เกาะติดความมัน สนาม 4-5 เวิร์ลด์ แรลลี แชมเพียนชิพ สนามที่ 4 จัดขึ้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2548 ที่ผ่านมา เป็นรายการ พโรพีเซีย แรลลี (PROPECIA RALLY) นับเป็นสเตจที่ดีที่สุดในโลก ทั้งนี้เนื่องจากสภาพภูมิประเทศทั่วไปของนิวซีแลนด์นั้นสวยงามมาก มีหลายช่วงที่เปิดโอกาสให้นักแข่งได้โชว์ออฟ โดยใช้ความเร็วสูงได้ ทางบางช่วงเต็มไปด้วยหลุมบ่อเทลาดไปตามทางเนินเขา บางช่วงนักแข่งไม่สามารถคาดคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า จะเกิดอะไรขึ้น นักแข่งต้องใช้ประสบการณ์ส่วนตัวแต่ละคนมาใช้ในการควบคุมรถ นักแข่งคนใดที่ควบคุมรถตัวเองให้ผ่านพ้นช่วงนาทีวิกฤตนั้นมาได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก

เวิร์ลด์ แรลลี แชมเพียนชิพ สนามที่ 4 จัดขึ้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2548 ที่ผ่านมา เป็นรายการ พโรพีเซีย แรลลี (PROPECIA RALLY) นับเป็นสเตจที่ดีที่สุดในโลก ทั้งนี้เนื่องจากสภาพภูมิประเทศทั่วไปของนิวซีแลนด์นั้นสวยงามมาก มีหลายช่วงที่เปิดโอกาสให้นักแข่งได้โชว์ออฟ โดยใช้ความเร็วสูงได้ ทางบางช่วงเต็มไปด้วยหลุมบ่อเทลาดไปตามทางเนินเขา บางช่วงนักแข่งไม่สามารถคาดคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า จะเกิดอะไรขึ้น นักแข่งต้องใช้ประสบการณ์ส่วนตัวแต่ละคนมาใช้ในการควบคุมรถ นักแข่งคนใดที่ควบคุมรถตัวเองให้ผ่านพ้นช่วงนาทีวิกฤตนั้นมาได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก ช่วงเวลานั้นที่นิวซีแลนด์ เป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้ร่วงและใบไม้ผลิ อากาศร้อน แต่มีฝนหลงฤดูตกลงมา ทำให้ทแรควิ่งเปลี่ยนจากพื้นดินกลายเป็นลานสเกทน้ำแข็ง รถแข่งบางคันวิ่งไปแบบหลับหูหลับตา บางคันก็เหินเนินซะดื้อๆ โดยไม่ทันตั้งตัว แม้ว่าจะท้าทายความสามารถนักแข่งหลายคน แต่ทุกคนก็พอใจกับการแข่งในสนามนี้ ผู้จัดเลือกเอารอบๆ เมืองออคแลนด์ ทางตอนเหนือของนิวซีแลนด์ ทั้งนี้เนื่องจากสภาพเส้นทางมีครบทุกความตื่นเต้น โดยทั่วไปนักแข่งยอมรับว่าเป็นสนามที่ดีที่สุดเท่าที่นักแข่งได้ขับมาแล้ว วันศุกร์ที่ 8 เมษายน เป็นช่วงทดสอบ เอสเอส1 พาราฮิ (PARAHI) ระยะทาง 25.33 กม. ผู้ที่นำเป็นจ่าฝูงของช่วงทดสอบนี้คือ เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) ในรถ ซูบารุ พร้อมยางปิเรลลีเนื้อนุ่ม ที่ให้การตอบสนองการเกาะถนนได้ดีมาก แม้ว่าเมื่อคืนก่อนจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักจนทำให้สภาพเส้นทางหลายจุดมีน้ำเจิ่งนอง แต่ โซลเบร์ก ก็สามารถบังคับควบคุมรถฝ่าอุปสรรคไปได้เป็นอย่างดี นักแข่งหลายคนถ้าเลือกได้อยากที่จะเป็นผู้ตามมากกว่าการเป็นผู้นำ เพราะสภาพเส้นทางที่ลื่นมากๆ รถคันที่นำมาในอันดับต้นๆ มีความเสี่ยงต่อการลื่นไถลเป็นอย่างมาก ในขณะที่รถตามมาได้เปรียบมากกว่า จนมาถึงช่วงทดสอบ เอสเอส 8 มิลล์บรูค (MILLBROOK) ระยะทาง 10.45 กม. เป็นช่วงเวลาเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ที่จบช่วงทดสอบพิเศษนี้รถทุกคันมีเวลาครึ่งชั่วโมงในการเซอร์วิศรถของตัวเอง เริ่มต้นวันใหม่ในวันเสาร์ที่ 9 เมษายน ด้วยช่วงทดสอบ เอสเอส 11 บูลล์ (BULL) ระยะทาง 31.73 กม. ในช่วงทดสอบนี้เป็นการไล่บี้กันระหว่าง โซลเบร์ก กับ มาร์คุส โกรนโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) ระหว่างนี้มีเฮลิคอพเตอร์ของนักข่าวทีวีมาติดตามทำข่าว กลุ่มฝุ่นควันที่ไล่ตามรถของนักแข่งทั้งสองคันสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่เฝ้าดูอยู่สองข้างทางได้ไม่น้อย