พิเศษ
พิสูจน์ประสิทธิภาพ ท่ามกลางความลังเล สงสัย ของผู้ใช้รถ ?
FUEL RECOMMENDATION
UNLEADED PETROL ONLY OCTANE NUMBER (RON) 91 OR HIGHER
BUT ! UMM
GASOLINE/GASOHALL E10 ?
วิกฤติน้ำมันแพง เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ใช้เบนซิน ถามหาพลังงานทางเลือกที่ขายราคาถูกๆ อย่าง แอลพีจี/ซีเอนจี (หรือ เอนจีวี) และแกสโซฮอล
แอลพีจี ได้รับความนิยมสูงสุดเนื่องจากราคาขายปลีกต่ำมาก และมีปั๊มแพร่หลาย แม้จะต้องเสียค่าติดตั้งระบบเพิ่มตั้งแต่ 15,000-50,000 บาท ก็ยังคุ้ม อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่าปลายปีนี้ รัฐ ฯ จะลอยตัวราคาแกส ซึ่งอาจทำให้ แอลพีจี ไม่ใช่ของดีราคาถูกอีกต่อไป
ซีเอนจี ถูกผลักดันเข้ามาในกลุ่มพลังงานที่ภาครัฐ ฯ ตั้งธงว่าจะส่งเสริม แม้จะได้ผลพอสมควร แต่ติดตรงที่ผู้คิดจะใช้ ต้องหาเงินมาจ่ายเพื่อติดตั้งระบบเพิ่มถึง 50,000-70,000 บาท อีกทั้งปั๊มที่ให้บริการก็ยังมีน้อย เพราะขยายไม่ทันกับเป้าหมายที่เคยตั้งไว้
ฉะนั้น นอกจาก แอลพีจี แกสโซฮอล จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับ 1 เพราะผู้บริโภคไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม แถมยังกระจายไปทั่วในปั๊มทุกหัวระแหง บวกกับการผลักดันจากรัฐบาลอย่างจริงจัง โดยหวังให้เป็นพลังงานทดแทน (ไม่ใช่พลังงานทางเลือก) เบนซินในอนาคต จนถึงขั้นวางแผนจะยกเลิกขายเบนซิน 95 ในรัฐบาลชุดที่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้ การเปลี่ยนจากเบนซินมาใช้แกสโซฮอลของผู้บริโภค ก็ยังอยู่ในระดับค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น
เหตุผลสำคัญที่ผู้บริโภคไม่ยอมเติมแกสโซฮอล ที่ "ฟอร์มูลา" ได้รับฟังมาตลอด ก็คือ ความไม่มั่นใจในประสิทธิภาพ อาทิ อัตราเร่งที่จะลดลง กับการกินน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ คือ ความเสียหายของเครื่องยนต์ภายหลังการเติมแกสโซฮอล ซึ่งยังถกเถียงกันไม่สิ้นสุด
ในวาระครบรอบ 31 ปี ของ "ฟอร์มูลา" เราจึงตั้งใจ "ทดสอบพิเศษ" เปรียบเทียบเบนซิน 91/95 กับแกสโซฮอล 91/95 ว่ามีประสิทธิภาพแตกต่างกันแค่ไหน อย่างไร โดยคำนวณให้เห็นกันจะๆ ว่า ถ้าเปลี่ยนมาใช้แกสโซฮอลแล้วคุ้มจริงหรือไม่ ทั้งยังไปจับเข่าคุยเรื่องสถานการณ์พลังงาน กับผู้บริหารบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่ขายแกสโซฮอล พร้อมบทสรุป ที่เผยถึงเบื้องลึกเบื้องหลังโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศไทย อาจจะยังมีอะไรที่คุณยังไม่รู้อีกมาก
เชิญติดตาม
ลองของ เบนซิน VS แกสโซฮอล ใครดี ใครอยู่ ?!?
จากการที่ผู้บริโภคหลายคนรู้สึกว่า ใช้แกสโซฮอลแล้วสิ้นเปลืองกว่าเบนซิน ไม่ประหยัด (เงิน) อย่างที่คุยไว้ วันนี้ภาครัฐ ฯ จึงทำการบ้านมาดีขึ้น เพราะส่วนต่างราคาเบนซินธรรมดากับแกสโซฮอล เป็นแรงดึงดูดที่เย้ายวน และแรงพอที่จะทำให้หลายคนหันกลับมาลองใช้กันอีกครั้ง
ในส่วนนี้ "ฟอร์มูลา" ขันอาสาเป็นตัวกลางไขข้อข้องใจ (เฉพาะเรื่องที่เรามีเครื่องไม้เครื่องมือทดสอบ และอยู่ในวิสัยที่ทำได้ ) ด้วยการยกทีมกองบรรณาธิการไปพิสูจน์ข้อสงสัยกันให้รู้ไปเลย
เรายกทีมไปทดสอบกันที่อาคารคลังสินค้าของบริษัท ฯ ย่านรังสิต-ปทุมธานี แถวนั้นมีถนนหลวง ที่ตรง และยาวพอให้ใช้ทดสอบกันในครั้งนี้ โดยเราตั้งคำถามในการทดสอบไว้ 2 ข้อ คือ
1. ใช้น้ำมันแกสโซฮอลแล้ว "อืด" ขึ้นจริงหรือ ? และ
2. ใช้แกสโซฮอลแล้ว "กินน้ำมัน" มากขึ้นหรือเปล่า ?
