เกีย คว้ารางวัลรถยอดเยี่ยม ตลอดปี 2006 รายงานข่าวจาก เกีย มอเตอร์ คอร์พอเรชัน ประเทศเกาหลี แจ้งว่า ในรอบปี 2006 รถรุ่นต่างๆ ของ เกีย คว้ารางวัลต่างๆ มากมาย แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการทำงานและความพยายามในการคิดค้นออกแบบของทีมงาน โดยพัฒนารถ เกีย ให้มีประสิทธิภาพ และทรงคุณค่าในด้านต่างๆ สำหรับรถที่ได้รับรางวัลต่างๆ อาทิเช่น เกีย อมันตี (AMANTI) คว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมในกลุ่มรถขนาดใหญ่ และรุ่น สเปคทรา (SPECTRA) คว้ารางวัลเกียรติยศร่วมกันในกลุ่มรถขนาดเล็ก จากการสำรวจเจ้าของรถรุ่นใหม่ ในสหรัฐ ฯ จำนวน 90,000 ราย เกีย คาร์นิวัล ใหม่ คว้ารางวัลมาตรฐานความปลอดภัย 5 ดาว จาก NHTSA (สหรัฐอเมริกา) จากการทดสอบประสิทธิภาพการชนล่าสุด สำหรับตำแหน่งเบาะทุกที่นั่ง ทั้งจากด้านหน้าและข้าง ส่วน เกีย รีโอ รุ่นสปอร์ท ซีดาน และ 5 ประตู แฮทช์แบค ติดอันดับด้านคุณภาพมาตรฐานรถใหม่ ประเภทรถกลุ่มซับคอมแพคท์ ที่มีปัญหาน้อยที่สุด จากการตรวจพบปัญหา 137 ปัญหาเท่านั้นต่อรถ 100 คัน จากการสำรวจของ เจดี เพาเวอร์ และสมาคมศึกษาคุณภาพขั้นต้น ปี 2006 (IQS) ในสหรัฐ ฯ พร้อมๆ กับได้รับการโหวทให้เป็นรถที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด จากสมาคมยานยนต์แห่งรัฐ ออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมีรถรุ่นอื่นๆ ที่กวาดรางวัลมากมาย เช่น เกีย ออพทิมา (OPTIMA) ได้รับรางวัลความปลอดภัยสูงสุดระดับ "GOOD" หลังจากผ่านการทดสอบการชนจากสถาบันประกันภัยสำหรับความปลอดภัยบนทางหลวง (IIHS) โดยทดสอบการชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เกีย สปอร์เทจ คว้ารางวัลรถคุ้มค่าสำหรับบัณฑิตใหม่จากการสำรวจของเวบไซท์ www.cnnmoney.com โดยมีข้อกำหนดดังนี้ รถแต่ละคันมีราคาต่ำกว่า 16,000 เหรียญสหรัฐ ฯ, ประหยัดเชื้อเพลิง, เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งาน ส่วน เกีย โซเรนโต ก็ได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีจากนิตยสาร AUTOCAR ASEAN พร้อมๆ กับได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2007 ซึ่งจัดโดยนิตยสารยานยนต์ที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ ที่ได้เสนอให้ เกีย รับรางวัลพิเศษที่ได้ริเริ่มให้การรับประกันรถยนต์เป็นเวลา 7 ปี สำหรับรถ เกีย รุ่นใหม่ทุกเวอร์ชันของรุ่น ซี'ด ในตลาดยุโรป นิตยสาร AUTOCAR ประกาศอย่างเป็นทางการว่า "การรับประกันนี้เป็นข้อเสนอที่ โดดเด่นเหนือกว่าธรรมดา เป็นการบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของ เกีย และควรได้รับเกียรติจากรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีจากเรา" จีเอม เตรียมเทคโอเวอร์ ไครสเลอร์ ไครสเลอร์ (CHRYSLER) ต้องประกาศขายหุ้นเมื่อขาดทุนถึง 740 ล้านปอนด์ในปีที่แล้ว ส่วนผู้บริหารของค่าย โฟล์คสวาเกน , ฮันเด, เฟียต, เปอโฌต์/ซีตรอง และเรอโนลต์ ที่จะเข้าไปซื้อหุ้นของ ไครสเลอร์ มีอันต้องถอยฉากออกทันที เมื่อทราบว่าค่าย จีเอม (GM) จะเข้าไปเทคโอเวอร์ โดยเน้นบแรนด์ ดอดจ์ กับ จีพ เป็นหลัก ส่วนบแรนด์อื่นๆ ของ ไครสเลอร์ นั้น มีไว้เป็นไม้ประดับ เพื่อลดคู่แข่งในตลาดสหรัฐอเมริกา ให้น้อยลงเท่านั้น ไครสเลอร์ เตรียมถูกโละ หลังเจอมรสุมลูกใหญ่ หลังการประชุมใหญ่ของบริษัท