1. การปล่อยลมยางออกให้น้อยที่สุดนั้น จะต้องขับแต่ในช่วงความเร็วต่ำเท่านั้น ห้ามนำไปวิ่งบนทางเรียบด้วยความเร็วสูงเป็นอันขาด เพราะแก้มยางจะรับภาระหนักทำให้เกิดความร้อนมาก อาจทำให้โครงสร้างของแก้มยางเสียหาย จนทำให้ยางแตกได้

1. การปล่อยลมยางออกให้น้อยที่สุดนั้น จะต้องขับแต่ในช่วงความเร็วต่ำเท่านั้น ห้ามนำไปวิ่งบนทางเรียบด้วยความเร็วสูงเป็นอันขาด เพราะแก้มยางจะรับภาระหนักทำให้เกิดความร้อนมาก อาจทำให้โครงสร้างของแก้มยางเสียหาย จนทำให้ยางแตกได้ 2. การเลือกใส่ยางขนาดต่างๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือรุ่นเพียงเท่านั้น กระทะล้อที่เลือกมาใส่ก็ยังมี ความแตกต่างกันอีกด้วย ค่าแบคสเปศของล้อเป็นจุดสำคัญสำหรับการติดตั้งยางให้พอดีกับรถ และยังขึ้นอยู่กับระบบกันสะเทือนของรถแต่ละรุ่นด้วย 3. อายุการใช้งานของดอกยาง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะยางแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับปัจจัย ต่างๆ คือ หมั่นตรวจสอบในเรื่องของแรงดันลมยาง ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ และการสลับยางทุกๆ 5,000 กม. ไม่บรรทุกน้ำหนักมากเกินพิกัดยาง เรื่องของยาง ฉบับแรกจาก ดุรงค์ ขาวสนิท/กทม. มีปัญหาเกี่ยวกับยาง ถาม : มีคนบอกว่าเมื่อต้องนำรถไปวิ่งบนทางที่เป็นทรายหรือโคลน ควรปล่อยลมยางออก แต่ผมไม่กล้าปล่อยลมยางออก เพราะกลัวว่ายางจะหลุดขอบกระทะล้อ ในคู่มือบอกแต่ว่าเติมลมยางเท่าไร แต่ไม่ได้บอกว่าปล่อยลมยางให้น้อยสุดได้เท่าไร จึงอยากสอบถามว่าหากปล่อยลมยางออก จะปล่อยออกได้มากสุดเท่าใด ? ตอบ : คำแนะนำที่ว่าหากจะนำรถไปวิ่งบนทางทราย หรือทางทุรกันดาร ควรปล่อยลมยางออกบางส่วน เนื่องจากจะทำให้หน้าสัมผัสของยางสัมผัสพื้นผิวได้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยให้ขับไปได้ด้วยความนุ่มนวล เนื่องจากแก้มยางมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยดูดซับแรงกระดอนที่ส่งมาจากหน้ายางได้เป็นอย่างดี หากคุณดูที่ด้านข้างบริเวณแก้มยางแล้ว จะสังเกตเห็นเครื่องหมายที่บอกให้เราทราบได้ว่า ต้องเติมแรงดันลมยางเท่าไรเมื่อบรรทุกน้ำหนักสูงสุด ยกตัวอย่างเช่น ยางแต่ละเส้นกำหนดไว้ให้รับน้ำหนักได้ 2,500 ปอนด์ เมื่อเติมแรงดันลมยาง 32 ปอนด์/ตรน. นั่นหมายถึง เมื่อเติมแรงดันลมยางทั้ง 4 เส้นแล้ว รถคันนี้จะบรรทุกน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 10,000 ปอนด์ ถ้ารถของคุณหนักเพียง 5,000 ปอนด์ คุณสามารถปล่อยลมยางทั้ง 4 เส้นของคุณออกได้มากถึงครึ่งหนึ่ง คือ ลมยางของล้อแต่ละเส้นมีเพียง 16 ปอนด์/ตรน. ก็เพียงพอแล้ว ปัญหามีอยู่ว่า ทางโรงงานผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ว่า ยางที่ใช้กับกระทะล้อ 15 นิ้ว เติมลมยางน้อยสุดได้ 20 ปอนด์/ตรน. แต่รถขับเคลื่อน 4 ล้อเมื่อถูกปล่อยลมยางออกแล้ว ใช้งานแต่ในช่วงความเร็วต่ำ จึงสามารถปล่อยลมยางให้น้อยกว่าที่โรงงานระบุไว้ได้เล็กน้อย ยางแต่ละยี่ห้อระบุให้เติมแรงดันลมยางไว้แตกต่างกันไป ยางส่วนใหญ่ยอมให้มีแรงดันลมยางน้อยสุดได้ประมาณ 15 ปอนด์/ตรน. แต่บางยี่ห้อนั้นยอมให้มีแรงดันภายในลมยางน้อยสุดได้ถึง 4 ปอนด์/ตรน. ที่เป็นเช่นนั้น เพราะโครงสร้างบริเวณแก้มยางสามารถพยุงน้ำหนักของรถไว้ได้ แม้ว่าจะมีลมภายในยางน้อยก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม การปล่อยลมยางออกให้น้อยที่สุดนั้น จะต้องขับแต่ในช่วงความเร็วต่ำที่สุดเท่านั้น