รถยนต์
เมื่อเริ่มต้น เราตั้งใจจะทดสอบกับรถ 3 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ รถเล็ก โตโยตา วีออส รถขนาดกลาง ฮอนดา ซีวิค และรถขนาดใหญ่ โตโยตา แคมรี แต่ระหว่างการทดสอบ เราลงความเห็นกันว่า ควรจะยกเลิกการทดสอบกับ วีออส เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ลอคความเร็ว หรือ ระบบครูสคอนทโรล เพื่อช่วยลดความคลาดเคลื่อนของผลการทดสอบขณะวิ่งที่ความเร็วคงที่
สุดท้าย เราจึงได้ผลทดสอบที่มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดจากรถ 2 คัน ได้แก่ ฮอนดา ซีวิค 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 156 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 19.2 กก.-ม. ที่ 4,200 รตน. และ โตโยตา แคมรี 2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 167 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 24.1 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. โดยทั้ง 2 คัน แจ้งไว้ในคู่มือว่าสามารถใช้น้ำมัน 91 แกสโซฮอลได้โดยไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์
น้ำมันเชื้อเพลิง
น้ำมัน 4 ประเภท ที่เราเลือกใช้ในการทดสอบครั้งนี้ คือ เบนซิน และแกสโซฮอล 91 เบนซิน และแกสโซฮอล 95 ประเภทละ 20 ลิตร/การทดสอบรถ 1 คัน และเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนเรื่องความต่างของคุณภาพน้ำมันในแต่ละปั๊ม เราจึงเจาะจงเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากปั๊มเดียวกัน (ของบริษัทใหญ่แถวห้าแยกลาดพร้าว) ในการทดสอบครั้งนี้
การวัดผล
เครื่องมือที่เราใช้ทดสอบ คือ เครื่องวัดสมรรถนะ อัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน "ดาทรอน" จากประเทศเยอรมนี ที่การันตีความแม่นยำจากการที่ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายค่ายต่างเลือกใช้เครื่องมือนี้ โดยประกอบด้วยเครื่องวัดความเร็ว ระยะทาง และเครื่องวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
วิธีทดสอบ
การทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีความแม่นยำแตกต่างกันไป มีทั้งวิ่งทดสอบกันในห้องแลบ ทดสอบวิ่งในสภาพถนนจริงโดยใช้เครื่องมือทดสอบ หรือ
นำรถมาวิ่งจริงๆ ครั้งละหลาย 100 กม.
"ฟอร์มูลา" เลือกใช้วิธีทดสอบด้วยเครื่องมือทดสอบแทนการวิ่งหลาย 100 กม. เพราะต้องการลดตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้ให้เหลือน้อยที่สุด เช่น สภาพถนน ทิศทางลม อุณหภูมิ ความชื้น ความลาดชันของพื้นถนน และลักษณะการขับขี่ของนักทดสอบ ส่วนตัวแปรที่เราสามารถควบคุมได้ เช่น ประเภทของน้ำมัน น้ำหนักบรรทุก ลมยาง ภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ (เพื่อให้ได้ค่าที่เที่ยงตรงที่สุด เราจำเป็นต้องปิดแอร์ตลอดการทดสอบ เพราะจะฉุดกำลังเครื่องยนต์ขณะทำงาน) และความเร็วจริงของการทดสอบ
หลังจากติดตั้งเครื่องมือเสร็จเรียบร้อย เราทดสอบโดย
1. ถ่ายน้ำมันเดิมในถังให้หมด (เปิดถังและใช้ปั๊มดูดน้ำมันให้เกลี้ยง)
2. เติมน้ำมันชนิดที่จะทดสอบลงไป 20 ลิตร
3. ถ่ายน้ำมันเดิมที่ยังคงค้างอยู่ในรางเชื้อเพลิงให้หมด ด้วยการบิดสวิทช์ให้ปั๊มของรถทำงาน (ไล่น้ำมันเก่าออก) ประมาณ 4-5 ครั้ง
4. วิ่งที่ความเร็ว 80 กม./ชม. รวมระยะทาง 10 กม. ก่อนทดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันที่ใช้เป็นชนิดเดียวกับที่ทำการทดสอบล้วนๆ จึงจะเริ่มการทดสอบได้
หัวข้อทดสอบ
เราแบ่งหัวข้อการทดสอบออกเป็น 2 หัวข้อหลัก คือ
1. การทดสอบอัตราเร่ง และ
2. การทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
การทดสอบอัตราเร่ง เราแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อย่อย ได้แก่
1. อัตราเร่ง "ตีนต้น" (0-100 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-400 ม.)