ฯ เมื่อเร็วๆนี้ ไดมเลร์ ไครสเลอร์ ได้ประกาศขาย ไครสเลอร์ (CHRYSLER) โดยเปิดประมูลกิจการของ ไครสเลอร์ หลังจากที่ประสบปัญหาการบริหารมากมาย ทั้งความแตกต่างทางวัฒนธรรมองค์กร และค่าใช้จ่ายด้านเงินสวัสดิการพนักงาน ล่าสุดยังไม่มีการเปิดเผยชื่อบริษัทที่ชนะการประมูลเพื่อบริหาร ไครสเลอร์ ต่อไป ตัวเต็งที่มาแรงที่สุด คือ แมกนา (MAGNA) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ จีพ และไครสเลอร์ ในยุโรป อีกสองกลุ่มที่คู่คี่กัน คือ เซอร์เบรัส (CERBERUS) ที่ได้ตัว โวล์ฟกัง เบร์นฮาร์ด อดีตบอสส์ใหญ่ของค่าย โฟล์คสวาเกน ไปเป็นผู้บริหาร ส่วนอีกรายคือ กลุ่มสถาบันการเงิน แบลคสโตน (BLACKSTONE) กับเซนเตอร์บริดจ์ (CENTERBRIDGE) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์โดยตรง ไครสเลอร์ จะทำรายได้ให้กับ ไดมเลร์ ไครสเลอร์ อย่างน้อย 4 พันล้านเหรียญสรอ. บีเอมดับเบิลยู เมินเครื่องยนต์ไฮบริด ! วิศวกรใหญ่ของค่ายใบพัดฟ้า บีเอมดับเบิลยู เปิดเผยว่า ทางบริษัท ฯ ยังไม่มีแนวโน้มจะผลิตรถยนต์ไฮบริดออกมา ถึงแม้จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็ตาม ตอนนี้อยู่ในระหว่างรอผลการยืนยันตัวเลขว่า เครื่องยนต์ไฮบริด ประหยัดกว่าเครื่องยนต์ดีเซล จริงหรือไม่ ? เทคโนโลยีไฮบริด ที่ใช้ในขณะนี้ เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพการจราจรติดขัด หรือในระดับความเร็วต่ำเท่านั้น ทั้งยังมีจุดด้อยในระดับความเร็วสูง ผู้ผลิตส่วนมากในฝั่งยุโรป มีความเห็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล ยังมีความคุ้มค่ามากกว่าสำหรับการใช้งานในสภาพปกติ แม้ไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน แต่คาดว่าภายในปี 2010 ค่าย บีเอมดับเบิลยู จะเปิดตัวเครื่องยนต์ไฮบริด เบนซิน-อีเลคทรอนิค ในรถรุ่นต่อไปของ ซีรีส์ 5 และเอกซ์ 5 รุ่นปัจจุบัน ขณะนี้ บีเอมดับเบิลยู ได้ร่วมมือกับ ไดมเลร์ ไครสเลอร์ และจีเอม ร่วมกันพัฒนาระบบไฮบริด ที่จะใช้กับเครื่องยนต์วางหน้าขับหลังในอนาคต ขณะเดียวกันทางสำนักงานป้องกันสภาพสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ ฯ กำลังพิจารณาหาแนวทางเปลี่ยนวิธีการคิดคำนวณค่าความสิ้นเปลืองของรถไฮบริด ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากผลการวัดค่าความสิ้นเปลืองที่ตีพิมพ์ลงตามสื่อต่างๆ มักจะทำให้เกิดการสับสนกับค่าความสิ้นเปลืองที่อาจบิดเบือนจากความเป็นจริง เกีย เตรียมสำรวจความนิยมรถเอสยูวี ขนาดคอมแพคท์ เคเอนดี-4 (KND-4) เป็นรถแนวคิดเอสยูวี ขนาดคอมแพคท์ที่จะชี้ทิศทางรถเอสยูวีจากประเทศเกาหลีใต้ ในอนาคต แม้ไม่ได้ออกแบบจากสำนักออกแบบในยุโรป อย่างรถรุ่น ซี'ด (CEE'D) แต่ก็เป็นผลงานที่โดดเด่นด้วยฝีมือจาก KIA'S NYAMAN DESIGN CENTRE ในประเทศเกาหลีใต้ ด้วยรูปแบบของรถครอสส์โอเวอร์ 3 ประตูขนาดเล็ก เคเอนดี-4 เป็นผลของความต้องการขยายตลาดให้กว้างขึ้น โดยเน้นกลุ่ม NEXT-GENERATION และต้องการลบล้างความคิดเดิมที่มองว่า เกีย คือรถที่มีรูปทรงล้าสมัย และราคาถูก ขนาดของ เคเอนดี-4 อยู่กึ่งกลางระหว่าง เกีย สปอร์เทจ และโซเรนโต กับรูปทรงเน้นสมรรถนะการลุย โดยมีระยะห่างใต้ท้องสูง และโอเวอร์แฮงหน้า/หลังที่สั้นกระชับ ภายในห้องโดยสารสามารถรับผู้โดยสารได้ 4 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยจอแอลซีดี ติดตั้งอยู่ตรงกึ่งกลาง สามารถให้ความเพลิดเพลินได้อย่างทั่วถึง บรรยากาศภายในให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง ด้วยแสงจากไฟดาวน์ไลท์ และแหล่งแสงที่ซ่อนอยู่ที่แผงอุปกรณ์ และแผงประตู ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ถ่ายทอดพลังขับเคลื่อนลงสู่ล้อทั้งสี่ โดยระบบควบคุมแรงบิด KIA'S ACTIVE TORQUE TRANSFER (ATT) ที่จะจ่ายแรงบิดที่เหมาะสมลงไปแต่ละล้อเพื่อประสิทธิภาพการขับเคลื่อนสูงสุด ซูบารุ เตรียมแจ้งเกิด อิมพเรซา เอาใจกลุ่มเวิร์คกิง วูแมน เดิมทีผู้บริหารค่าย ซูบารุ มีแผนจะยกเลิก อิมพเรซา เวอร์ชัน เทอร์โบชาร์เจอร์ ดับเบิลยูอาร์เอกซ์ แต่ยังกลับลำเก็บไว้สำหรับจำหน่ายในยุโรป ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ระดับความจุ 2.0 ลิตร เข้ามาแทนเครื่องยนต์ 2.5 เบนซิน เพื่อเปลี่ยนมุมมองของลูกค้าต่อ อิมพเรซา ว่าเป็นรถสมรรถนะสูง ดังนั้นเพื่อให้เข้าแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการลดปริมาณค่าคาร์บอนไดออกไซด์ จากไอเสีย แต่ด้วยการที่ ซูบารุ อิมพเรซา สามารถจำหน่ายได้ถึง 70 % ของยอดขายทั้งหมดในอังกฤษ จึงต้องเก็บเวอร์ชัน อิมพเรซา ไว้ อย่างไรก็ตาม ซูบารุ ยุโรป ยังคงต้องการรถสมรรถนะสูงไว้ จึงมีแนวคิดด้วยกัน 3 ทางเลือก โดยแนวคิดแรกไม่สนใจแนวคิดใหม่ และยังคงรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ดับเบิลยูอาร์เอกซ์ อยู่ แนวคิดที่ 2 คือ ผลักดันเวอร์ชันที่มีราคาต่ำลงมาด้วยรุ่น เอสทีไอ ส่วนแนวคิดที่ 3 คือ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล สำหรับเวอร์ชัน ดับเบิลยูอาร์เอกซ์ ในยุโรป สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า หากมีการเปิดตัวออกมาในช่วงปลายปีนี้ จะทำให้ อิมพเรซา กลายเป็นคู่แข่งของ เอาดี และบีเอมดับเบิลยู โดยปริยาย อิมพเรซา ใหม่ เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์ค โดยเปิดตัวรุ่น แฮทช์แบค และซาลูน ในสหรัฐอเมริกา ดับเบิลยูอาร์เอกซ์ ยังคงใช้เครื่องยนต์ FLAT FOUR 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 224 แรงม้า และแรงบิด 31.2 กก.-ม. ระบบรองรับหน้านำมาจากรถรุ่น เลกาซี ในขณะที่ระบบรองรับหลัง แบบอิสระที่ออกแบบขึ้นมาใหม่ ทำให้มีระยะฐานล้อกว้างกว่ารุ่นเดิม มีผลให้ห้องโดยสารกว้างขึ้นจากเดิม 50 มม. อิมพเรซา ใหม่ จะเปิดตัวในประเทศอังกฤษ ประมาณเดือนตุลาคม โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 และ 2.0 ลิตร ส่วนรุ่น เอสทีไอ ที่มีฐานล้อกว้างกว่า ขอบบังโคลนใหญ่ พร้อมบอดีคิท จะเปิดตัวในปี 2008 จีพ เปิดตัว เชอโรคี ใหม่ ค่าย จีพ เปิดตัว เชอโรคี ใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์ค โดยรถรุ่นนี้เน้นสมรรถนะบนทางเรียบมากขึ้น โดยเฉพาะระบบรองรับที่มีการปรับปรุงใหม่หมด ทั้งด้านหน้า และหลัง เป็นระบบ FIVE-LINK มีผลให้มีความคล่องตัว และมีการทรงตัวที่มั่นคงมากขึ้น รูปทรงภายนอกบึกบึนมากขึ้น เมื่อเทียบกับรูปทรงของรุ่นปี 1980 โดยเน้นกันชนหน้าขนาดใหญ่ เข้ากับกระจังหน้า และชุดโคมไฟทรงเหลี่ยม อุปกรณ์พื้นฐานมีให้อย่างเพียบพร้อม ตั้งแต่ระบบสตาร์ทด้วยรีโมท เซนเซอร์จับละอองน้ำฝน (RAIN SENSING WIPERS) และระบบความจำตำแหน่งที่นั่ง รวมไปถึง อีพีเอส, ทแรคชัน คอนทโรล และถุงลมนิรภัยแบบม่าน (SIDE CURTAIN AIRBAGS) รถรุ่นที่เปิดตัวในสหรัฐ ฯ จะใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ ความจุ 3.