ห้ามนำไปวิ่งบนทางเรียบด้วยความเร็วสูงเป็นอันขาด เพราะแก้มยางจะรับภาระหนัก ทำให้เกิดความร้อนมาก อาจทำให้โครงสร้างของแก้มยางเสียหาย จนทำให้ยางแตกได้ ดังนั้นควรรีบเติมแรงดันลมยางให้กลับคืนเหมือนเดิมโดยเร็วที่สุด หลังจากผ่านพ้นเส้นทางทุรกันดาร ก่อนนำไปวิ่งด้วยความเร็วบนทางเรียบ เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งาน ฉบับที่สองจาก สุทธิศักดิ์ แย้มศรีบัว/กทม. อยากโตแต่ไม่อยากยก ถาม : ผมต้องการจะเปลี่ยนยางให้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะใหญ่ได้ แต่ไม่ต้องการยกสูงตัวถัง หรือช่วงล่างแต่อย่างใด ต้องการให้ดูเหมือนเดิมแต่สูงสง่าเท่านั้น ? ตอบ : เป็นปัญหาค่อนข้างยากที่จะตอบให้ได้อย่างถูกต้องและถูกใจคนถาม การที่จะให้ผมระบุไปตรงๆ ว่าคุณต้องใช้ยางรุ่นนี้ หรือรุ่นนั้นถึงจะเหมาะสมเป็นไปได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณ คำแนะนำที่จะให้ได้ก็คือ ไปที่ร้านยางแล้วลองเปลี่ยนเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นจนกว่าจะพอใจ ทั้งนี้การเลือกใส่ยางขนาดต่างๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือรุ่นเพียงเท่านั้น กระทะล้อที่เลือกมาใส่ก็ยังมีความแตกต่างกันอีกด้วย ค่าแบคสเปศของล้อเป็นจุดสำคัญสำหรับการติดตั้งยางให้พอดีกับรถ ทั้งยังขึ้นอยู่กับระบบรองรับของรถแต่ละรุ่น รวมไปถึงตัวถังของรถมีช่วงโค้งรับของโพรงล้อมากเพียงใด โป่งรับแก้มยางมีมากน้อยเท่าไร ต้องเอามาพิจารณารวมกันทั้งหมด ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณก็คือ วัดขนาดของยางที่ใส่อยู่กับรถตอนนี้ และตรวจวัดระยะต่างๆ ของอุปกรณ์รอบด้านของยาง ที่สามารถเสียดสีกับยางได้ อย่างเช่น ตัวถัง คันชักคันส่ง แหนบ ด้านในของแก้มข้างโพรงล้อ และช่วงยุบของโพรงล้อ สมมติว่าคุณจะใส่ยางที่สูงขึ้นจากเดิมอีก 1 นิ้ว คุณจะต้องมีระยะห่างจากชิ้นส่วนรอบด้านของยางประมาณ 1 นิ้วครึ่ง หรือมากกว่าทั้งด้านสูง และด้านกว้าง ถาม : เลือกใช้ยางแบบไหนดีสำหรับการใช้งานในทุกสภาพพื้นผิว ส่วนใหญ่ผมจะขับบนถนน แต่บางครั้งก็ขับบนทางโคลน ทราย และทางที่เป็นกรวดหิน ผมกำลังตัดสินใจใช้ยางสำหรับทางโคลน แต่กังวลใจในเรื่องอายุการใช้งานของดอกยาง และเสียงดังขณะวิ่ง ? ตอบ : คุณกำลังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกยางแบบออลล์ เทอร์เรน หรือแบบมัด เทอร์เรน สำหรับทางโคลนดี ยางทั้ง 2 ชนิดใช้งานได้ดีบนทางที่เต็มไปด้วยหินกรวด และมีระดับเสียงที่ดังพอๆ กัน เมื่อนำไปวิ่งบนถนนด้วยความเร็วสูง แต่ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ การใช้งานบนทางทราย และโคลน ยางแบบมัดใช้งานได้ดีกว่ายางแบบออลล์ เทอร์เรน สำหรับอายุการใช้งานของดอกยางนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะยางแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ คือ หมั่นตรวจสอบในเรื่องของแรงดันลมยาง ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ และการสลับยางทุกๆ 5,000 กม. ไม่บรรทุกน้ำหนักมากเกินพิกัดยาง นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับคอมพาวน์ด หรือสารประกอบทางเคมีที่ผสมใส่ในยาง หากเนื้อยางมีความนุ่มมาก ก็มีสิทธิ์ที่ยางจะสึกเร็วมากตามไปด้วย แต่ยางที่นุ่มก็จะให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนได้ดี อย่างไรก็ตามดอกยางที่มีความแข็งมาก ก็จะทำให้เกิดเสียงดังมากในขณะวิ่งบนทางเรียบตามไปด้วย