2. อัตราเร่ง "ตีนปลาย" (0-160 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-1,000 ม.) และ
3. อัตราเร่งแซง "ยืดหยุ่น" (60-100, 80-120 และ 40-120 กม./ชม.) โดยทดสอบหัวข้อละ 3 ครั้ง แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย
การทดสอบอัตราสิ้นเปลือง เราแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อย่อย ได้แก่ 1. ขณะวิ่ง ความเร็วคงที่ (60/80/100 และ 120 กม./ชม.) 2. ขณะกดคันเร่งสุด (0-1,000 ม. 40-120, 60-100 และ 80-120 กม./ชม.) และ 3. ขณะจอดนิ่งอยู่กับที่ โดยทดสอบหัวข้อละ 10 ครั้ง แบ่งเป็นการวิ่งขึ้นทิศเหนือ 5 ครั้ง และวิ่งลงทิศใต้อีก 5 ครั้ง หลังจากนั้นนำมาหาค่าเฉลี่ย เพื่อลดตัวแปรด้านทิศทางลม และความชันของพื้นผิวถนน
ผลที่ได้จากการทดสอบ ฮอนดา ซีวิค 2.0 และ โตโยตา แคมรี 2.4 จากการใช้น้ำมันทั้ง 4 ประเภทพอสรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้
ฮอนดา ซีวิค 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ
การทดสอบอัตราเร่ง (วินาที) แกสโซฮอล 91 เบนซิน 91 แกสโซฮอล 95 เบนซิน 95
ตีนต้น
0-100 (กม./ชม.) 10.6 10.8 10.6 10.5
0-400 (ม.) 17.7 17.8 17.7 17.6
ตีนปลาย
0-160 (กม./ชม.) 27.7 27.9 27.2 26.6
0-1,000 (ม.) 31.9 32.0 31.8 31.7
ยืดหยุ่น
60-100 (กม./ชม.) 6.7 6.8 6.8 6.7
80-120 8.3 8.3 8.2 8.5
40-120 12.6 12.6 12.5 12.6
การทดสอบอัตราสิ้นเปลือง (กม./ลิตร.)
วิ่งความเร็วคงที่ (กม./ชม.)
60 17.6 20.2 21.4 21.1
80 16.2 18.1 17.8 17.8
100 14.7 15.6 15.7 15.5
120 11.8 13.0 12.5 12.9
กดคันเร่งสุด
0-1,000 (ม.) 2.8 2.7 2.8 2.8
60-100 (กม./ชม.) 2.4 2.3 2.4 2.4
80-120 2.6 2.6 2.7 2.7
40-120 2.1 2.1 2.2 2.2
ขณะจอดนิ่ง (ลิตร/ชม.)
ปิดแอร์ 0.9 0.8 0.8 0.8
เปิดแอร์ 1.1 1.0 1.0 1.0
จากการทดสอบ ฮอนดา ซีวิค 2.0 ลิตร เติม แกสโซฮอล 91 กับ เบนซิน 91 พบว่า
1. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงบวกเพียงเล็กน้อยต่ออัตราเร่งทั้ง "ตีนต้น" "ตีนปลาย" และ "ยืดหยุ่น" (แกสโซฮอล 91 ใช้เวลาในการเร่งน้อยกว่า เบนซิน 91)
2. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงบวกเพียงเล็กน้อยต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะทดสอบกดคันเร่งสุดที่ความเร็วต่างๆ (แกสโซฮอล 91 ได้ระยะทางมากกว่า เบนซิน 91)
3. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงลบต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะวิ่ง ความเร็วคงที่ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่างกันอยู่พอสมควร (แกสโซฮอล 91 ได้ระยะทางน้อยกว่า เบนซิน 91)
และเมื่อทดสอบกับ แกสโซฮอล 95 กับ เบนซิน 95 พบว่า
1. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงลบเพียงเล็กน้อยต่ออัตราเร่งทั้ง "ตีนต้น" "ตีนปลาย" และ "ยืดหยุ่น" (แกสโซฮอล 95 ใช้เวลาในการเร่งมากกว่า เบนซิน 91 เล็กน้อย)
2. การใช้แกสโซฮอลไม่มีผลกระทบต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะทดสอบกดคันเร่งสุดที่ความเร็วต่างๆ
3. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงบวกต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะวิ่งที่ความเร็วคงที่ 60 และ 100 กม./ชม. แต่มีผลกระทบเชิงลบที่ความเร็วคงที่ 120 กม./ชม.
โตโยตา แคมรี 2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ
การทดสอบอัตราเร่ง (วินาที) แกสโซฮอล 91 เบนซิน 91 แกสโซฮอล 95 เบนซิน 95
ตีนต้น
0-100 (กม./ชม.) 11.1 10.8 10.5 10.7
0-400 (ม.) 18.0 17.8 17.7 17.7
ตีนปลาย
0-160 (กม./ชม.) 29.6 28.1 27.5 27.8
0-1,000 (ม.) 32.5 32.1 31.9 32.0
ยืดหยุ่น
60-100 (กม./ชม.) 6.7 7.0 6.8 6.8
80-120 8.7 8.7 8.7 8.6
40-120 13.5 13.5 13.7 13.6
การทดสอบอัตราสิ้นเปลือง (กม./ลิตร.)
วิ่งความเร็วคงที่ (กม./ชม.)
60 17.8 17.9 18.2 18.1
80 16.6 17.1 16.1 16.3
100 15.8 16.3 15.6 15.7
120 13.0 13.1 12.7 13.5
กดคันเร่งสุด
0-1,000 (ม.) 2.5 2.6 2.7 2.6
60-100 (กม./ชม.) 2.0 2.0 2.1 2.0
80-120 2.4 2.4 2.5 2.4
40-120 2.1 2.1 2.2 2.1
ขณะจอดนิ่ง (ลิตร/ชม.)
