ในบรรดากวีของไทยในอดีต มีน้อยคนนักที่จะได้รับการยกย่องและระลึกถึงมากเท่าสุนทรภู่ (พระสุนทรโวหาร-ภู่) กวีเอก 4 รัชกาล ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นับถึงวันนี้สุนทรภู่จะมีอายุ 222 ปี (เกิด 26 มิถุนายน 2329) เมื่อครบชาตกาล 200 ปี ในปี 2529 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้วย

ในบรรดากวีของไทยในอดีต มีน้อยคนนักที่จะได้รับการยกย่องและระลึกถึงมากเท่าสุนทรภู่ (พระสุนทรโวหาร-ภู่) กวีเอก 4 รัชกาล ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นับถึงวันนี้สุนทรภู่จะมีอายุ 222 ปี (เกิด 26 มิถุนายน 2329) เมื่อครบชาตกาล 200 ปี ในปี 2529 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้วย สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมในกวีผู้นี้ คือกลางๆ เดือนมิถุนายนทุกปี สถาบัน และองค์กรต่างๆ มักจะจัดงาน “วันสุนทรภู่” และกิจกรรมเพื่อรำลึกถึง “กวีกลอนตลาด” ผู้ได้รับความนิยมแพร่หลายที่สุดนี้ ปีนี้เช่นกัน สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) ซึ่งมีภารกิจหลักในการอนุรักษ์สืบทอดวัฒนธรรมที่ดีงาม ทั้งตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 ที่กำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ และเพื่อให้สอดคล้องกับคำประกาศของยูเนสโกที่กำหนดให้ปีคริตส์ศักราช 2008 (พุทธศักราช 2551) เป็นปีแห่งภาษา (IMTERNATIONAL YEAR OF LANGUAGE) สวช. จึงจัดโครงการเพื่อเชิดชูเกียรติให้ชื่อว่า “งานเชิดชูครูกวีศรีสุนทร” โดยในงานนี้ นอกจากกิจกรรมด้านกวีแล้ว ยังมีการมอบโล่ประกาศยกย่องเชิดชูบุคคล และองค์กรที่มีผลงานด้านการอนุรักษ์ สืบสานภาษา และวรรณกรรมไทย สำหรับบุคคล และองค์กรที่ได้รับการสรรหาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิว่าเป็นผู้ควรแก่การยกย่อง ปรากฏผลดังนี้ ประเภทบุคคล ผู้ได้รับยกย่องเป็นครูกวีศรีสุนทร ได้แก่ รศ. นภาลัย สุวรรณธาดา ผู้มีผลงานดีเด่น ด้านการอนุรักษ์สืบสานรากเหง้าภาษาและวรรณกรรมไทย ได้แก่ สมบัติ พลายน้อย ผู้มีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์สืบสานภาษาและวรรณกรรมไทย ได้แก่ อาจิณ จันทรัมพร ประเภทองค์กร องค์กรดีเด่นด้านการอนุรักษ์สืบสานภาษา และวรรณกรรมไทย ได้แก่ สมาคมครูภาษาไทย องค์กรเอกชนดีเด่นด้านการอนุรักษ์สืบสานภาษาและวรรณกรรมไทย ได้แก่ บริษัท ซี พี ออล ฯ ผู้จัดการประกวดเ ซเวนบุคส์ อวอร์ด และจัดค่ายอบรมเยาวกวี องค์กรสื่อมวลชนดีเด่นด้านการอนุรักษ์สืบสานภาษา และวรรณกรรมไทย ได้แก่ บริษัท MIND @ WORK จำกัด ผู้จัดรายการ “44214” ททบ. ๕ สำหรับ รศ. นภาลัย (ฤกษ์ชนะ) สุวรรณธาดา ครุศาสตรบัณฑิต และครุศาสตร์ มหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีผลงานแพร่หลาย และเป็นที่นิยมมาก นับตั้งแต่เป็นนิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬา ฯ ซึ่งเธอได้รับเลือกเป็นประธานชมรมวรรณศิลป์คนที่ 3 ของ สโมสรนิสิตจุฬา ฯ (สจม.) ด้วย เมื่อจบจากจุฬา ฯ เธอออกไปเป็นครูอยู่ 2 ปี แล้วเปลี่ยนเข็มไปทำงานเป็นเลขานุการ และสารบรรณที่ธนาคารทหารไทยประมาณ 5 ปี แล้วยกครอบครัวไปสอนภาษาไทยที่มหาวิทยาลัยฮันกุก นครโซล เกาหลี 10 ปี กลับมาเมืองไทย เป็นบรรณาธิการสมทบนิตยสาร บี.อาร์. 2 ปี แล้วเข้าเป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จนกระทั่งเกษียณ นอกจากหน้าที่สอนประจำและหน้าที่บริหาร (ผอ.