ฉบับนี้ตั้งใจจะเขียนเรื่องรูปแบบกรมธรรม์ใหม่ ที่รวมการประกันภัยทั้งภาคสมัครใจ และภาคบังคับไว้ในฉบับเดียวกัน ซึ่งรูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร ในทางปฏิบัติจะนำส่วนไหนไปใช้เป็นหลักฐานในการต่อทะเบียนรถกับกรมขนส่ง และผู้ประสบภัยจะได้รับการชดเชย ชดใช้ ค่าเสียหายแตกต่างไปอย่างไร ?

ฉบับนี้ตั้งใจจะเขียนเรื่องรูปแบบกรมธรรม์ใหม่ ที่รวมการประกันภัยทั้งภาคสมัครใจ และภาคบังคับไว้ในฉบับเดียวกัน ซึ่งรูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร ในทางปฏิบัติจะนำส่วนไหนไปใช้เป็นหลักฐานในการต่อทะเบียนรถกับกรมขนส่ง และผู้ประสบภัยจะได้รับการชดเชย ชดใช้ ค่าเสียหายแตกต่างไปอย่างไร ? แต่เนื่องจากว่า คปภ. กำลังยกร่างอยู่ ยังไม่คลอดออกมาเป็นทางการ ก็จะต้องยกยอดนำมาเสนอในฉบับถัดไป ก็คอยติดตามกันนะครับ ฉบับนี้เลยได้โอกาสเอาเรื่องใกล้ตัวอีกเรื่องหนึ่งมานำเสนอ คือ เรื่องของความเดือดร้อนเกี่ยวกับปากท้องอันเนื่องมาจากน้ำมันแพง น้ำมันเพียงตัวเดียวก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผู้คนเดือดร้อนไปได้อย่างทั่วถึง ทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่เพียงแค่ ประเทศไทยเท่านั้น ทุกประเทศก็เป็นเช่นเดียวกัน มีการประท้วงจากประชาชนอาชีพต่างๆ ของแทบทุกประเทศในโลก ให้รัฐบาลของตนเข้ามาให้ความช่วยเหลือจากผลกระทบน้ำมันแพง น้ำมันแพง มันแพงมาจากอะไร ราคาน้ำมันมันขึ้นมาเป็น 2-3 เท่าตัว ได้อย่างไร ในระยะเวลาเพียงข้ามปี ราคาในประเทศจากเคยขายลิตรละ 10 บาท มาเป็น 20 บาท มาเป็น 30 บาท มาเป็น 40 บาท และกำลังจะไปเป็น 50 บาท อีกไม่นานนี้ ปัจจัยหลักในแง่การผลิต (ของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน) ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันมาจากเกมการเมืองเกมธุรกิจระดับโลกในการสร้างราคาเทียม หรือที่เรามักจะเรียกมันว่า “ปั่นราคา“ กระบวนการนี้ กระทำโดยกลุ่มผู้มีอำนาจควบคุมกลไกตลาดที่เหนือกว่า มีการสร้างกระแสให้เกิดวิกฤตด้านราคาขึ้น และเกิดเป็นวงจรเหวี่ยงนำของกระแส จนมีผู้กระโดดเข้ามาร่วมโดยไม่รู้ตัวอย่างกว้างขวาง มีการสร้างราคาต่อเนื่องอย่างไม่เป็นไปตามกลไกที่แท้จริง กรณีจะคล้ายๆ กับ การปั่นราคาทองคำ ราคาหุ้น และค่าเงินสกุลต่างๆ แน่นอนว่าผู้กระโดดเข้ามาร่วมในกระแสนี้ จะได้รับประโยชน์เฉพาะหน้าแน่นอน ขณะเดียวกันก็มีผู้ต้องได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบเป็นวงกว้าง ในหลายธุรกิจ หลายอาชีพ แบบไม่มีขอบเขตจำกัด ซึ่งหากควบคุมวงจรอุบาทว์นี้ไม่ได้ ผลพวงก็อาจทำให้หลายธุรกิจพังพินาศล่มจมไป ประชาชนเดือดร้อนถึงขั้นวิกฤต ประเทศชาติล้มละลายไปก็เป็นได้ วิกฤตราคาน้ำมันเกิดมาเป็นช่วงๆ เมื่อหลายสิบปีก่อนก็เคยเกิดมาแล้ว เราคงเคยได้ยินเสียงเพลงที่มีเนื้อร้องว่า “น้ำมันขาดแคลนคุยกับแฟนก็ต้องดับไฟ...” เด็กสมัยนี้อาจไม่รู้จัก และไม่ได้สนใจ แต่ในช่วงนั้นวิกฤตราคาน้ำแพงก็ทำให้ประชาชนรุ่นพ่อแม่เดือดร้อนไปทั่วทุกย่อมหญ้า