ปิดแอร์ 0.7 0.7 0.7 0.8
เปิดแอร์ 1.2 1.0 1.0 1.0
จากการทดสอบ โตโยตา แคมรี 2.4 ลิตร เติม แกสโซฮอล 91 กับ เบนซิน 91 พบว่า
1. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงลบต่ออัตราเร่งทั้ง "ตีนต้น" "ตีนปลาย" อยู่พอสมควร แต่ไม่มีผลกระทบต่ออัตราเร่งแซง "ยืดหยุ่น" (ยกเว้นช่วงความเร็ว 60-100 กม./ชม. 91 แกสโซฮอลทำเวลาได้เร็วกว่า)
2. การใช้แกสโซฮอลไม่มีผลกระทบต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะทดสอบกดคันเร่งสุดที่ความเร็วต่างๆ
3. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงลบต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะวิ่งที่ความเร็วคงที่ โดยเฉพาะช่วงความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. (แกสโซฮอล 91 วิ่งได้ระยะทางสั้นกว่า)
และเมื่อทดสอบกับ แกสโซฮอล 95 กับ เบนซิน 95 พบว่า
1. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงบวกเพียงเล็กน้อยต่ออัตราเร่งทั้ง "ตีนต้น" "ตีนปลาย" และ "ยืดหยุ่น" (แกสโซฮอล 95 ทำเวลาได้ดีกว่า)
2. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงบวกเพียงเล็กน้อยต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะทดสอบกดคันเร่งสุดที่ความเร็วต่างๆ (แกสโซฮอล 95 ได้ระยะทางมากกว่า)
3. การใช้แกสโซฮอลมีผลกระทบเชิงลบเพียงเล็กน้อยต่ออัตราสิ้นเปลืองขณะวิ่ง ความเร็วคงที่ 80/100/120 กม./ชม. (ยกเว้นช่วงความเร็วสูง 120 กม./ชม. แกสโซฮอล 95 กินมากกว่า)
บริษัทน้ำมัน ไขปัญหาแกสโซฮอล
นอกจากการทดสอบ "ฟอร์มูลา" ยังตระเวนไปขอคำตอบจาก 3 ผู้บริหาร บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ได้แก่ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ใน 5 คำถาม เรื่องแกสโซฮอล
เชาวลิต มหาทุมะรัตน์ ที่ปรึกษาวิชาการอาวุโส ภาคพื้นเอเชียวิบูลย์ พึงประเสริฐ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
ฟอร์มูลา : เมื่อใช้แกสโซฮอล รถจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงขึ้นจริงหรือไม่ อย่างไร ?
เชาวลิต : แกสโซฮอลถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้ผู้บริโภคจับตามองการใช้งานมาก เมื่อมีผลอะไรเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาง่ายๆ
สำหรับแกสโซฮอล เป็นเบนซินที่เราพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทนเบนซินไร้สารตะกั่ว ซึ่งมีองค์ประกอบต่างกัน ในเบนซินมี เอมทีบีอี เป็นตัวเพิ่มออคเทน ส่วนแกสโซฮอลใช้เอธานอล เป็นตัวเพิ่มออคเทน เอธานอลให้พลังงานน้อยกว่า เอมทีบีอี แต่ไม่ได้น้อยกว่ามากขนาดที่เขาพูดกัน ในทางทฤษฎีจะต่างกันอยู่ร้อยละ 1.6-1.8 เท่านั้น ซึ่งในอัตรานี้ ถ้าขับขี่แบบทั่วไปจะแทบไม่รู้สึก เพราะอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน จะขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบด้วยกัน ไม่มีใครสามารถตอบได้ แม้กระทั่งคนขับคนเดียวกัน ขับวันนี้ กับวันพรุ่งนี้ *อัตราการกินน้ำมันของรถ *แม้จะใช้น้ำมันอย่างเดียวกัน จะต่างกัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากจะคิดเรื่องการกินน้ำมันของเครื่องยนต์โดยเทียบกับแกสโซฮอล เป็นหลัก คงตอบได้ว่า อาจกินเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย ในอัตราที่แทบไม่รู้สึก
ฟอร์มูลา : เมื่อคำนวณจากอัตราสิ้นเปลืองกับราคาขายปลีกที่ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 3.50 บาท การใช้แกสโซฮอล จะช่วยให้เจ้าของรถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้มากน้อยแค่ไหน
อย่างไร ?
เชาวลิต : ผมอยากให้มองอย่างนี้ว่า ส่วนใหญ่เวลาเราเติมน้ำมัน จะเติมตามจำนวนเงินที่เราต้องการ เช่น 500 บาท หรือ เติมเต็มถัง เราไม่เคยเติมเป็นลิตรเลย เพราะฉะนั้น เราจ่ายไป 500 บาท ผมรับประกันเลยว่าในจำนวนเงินที่เท่ากัน สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่าเบนซิน 95 แน่นอน แต่ที่ผู้บริโภครู้สึกว่าอัตราการสิ้นเปลืองสูงกว่า น่าจะมาจากปัจจัยด้านอื่นๆ
ฟอร์มูลา : คุณมีความเห็นอย่างไรกับความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้รถเก่า และรถที่ไม่สามารถใช้แกสโซฮอลได้ หากรัฐบาลยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 95 ?
เชาวลิต : ถ้าหากเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์ เขารับรองย้อนหลังไปถึงปี 1986 ส่วนรถเก่าตระกูลญี่ปุ่น ย้อนไปตั้งแต่ปี 1995 มีอยู่ 2 ประเภท คือ รถที่สามารถปรับปรุงเครื่องยนต์ได้ กับรถที่ปรับปรุงไม่ได้เลย
เท่าที่สำรวจกันมา รถเก่าที่ใช้แกสโซฮอลไม่ได้ และบริษัทรถยนต์ไม่รับรองมีอยู่ประมาณ 50,000 กว่าคัน และในทั้งหมดนี้ มี 3 หมื่นกว่าคัน ที่สามารถปรับปรุงอุปกรณ์ภายในได้ ฉะนั้นรถทั้งประเทศจึงเหลือประมาณ 13,000 คัน ที่ไม่สามารถใช้แกสโซฮอลได้ ในจำนวนนี้ รัฐบาลกำลังหาทางออกอยู่ว่าจะให้ความช่วยเหลือ หรือดัดแปลงอย่างไร แต่สิ่งที่เราเป็นห่วง คือ รถใหม่อีกจำนวนมากที่ยังไม่ยอมใช้แกสโซฮอล ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเจ้าของรถว่าจะมั่นใจแค่ไหน
ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ มีการรับประกันคุณภาพแกสโซฮอลให้แก่ผู้ใช้หรือไม่ อย่างไร ?