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 207 แรงม้า พร้อมระบบถ่ายทอดกำลังธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ พาร์ทไทม์ ส่วนรุ่นใหญ่ กแรนด์ เชอโรคี จะติดตั้งระบบ ฮิลล์ เดสเซนท์ คอนทโรล สำหรับพวงมาลัยขวา ที่จะเปิดตัวในอังกฤษ ประมาณต้นปีหน้า เชฟโรเลต์ โชว์รถแนวคิด "ทแรกซ์" ภายในบูธจัดแสดงรถยนต์ของค่าย เชฟโรเลต์ ในงานมหกรรมยานยนต์นิวยอร์ค ได้เปิดตัวรถแนวคิดที่จะมาแทนที่รถรุ่น มาติซ (MATIZ) ด้วยชื่อ ทแรกซ์ (TRAX) ซึ่งออกแบบ และใช้สายพานการผลิตของ จีเอม ในเกาหลีใต้ ทแรกซ์ ออกแบบขึ้นโดยใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกับรถขนาดเล็กของ จีเอม ทั้งหมด โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตรถยนต์ของสหรัฐอเมริกา เป็นหลัก ทแรกซ์ เป็นรถ 4 ประตู พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.0 ลิตร มีการใช้สีแตกต่างกัน โดยจะใช้สีมันวาวกับประตู หลังคา และฝากระโปรง ส่วนด้านหน้า และหลังใช้พื้นผิวลายถัก นิสสัน เผยโฉม เอกซ์-ทเรล ใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา เอกซ์-ทเรล จัดว่าเป็นรถเอสยูวี ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย จะเปิดตัวในประเทศออสเตรเลีย ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แม้ว่ารูปทรงโดยรวมแทบจะไม่แตกต่างจากรุ่นปัจจุบัน แต่รถรุ่นใหม่ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเน้นสมรรถนะการขับขี่มากขึ้น ขณะเดียวกันตัวเลขความสิ้นเปลืองก็น้อยลง เอกซ์-ทเรล ใหม่ มาพร้อมกับระบบรองรับอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ในด้านหน้า และอิสระ มัลทิลิงค์ ในด้านหลัง ระบบรองรับทั้งหน้า และหลัง ยึดติดด้วยซับเฟรม ซึ่งทำหน้าที่ลดเสียงรบกวน และการสั่นสะเทือนที่จะส่งไปยังห้องโดยสาร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะทำงานด้วยระบบ 4x4-I ELECTRONIC ควบคุมการทำงานผ่านปุ่มหมุนบนคอนโซลกลาง โดยมีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ในโหมด AUTO AND LOCK สำหรับเส้นทางวิบาก ในระดับความเร็วต่ำกว่า 40 กม./ชม. ALL-MODE 4x4-I ยังมีระบบ DDS (DOWNHILL DRIVE SUPPORT) และ USS (UPHILL START SUPPORT) ซึ่งระบบ DDS จะทำงานผ่านสวิทช์ ควบคุมบนคอนโซล และทำงานร่วมกับระบบ ABS ในระดับความเร็วต่ำกว่า 7 กม./ชม. สำหรับการขับลงเนิน และระบบ USS เป็นระบบช่วยขับขึ้นเนิน โดยเฉพาะ เครื่องยนต์มีให้เลือกถึง 4 รูปแบบ คือ ดีเซล 2 เครื่องยนต์ และเบนซิน 2 เครื่องยนต์ ในสหรัฐ ฯ จะมีเพียงเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องเดิมที่ปรับปรุงให้มีสมรรถนะสูงขึ้น และทำงานราบเรียบขึ้นในห้องสัมภาระท้ายรถ ปูพื้นด้วยแผ่นพลาสติคแข็งที่ช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น ส่วนแผงอุปกรณ์มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ความยาวตัวรถเพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 175 มม. แต่ได้พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นอีก 50 % ส่วนที่นั่งหลังสามารถพับแยกแบบ 40/20/40 เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น