ธุรกิจหลากหลายอาชีพก็ล้มหายตายจากไป อีกสักพักต่อมาก็กลับคืนสู่สภาพปกติ แต่คราวนี้คงไม่ง่าย และเร็วนัก เพราะกระแสของโลกยุคโลกาภิวัตน์ ยากที่ใครจะใช้อำนาจควบคุมหยุดยั้งได้ รวมถึงกลุ่มคนที่เป็นต้นกำเนิดของกระแส ผลที่สุดก็ต้องถูกผลร้ายที่ตนเป็นผู้สร้างขึ้นให้ต้องเดือดร้อนไปด้วย ลักษณะเดียวกับ “กงกรรม กงเกวียน” รัฐบาลได้พยายามหาทางช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยได้ประกาศมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด การควบคุมราคาสินค้าจำเป็น การเพิ่มค่าครองชีพข้าราชการชั้นผู้น้อย การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงการหาพลังงานทดแทนน้ำมัน เช่น รณรงค์ให้รถใช้ ซีเอนจี ที่ประหยัดกว่ามากขึ้น แต่ก็ยังไม่อาจบรรเทาได้อย่างทั่วถึง และทันท่วงที สิ่งที่สำคัญ คือ “ตนแหละเป็นที่พึงแห่งตน” คือ ทุกคนจะต้องประหยัด และขยันทำงานเพื่อที่จะหารายได้อื่นๆ มาค้ำจุนชีวิตและครอบครัว เพื่อเป็นการสนับสนุนแนวนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้จัดทำโครงการประกันภัยพิเศษเพื่อสนับสนุนรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ ซีเอนจี (เอนจีวี) โดย จันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวว่า ผลจากการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัย เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 เพื่อหารือถึงมาตรการที่ช่วยสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจะจัดทำเป็นโครงการพิเศษเพื่อสนับสนุนรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ ซีเอนจี โดยให้ส่วนลด 10 % ของเบี้ยประกันภัยสุทธิในการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท สำหรับรถที่ติดตั้งอุปกรณ์ ซีเอนจี จากสถานบริการที่ได้รับรองมาตรฐานการติดตั้งจากหน่วยงานภาครัฐ โดยมีระยะเวลาสิ้นสุดโครงการถึง 30 มิถุนายน 2552 สำหรับรูปแบบของโครงการดังกล่าว รถที่ประกันภัยกับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับส่วนลดเป็นกรณีพิเศษ 10 % ของเบี้ยประกันภัยสุทธิในการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท โดยผู้เอาประกันภัยต้องแสดงหลักฐานการติดตั้ง และใบรับรองมาตรฐานการติดตั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทประกันภัยที่สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว 46 บริษัท เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าการติดตั้งอุปกรณ์ ซีเอนจี เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ดังนั้น จึงต้องการให้ระบบการประกันภัยเข้ามาเป็นส่วนสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนดังกล่าว ซึ่งได้รับ ความร่วมมือจากบริษัทประกันภัยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการจากประกาศคำสั่ง คปภ. ที่ 14/2551 ท้ายนี้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186