วิบูลย์ : จากการที่เราทำวิจัยในครั้งแรกๆ ก่อนจะออกเคมเปญรับประกันการใช้แกสโซฮอล พบว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่มีใครรู้จักแกสโซฮอล เพราะสมัยนั้นยังเป็นของใหม่อยู่ โดยมากจะคิดว่าเป็นแกส อาจจะไปทำให้เครื่องยนต์เสียหาย เราอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้คนหันมาใช้ โดยผลวิจัยของเราพบว่า 1. เรื่องของราคา ถ้าส่วนต่างมากพอ ก็อาจจะตัดสินใจใช้ 2. ถ้าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ออกมารับรอง เขาก็เชื่อมั่นในระดับหนึ่ง 3. บริษัทน้ำมัน ถ้าบริษัทน้ำมันออกมารับประกันว่าใช้ได้ ก็อาจจะใช้
ตอนนั้นยังไม่มีใครออกมาพูดถึงเรื่องการรับประกันการใช้แกสโซฮอล เราออกมารับประกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งหลังจากที่เราออกมารับประกัน พบว่าโดนใจผู้บริโภคมาก เพราะเมื่อบริษัทรถยนต์ออกมาบอกว่าใช้ได้แล้ว แต่บริษัทน้ำมันยังไม่ได้รับกัน เราเลยรับประกันว่า ถ้าบริษัทรถยนต์ระบุว่ารุ่นไหนใช้ได้ เราก็พร้อมบอกว่าคุณภาพน้ำมันที่ใช้ไม่ทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
พอเราออกเคมเปญรับประกันคุณภาพแกสโซฮอล ทำให้ตลาดเติบโตมากขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลปรับส่วนต่างราคาจาก 1 บาท เป็น 1.50 บาท จนปัจจุบันต่างกันถึง 3.50 บาท ส่งผลให้สัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 50 แต่ยังมีลูกค้าอีกครึ่งหนึ่งที่เคยใช้เบนซิน 95 ไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้ เนื่องจากยังไม่เชื่อมั่นพอ รวมถึงราคายังไม่จูงใจ ฉะนั้น รัฐบาลจึงออกมารณรงค์ให้บริษัทน้ำมันเจ้าอื่นๆ ออกแคมเปญการรับประกันการใช้อย่าง เชลล์ เราคือผู้บุกเบิกการรับประกันแกสโซฮอลคนแรก สรุปแล้ว คือ เรารับประกันรถยนต์ทุกคันที่อยู่ในเวบไซท์ของกรมธุรกิจพลังงาน และเวบไซท์ของ เชลล์ เอง
ฟอร์มูลา : หากไม่มีการจำหน่ายเบนซิน 95 แกสโซฮอลจะมีราคาขายปลีกเทียบเท่ากับปัจจุบัน (ถูกกว่าเบนซิน 95/3.50 บาท) หรือไม่ อย่างไร ?
เชาวลิต : คงตอบแทนรัฐบาลไม่ได้ เพราะโครงสร้างภาษี รัฐบาล และหน่วยงานที่ดูแลจะเป็นผู้กำหนด และถ้าถึงตอนนั้นแล้ว บริษัทไม่มีอย่างอื่นมาเปรียบเทียบ แกสโซฮอล 95 จะอยู่โดดเดี่ยว เราจะไม่รู้ว่าราคาจะถูกหรือแพงขนาดไหน เพราะตอนนี้มีเบนซิน 95 มาเปรียบเทียบ จึงเห็นว่าราคามันต่างกัน
ยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายตลาดค้าปลีก บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
ฟอร์มูลา : เมื่อใช้แกสโซฮอล รถจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงขึ้นจริงหรือไม่ อย่างไร ?
ยอดพจน์ : ตามหลักวิชาการ ตัวเอธานอลจะให้พลังงานความร้อนน้อยกว่าน้ำมันร้อยละ 30 ฉะนั้นในส่วนนี้จะสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่า หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า กินน้ำมันมากกว่า แต่แกสโซฮอลบ้านเรา ผสมด้วยเอธานอลแค่ร้อยละ10 ที่เหลือ คือ เบนซินล้วนๆ ดังนั้นร้อยละ10 ของร้อยละ 30 คือ แค่ร้อยละ 3 ถ้าพูดเชิงวิชาการก็แปลว่าแกสโซฮอล ร้อยละ 10 กินน้ำมันมากกว่าเบนซินแค่ร้อยละ 3 เท่านั้น
ฟอร์มูลา : เมื่อคำนวณจากอัตราสิ้นเปลืองกับราคาขายปลีกที่ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 3.50 บาท การใช้แกสโซฮอล จะช่วยให้เจ้าของรถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร ?