ช่วงทดสอบนี้ เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) และโซลเบร์ก ขับได้ยอดเยี่ยมมาก ในวันสุดท้ายคือวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน ออกสตาร์ทด้วย เอสเอส 17 เต ฮุตไว (TE HUTEWAI) ระยะทาง 11.15 กม. ในเวลาประมาณ 9 โมงซึ่งเร็วกว่าทุกวันที่ผ่านมา โกรนโฮล์ม ตามหลัง โลบ์ อยู่ 4.1 วินาที แต่ โซลเบร์ก ก็มีแผนลึกๆ อยู่ในใจ จบการแข่งขันในสนามที่นิวซีแลนด์นี้ คะแนนสะสมนำมาเป็นที่ 1 เป็นของ โลบ์ ตามด้วย โซลเบร์ก ในขณะที่ โกรนโฮล์ม ทำได้ดีที่สุดแค่อันดับ 4 เท่านั้น สำหรับสนามที่ 4 จัดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 29 เมษายน-วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นรายการ ซูเพอร์แมก แรลลี อิตาลี ซาร์ดิเนีย (SUPERMAG RALLY ITALIA SARDINIA) ปีนี้เปลี่ยนมาจัดที่ ซาร์ดิเนีย (SARDINIA) แทนที่จะเป็น ซานเรโม (SANREMO) เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องการให้นักแข่งได้ลองขับบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อสลับกับทางทรายเป็นบางช่วง แทนที่จะเป็นแต่เส้นทางราดยางมะตอยแต่เพียงอย่างเดียว ซาร์ดิเนีย เป็นเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา รายล้อมด้วยที่ราบและชายหาด มี กาญีอารี (CAGLIARI) เป็นเมืองหลวงของเกาะ แต่สำนักงานใหญ่ของคณะจัดงานแรลลีสนามนี้อยู่ที่ โปร์โต แซร์โว (PORTO CERVO) เป็นรีสอร์ทที่หรูหราของชายหาดทางตะวันตกเฉียงเหนือ ในช่วงเวลานี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศร้อน เลกเปิดสนามในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน เป็นเอสเอส 2 และเอสเอส 5 วิ่งทับเส้นทางเดิมในระยะทาง 30.3 กม. ผ่านเมือง โลเอลเล (LOELLE) ในเลกที่สองของวันเสาร์ที่ 30 เป็น เอสเอส 7 และเอสเอส 11 วิ่งทับเส้นทางเดิมในระยะทาง 25.03 กม. ผ่านช่วง ตันดาโล (TANDALO) ตอนเช้าของวันศุกร์ที่ 29 เมษายน เป็นช่วงทดสอบ เอสเอส 3 มาโมเน (MAMONE) ระยะทาง 18.57 กม. เป็นการแย่งชิงความเป็นผู้นำระหว่าง โกรนโฮล์ม กับ โลบ์ มาถึงตอนบ่าย เป็นช่วงทดสอบ เอสเอส 4 เทอร์ราโนวา (TERRANOVA) ระยะทาง 29.82 กม. เปลี่ยนคู่สลับจาก โกรนโฮล์ม มาเป็น โซลเบร์ก ชิงกับ โลบ์ แทน พอมาถึงเช้าวันเสาร์ที่ 30 เมษายน เป็นช่วงทดสอบ เอสเอส 8 ตันดาโล 1 (TANDALO 1) ระยะทาง 38.77 กม. เป็นจุดที่มีคนมาเฝ้าดูเยอะมากเนื่องจากใกล้กับจุดฟินิช ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง โอชิรี (OSCHIRI) ในช่วงทดสอบนี้ โซลเบร์ก ทำเวลานำได้ยอดเยี่ยมมาก แม้ว่า โกรนโฮล์ม จะขับได้ดีแต่ก็ทิ้งห่าง โซลเบร์ก ถึง 17 วินาที รวมทั้ง โลบ์ แม้ว่าจะขับอย่างเต็มที่แต่ก็ทำเวลาได้เต็มที่เท่ากับ โกรนโฮล์ม มาถึงตอนบ่ายแก่ๆ เป็นช่วงทดสอบ เอสเอส 11 ตันดาโล 2 (TANDALO 2) ระยะทาง 38.77 กม. ที่ช่วงทดสอบนี้มีการเซอร์วิศเล็กน้อยก่อนแข่งขัน เส้นทางบางช่วงเป็นทางขึ้น/ลงเขาที่แคบเอามากๆ เล่นเอาโค้งบางโค้งนักแข่งเรากวาดเอาหินกรวดออกจากทางจนเกลี้ยง แถมบางคันยังมีการกระโดดแบบสกีดาวน์ฮิลล์ ช่วงนี้เองทำเอารถของ โกรนโฮล์ม เหินลอยขึ้นไปในอากาศสูงเกือบ 5 ฟุต รู้เลยว่ารถเหาะเป็นอย่างไร มาถึงวันสุดท้ายของการแข่งขัน ในช่วงบ่ายเป็นการเซอร์วิศครั้งสุดท้าย แม้ว่า โซลเบร์ก จะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ทำได้แค่เพียงอันดับ 2 เท่านั้น โดยอันดับ 1 ยังเป็นของ โลบ์ อันดับ 3 เป็นของ มาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTIN) ส่วน โกรนโฮล์ม ก็ยังรักษาอันดับ 4 ไว้เหมือนเดิม