สำนักบริหารการศึกษา ผู้ช่วยอธิการบดี ฯลฯ ) แล้ว เธอได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้ดำรงตำแหน่งที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ภาษา และวรรณกรรมตลอดมา เช่น จัดรายการเกี่ยวกับการใช้ภาษา และการแต่งคำประพันธ์ ซึ่งกระจายเสียงและแพร่ภาพ (ทางไกล) ไปยังนึกศึกษา มสธ. และประชาชนทั่วไปเป็นประจำ นอกจากนั้นยังได้รับเชิญวิทยากรถ่ายทอดความรู้ทางภาษา และวรรณกรรม เป็นกรรมการเกี่ยวกับการอนุรักษ์-ส่งเสริมภาษา และวรรณกรรมอย่างสม่ำเสมอ เธอเป็นคนที่เขียนกลอนได้เร็ว ใช้คำที่ง่ายแต่มีความหมายลึกซึ้ง เป็นนักสักวาที่มีคารมคมคาย มีปฏิภาณฉับไว บทกลอนของเธอสะท้อนความจริงในสังคม และแฝงความจริงใจในความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ อ่อนหวาน และตรึงตราความรู้สึกลึกๆ มีบทกลอนที่ติดตรึงความรู้สึกมากมาย เช่น วรรคทองในบทที่ชื่อเพลงชาติ (ที่ชนะเลิศการประกวดบทกวีของสถานีวิทยุยานเกราะ) “ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” ผลงานที่รวมเล่มกับกวีร่วมสมัย เช่น คำหอม ริ้วป่านสีทอง สนธิกานท์ ฯลฯ ที่รวมเล่มของเธอเอง และได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น ดอกไม้ใกล้หมอน (พิมพ์ซ้ำแล้ว 6 ครั้ง) สร้อยเม็ดทราย (พิมพ์ซ้ำแล้ว 3 ครั้ง) ทั้ง 2 เล่ม ได้รับรางวัลจากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ปี 2531 และ 2535 ตามลำดับ สมบัติ พลายน้อย นามปากกา ส.พลายน้อย เป็นชาวกรุงเก่า เคยทำงานที่กรมสรรพากร และเป็นครู อาจารย์เปลื้อง ณ นคร (นายตำรา ณ เมืองใต้) ชักนำให้มาทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการในด้านวารสาร และวิทยุศึกษา ชอบอ่าน และสะสมหนังสือมาแต่เริ่มอ่านออกเขียน ได้ชื่อว่าเป็นนักอ่านที่อ่านหนังสือมากที่สุดคนหนึ่ง การอ่านมากได้ข้อมูลมาก รวมทั้งเรื่องภาษา และสำนวนไทยเก่าๆ กลายเป็นความรอบรู้ที่กรองจากสมองออกมาเป็นสารคดีหลากหลายแนวทุกประเภทอย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนั้นถ้อยคำภาษาที่เป็นต้นทุนอันรุ่มรวย บรรจุอยู่ในคลังสมองที่ขุดออกมาใช้ได้ทุกโอกาส สารคดีที่คุณสมบัติเขียนจึงมีเสน่ห์ชวนติดตาม ทั้งถ้อยคำภาษาที่ง่าย และตรงไปตรงมา แต่การรู้จักเลือกคำ และสำนวนให้เหมาะเจาะ ทำให้อ่านเพลินเหมือนบันเทิงคดี สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ เป็นผู้ที่รู้จักรากเหง้าความเป็นมาเป็นไปในวัฒนธรรมทั้งของไทย และของต่างชาติ ทำให้หนังสือที่เขียนไว้มากมาย ซึ่งตอนนี้ได้รับการตีพิมพ์รวมเล่มแล้ว (อาจิณ จันทรัมพร บอกว่า) มีไม่น้อยกว่า 50 เล่ม เช่น แลไปข้างหลัง สารคดีน่ารู้สารพัดนึก ชาวต่างชาติในประวัติศาสตร์ไทย เล่าเรื่องบางกอก สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เทวนิยาย สัตวนิยาย พฤกษนิยาย เล่าเรื่องเก๋ากึ๊ก นิทานไทย นิทานไทยแสนสำราญ นิทานเชิงประวัติ ฯลฯ และยังมีที่ยังมิได้รวมเล่มมากมาย อาจิณ จันทรัมพร เป็นชาวสุราษฎร์ธานี เคยทำงานในกรมสรรพสามิต จนกระทั่งเป็นสรรพสามิตหลายจังหวัด รวมรับราชการ 39 ปี จนเกษียณ เป็นนักอ่านอีกคนหนึ่งที่ผ่านการอ่านหนังสือมากมายไม่แพ้ สมบัติ พลายน้อย นอกจากนั้นยังชอบเก็บ จดและจำ รวบรวมผลงานของนักเขียนทุกรายที่ผ่านมาในชีวิต เป็นนักสะสม และชอบทำหนังสือ เช่น เป็นบรรณาธิการนิตยสาร เดือนเพ็ญ ต่อมาได้งานที่ชอบ คือ เป็นที่ปรึกษาบริษัทสามัคคีสาร (ดอกหญ้า) ได้ร่วมจัดตั้งโครงการอนุรักษ์วรรณกรรมเก่า และหายาก อันเป็นงานที่ทรงคุณค่ายิ่ง จนได้รับยกย่องเป็นผู้มีผลงานดีเด่นด้านอนุรักษ์ภาษาและวรรณกรรมไทยจากคณะกรรมการจัดงานอนุรักษ์มรดกไทย 2537 มีผลงานรวมเล่ม เช่น นิราศ ยู. เอส. เอ./วรรคทองในวรรณคดี (พิมพ์ซ้ำหลายครั้งแล้ว)