ยอดพจน์ : ถ้าราคาแกสโซฮอลวันนี้ 27 บาท และตามหลักวิชาการแกสโซฮอลจะกินน้ำมันมากกว่าเบนซินร้อยละ 3 คือ 80 สตางค์/ลิตร แต่แกสโซฮอล 95 ถูกกว่า เบนซิน 95 3.50 บาท คำนวณออกมาแล้ว ก็ยังถูกกว่า 2.70 บาท ถ้าเติมน้ำมัน 40 ลิตร จะประหยัดได้ 100 กว่าบาท เดือนหนึ่งเติม 4 ครั้ง ประหยัดกว่า 400 บาท
ฟอร์มูลา : คุณมีความเห็นอย่างไรกับความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ใช้รถเก่า และรถที่ไม่สามารถใช้แกสโซฮอลได้ หากรัฐบาลยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 95 ?
ยอดพจน์ : บางจาก ฯ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้ โดยเราร่วมทดสอบกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดย ดร. จินดา เจริญพรพาณิชย์ ระหว่างเบนซิน 91 กับแกสโซฮอล 91 กับรถยนต์ ฮอนดา ซีวิค ปี 2007 วิ่งบนห้องทดลอง 10,000 กม. พบว่าการใช้งานของเครื่องยนต์ที่ผู้บริโภคกลัวว่าใช้แกสโซฮอลแล้วเครื่องยนต์จะพัง ใช้แล้วเครื่องยนต์จะวิ่งไม่ดี ไม่แรง และใช้แล้วไม่ประหยัด ผลปรากฏว่า 3 หัวข้อเทียบกัน เครื่องยนต์ไม่มีปัญหา ไม่พบความแตกต่าง ในเรื่องของการขับเคลื่อน ก็ปกติ ไม่มีปัญหา และสุดท้ายในเรื่องความประหยัด ปรากฏว่า ผลออกมากลับไม่จริง (หมายถึงร้อยละ 3 ตามทฤษฎี) เพราะความจริงแล้วเท่ากัน ไม่ได้กินน้ำมันมากกว่า
เราเองในฐานะบริษัทน้ำมัน และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นคนกลางก็มีผลทดสอบออกมาไม่ต่างกัน แต่ถ้าประชาชนจะรู้สึกว่าทำไมมันไม่ประหยัด นั่นมาจากผลของการใช้น้ำมันที่มีเอธานอลผสม การเผาไหม้จะดีกว่าตัวเนื้อน้ำมัน ดังนั้นการสันดาปเครื่องยนต์ในห้องเครื่อง จะเผาไหม้หมดจดกว่า ลื่นกว่า ใช้แล้วขับดีขึ้น ทำให้ขับเร็วขึ้นไปเองโดยอัตโนมัติ
ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ มีการรับประกันคุณภาพแกสโซฮอลให้แก่ผู้ใช้หรือไม่ อย่างไร ?
ยอดพจน์ : วันนี้บางจาก ฯ ออกมารับประกันแล้วว่า ถ้าใช้แกสโซฮอล 95 และ 91 กับรถยนต์หัวฉีดทุกรุ่น ถ้าเครื่องเสียจากน้ำมันของเรา ยินดีซ่อมให้ฟรีในมูลค่าถึง 100,000 บาท แถมวันนี้รถเก่าที่ใช้คาร์บูเรเตอร์ เราก็รับประกันด้วย ถ้าใช้แล้วเสีย จะเปลี่ยนลูกยางให้ทั้งหมด เพราะตัวเครื่องไม่พังแน่ แต่ที่จะมีปัญหาคงเป็นลูกยางที่อยู่ในเครื่องยนต์ ฉะนั้นที่บอกว่ารถเก่าใช้ไม่ได้ จริงๆ แล้วใช้ได้ แต่รับประกันถึงเดือนมิถุนายน 2551 เท่านั้น
ฟอร์มูลา : หากไม่มีการจำหน่ายเบนซิน 95 แกสโซฮอลจะมีราคาขายปลีกเทียบเท่ากับปัจจุบันหรือไม่ อย่างไร ?
ยอดพจน์ : ราคาพลังงานทดแทนทั้งโลก ไม่ถูก การผลิตพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นแกสโซฮอล หรือไบโอดีเซล แพงกว่าเบนซิน และดีเซลทั่วไป เพราะด้วยความไม่แน่นอนของต้นทุนวัตถุดิบ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามพืชผลการเกษตร ฉะนั้นมันมีการขึ้น/ลงตามสภาพการแข่งขันของตลาดโลก จึงต้องใช้โครงสร้างภาษี หรือเงินกองทุนมาอุดหนุน เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้ก่อน ในขณะเดียวกันก็จูงใจให้ผู้ค้าน้ำมันผลิตพลังงานทดแทนออกมามากๆ
รัฐบาลนำโครงสร้างเงินกองทุนภาษีมาอุดหนุน แล้วทำในลักษณะส่งเสริมการขาย ให้คนหันมาใช้พลังงานทดแทน เพราะถ้าราคาเท่ากันคนจะไม่กล้าเติม แต่ถ้าราคาถูกกว่าเขาจะกล้าทดลอง และถ้าทดลองไประยะหนึ่งประชาชนจะเข้าใจเองว่าใช้แล้วไม่มีปัญหา จากนั้นถ้ามีการยกเลิกเบนซิน 95 จริง ราคาแกสโซฮอลจะไม่ถูกอย่างนี้ต่อไป เพราะเงินกองทุนที่ชดเชยอยู่ จะถูกนำไปใช้ในวิธีการอื่น เพราะกระทรวงพลังงานมีเงินกองทุนไว้อุดหนุนเรื่องการบริหารพลังงานทั้งหมด ฉะนั้นถ้ายกเลิกเบนซิน 95 ในอนาคตราคาขายของแกสโซฮอล 95 คงมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าวันนี้แน่นอน
ชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ฟอร์มูลา : เมื่อใช้แกสโซฮอล รถจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงขึ้นจริงหรือไม่ อย่างไร ?
