็จะพากันร้องโอดโอยกันใหม่อีก
ยังไงก็ปรับตัว ปรับนิสัยการขับรถ ไม่ต้องทำตามคำแนะนำที่ว่า ขับ 90 กม./ชม. แล้วจะประหยัดน้ำมันหรอก เพราะรถแต่ละรุ่น แต่ละคัน แรงม้า แรงบิด ไม่เท่ากัน ยิ่งเป็นรถดีเซลด้วยแล้ว แรงบิดมหาศาล ลองสังเกตอาการรถของคุณเองดูว่า ที่ความเร็ว รอบเครื่อง เท่าใด เครื่องยนต์จึงจะสามารถทำงานได้โดยไม่กินกำลังเครื่อง
วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ เสียงของเครื่องยนต์ ไม่ครวญครางให้หนวกหู เสียงราบเรียบ ก็ทดลองใช้ความเร็วแบบคงที่ แล้วลองเปรียบเทียบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของท่านด้วยตนเอง ก็พอจะทราบคร่าวๆ ว่า ควรใช้ความเร็วที่เท่าใด จึงจะประหยัดที่สุด
นอกนั้นก็ต้องปรับอุปนิสัยในการขับขี่ด้วยเช่นกัน อาทิว่า ไม่เร่งเครื่องมากจนเกินควร ใช้ความเร็วที่เหมาะสม ออกตัวเคลื่อนรถตามปกติ ไม่รีบร้อน แต่ก็ไม่ควรชักช้าจนคันหลังกดแตรไล่ เดินรถในช่องทางที่เหมาะสม ไม่ใช่ไปวิ่งแช่อยู่ด้านขวาที่ความเร็ว 60 กม./ชม. อันนั้นก็จะมีผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกับท่านเจริญพรให้เยอะมาก
อย่างไร ก็ต้องเตรียมรับมือหลังหมดมาตรการเพื่อชาติหนนี้ให้ดีก็แล้วกัน
ก็ขอส่งท้าย ด้วยเส้นทางสายถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก สำหรับผู้ที่ใช้เป็นประจำก็คงคุ้นเคยกันดี
อยู่ แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย นานๆ เดินทางเสียที ก็ต้องระวังอย่างมาก โดยเฉพาะด้านขาเข้า ก่อนถึงด่านพานทอง เพราะมีหลุมดักควายหลุมเบ้อเริ่มอยู่ด้านขวามือ ใครคิดจะชำระเงินผ่านป้อมด้านขวา ต้องคิดให้ดี
งานนี้มีคนตกหลุมดักควายที่ว่า แถมด้วยรถคันที่ตามมา ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เสยบั้นท้ายเข้าให้ด้วยความรัก ยุบไปครึ่งคัน เพราะไม่ทันระวังตัว เรียบร้อยโรงเรียนพานทองไปแล้ว
ใช้รถใช้ถนน ก็ต้องระมัดระวัง ไม่ประมาทเป็นดีที่สุด
เรื่องโดย : มือบ๊วย fomula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2552
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/27260