ชัยวัฒน์ : ที่จริงแล้วแกสโซฮอลมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเบนซิน แต่มีค่าความร้อนต่ำกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีแกสออกซิเจนซึ่งเป็นสารไม่ให้พลังงานความร้อน แต่ช่วยทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์เป็นองค์ประกอบอยู่ส่วนหนึ่ง ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของแกสโซฮอลจะมากกว่าเบนซินอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งผู้ขับขี่ที่ใช้แกสโซฮอลแทบจะไม่รู้สึก และการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไม่ได้มาจากชนิดของเชื้อเพลิงอย่างเดียว ยังขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ของแต่ละบุคคล สภาพของรถยนต์ การจราจร และความเร็วในการขับขี่ด้วย
ฟอร์มูลา : เมื่อคำนวณจากอัตราสิ้นเปลืองกับราคาขายปลีกที่ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 3.50 บาท การใช้แกสโซฮอล จะช่วยให้เจ้าของรถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร ?
ชัยวัฒน์ : เมื่อเปรียบเทียบการใช้แกสโซฮอลกับเบนซินแล้ว ยังถือว่า แกสโซฮอล ช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดได้มากกว่า และคุ้มค่ากว่า โดยเปรียบเทียบราคาจำหน่าย แกสโซฮอล ณ วันที่ 14 กค. 2550 มีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 3.50 บาท หรือถูกกว่า 11.67 % สามารถช่วยประหยัดเงินผู้ใช้ได้มากกว่า นอกจากนี้ ในส่วนแกสโซฮอล 91 ยังถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 91 อยู่ 3.50 บาท/ลิตร หรือถูกกว่าถึง 13.62 % ซึ่งการหันมาใช้ "แกสโซฮอล" นอกจากจะช่วยประหยัดเงินแล้ว ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยประเทศชาติประหยัดเงินตรา ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงลงได้ด้วย
ฟอร์มูลา : คุณมีความเห็นอย่างไรกับความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้รถเก่า และรถที่ไม่สามารถใช้แกสโซฮอลได้ หากรัฐบาลยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 95 ?
ชัยวัฒน์ : โดยปกติทั้งภาครัฐและเอกชนได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบรายละเอียดรุ่นรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่สามารถใช้แกสโซฮอลได้ทันที โดยไม่มีปัญหาและไม่ต้องมีการปรับแต่งเครื่องยนต์แต่อย่างใด โดยรายชื่อ และรุ่นรถที่ได้รับการรับรองเป็นไปตามประกาศของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและบริษัทรถจักรยานยนต์ สามารถดูได้ในเวบไซท์ www.pttplc.com ซึ่งสำหรับรถเก่าที่ผลิตก่อนปี 1995 และอยู่นอกเหนือจากที่ประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็นรถที่เป็นระบบเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ หรือระบบหัวฉีด หากมีการบำรุงรักษาระบบเชื้อเพลิงอย่างดี โดยใช้อะไหล่แท้จากโรงงาน ก็สามารถใช้งานกับแกสโซฮอลได้ เว้นแต่กรณีที่ผู้ใช้รถไม่ดูแลบำรุงรักษา ใช้อะไหล่เทียม นอกจากนี้ รถเก่าบางคันอาจต้องมีการปรับแต่งเครื่องยนต์ เปลี่ยนอะไหล่ หรืออุปกรณ์บางประการ เพื่อให้สามารถใช้เบนซิน หรือใช้แกสโซฮอลได้ สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปี ขึ้นไป แนะนำให้ใช้น้ำมันเบนซิน 91 ทดแทนได้เลย เนื่องจากรถจักรยานยนต์ไม่ได้ต้องการค่าออคเทนสูงถึง 95
ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ มีการรับประกันคุณภาพแกสโซฮอลให้แก่ผู้ใช้หรือไม่ อย่างไร ?
ชัยวัฒน์ : ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ได้ออกมายืนยันในมาตรฐานคุณภาพของปตท. ภายใต้ชื่อ "พีทีที แกสโซฮอล 91 พลัส และ พีทีที แกสโซฮอล 95 พลัส" ผ่านสื่อต่างๆ เสมอว่า
แกสโซฮอลของ ปตท. สามารถใช้กับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตามรายชื่อ และรุ่นรถที่ได้รับการรับรองตามประกาศของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัทรถจักรยานยนต์ โดยไม่มีปัญหา และไม่ต้องมีการปรับแต่งเครื่องยนต์แต่อย่างใด โดยการรับประกันของ ปตท. กำหนดเงื่อนไขเฉพาะแกสโซฮอลที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เท่านั้น ซึ่งผู้บริโภคจะต้องแสดงหลักฐาน (ใบเสร็จรับเงิน) และหากพิสูจน์ได้ว่าปัญหาเกิดจากแกสโซฮอลของ ปตท. เราก็พร้อมรับประกันให้ในส่วนของค่าซ่อม ฯ ตามเงื่อนไขที่ ปตท. ระบุไว้ที่เวบไซท์ www.pttplc.com และสามารถแจ้งปัญหาร้องเรียนผลิตภัณฑ์ และบริการของ ปตท. ได้ที่ CALL CENTER โทร.1365
ฟอร์มูลา : หากไม่มีการจำหน่ายเบนซิน 95 แกสโซฮอลจะมีราคาขายปลีกเทียบเท่ากับปัจจุบัน (ถูกกว่าเบนซิน 95/3.50 บาท) หรือไม่อย่างไร ?
ชัยวัฒน์ : คงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของกระทรวงพลังงาน เพราะทุกวันนี้ส่วนหนึ่งที่ราคาแกสโซฮอลถูกกว่าน้ำมันเบนซินลิตรละ 3.50 บาท มาจากการเรียกเก็บอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนที่ไม่เท่ากัน คือ เรียกเก็บแกสโซฮอลต่ำกว่า ดังนั้นในอนาคตหากรัฐ ฯ ยังคงเก็บเงินเข้ากองทุนในอัตราเดิมสำหรับแกสโซฮอล ราคาขายปลีกก็คงยังคงอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับปัจจุบัน และถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นไปตามราคาน้ำมัน และเอธานอลในตลาดโลก ผมดูแล้วผู้บริโภคไม่น่าห่วง เพราะความจำเป็นที่รัฐ ฯ จะเก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมันมีน้อย เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้หนี้เข้ากองทุนน้ำมันเกือบหมดแล้ว
ในภาวะวิกฤติพลังงานเช่นนี้ ทุกคนในชาติต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปตท. ขอเชิญชวนประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นแกสโซฮอล 95 ซึ่งปัจจุบัน ปตท. ให้บริการ ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ครบทุกแห่งทั่วประเทศ ประมาณ 1,200 แห่ง แกสโซฮอล 91 ประมาณ 230 แห่ง ไบโอดีเซล ประมาณ 160 แห่ง และ ซีเอนจี ประมาณ 135 แห่ง (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน มิย. '50) ซึ่งนอกจากช่วยประเทศชาติสูญเสียเงินจากการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ลดภาระค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงของตนเอง และช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังเป็นพลังงานที่สามารถผลิตขึ้นเองในประเทศ ช่วยเกษตรกร ยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตรอีกด้วย
เรื่องควรรู้ เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำมันในประเทศไทย
ปีนี้กับปีที่แล้ว บ้านเราใช้น้ำมันต่างกันอย่างไร ?
ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2550 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 มีการใช้เบนซิน และแกสโซฮอลเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 แต่ถ้าดูเฉพาะเบนซิน 95 จะมียอดการใช้ลดลง จากวันละ 4.6 ล้านลิตร เหลือวันละ 3.6 ล้านลิตร ซึ่งน่าจะเกิดจากราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการส่งเสริมการใช้แกสโซฮอลจากรัฐบาล
โดยทั้งประเทศใช้แกสโซฮอลเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 คือ จากวันละ 3.5 ล้านลิตร ในปี 2549 เป็น 3.7 ล้านลิตร ในปี 2550 โดยเฉพาะเดือนเมษายนที่ใช้แกสโซฮอลกันถึงวันละ 4 ล้านลิตร และน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการรณรงค์ในสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการพยายามดึงราคาแกสโซฮอลลงมาให้ต่ำกว่าเบนซินมากขึ้น
แล้วทำไมราคาน้ำมันบ้านเราถึงแพง ?
การนำเข้าพลังงานเป็นหลักถึงร้อยละ 80 ของการใช้พลังงานทั้งหมดในประเทศ ส่งผลให้เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น เราจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยในปี 2549 เราต้องนำเข้าพลังงานมากกว่า 900,000 ล้านบาท
ระหว่างปี 2547 ถึงกลางปี 2548 ปี รัฐบาลในขณะนั้น ตัดสินใจควักเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไป "อุ้ม" ราคาน้ำมัน ถึง 6,000 ล้านบาท เพื่อหวังลดผลกระทบที่มีต่อประชาชน
แต่กระนั้น ปี 2549 ราคาน้ำมันขายปลีกบ้านเรา ก็ยังพุ่งพรวดสูงสุดถึง 30.59 บาท/ลิตร จนปัจจุบัน ผู้ใช้รถต้องมีหน้าที่ในการทยอยจ่ายเงินคืนให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งสิ้นกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้จากภาระดอกเบี้ยเงินกู้ของการ "อุ้ม" ครั้งนั้น โดยผู้ใช้แทบไม่รู้ตัว
ปัจจุบัน เราใช้หนี้กองทุนน้ำมันอย่างไร ?
กระทรวงพลังงานในรัฐบาลชุดปัจจุบัน มีนโยบายเร่งชำระหนี้การตรึงราคาน้ำมันให้หมดสิ้นโดยเร็ว จึงมีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเบนซิน แกสโซฮอล ดีเซล และไบโอดีเซล จากเพดานสูงสุดไม่เกิน 2.5 บาท/ลิตร เป็นไม่เกิน 4 บาท/ลิตร อีกทั้งยังใช้สำหรับการส่งเสริมพลังงานทดแทน อย่างเช่น แกสโซฮอล และไบโอดีเซล ซึ่งจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันน้อยกว่าเบนซิน และดีเซล 2-6 เท่าตัว
การเพิ่มเพดานการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้เดือน พฤษภาคม 2550 เบนซิน 95 ส่งเงินเข้ากองทุน 3.46 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ส่งเงินเข้ากองทุน 3.26 บาท/ลิตร ขณะที่แกสโซฮอล 95 และ 91 ส่งเงินเข้ากองทุนเพียง 0.60 บาท/ลิตร ส่วนดีเซล ส่งเงินเข้ากองทุน 1.50 บาท/ลิตร ไบโอดีเซล ส่งเงินเข้ากองทุน 0.30 บาท/ลิตร
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กันยายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/14399