ถ้าคุณลองพิจารณาตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างละเอียดคุณจะรู้ว่า เกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นในวงการรถขับเคลื่อนสี่ล้อ มันเป็นเสมือนแสงทองที่ปลายอุโมงค์ของรถประเภทนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมายอดขายรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือรถเอสยูวี นั้น มีตัวเลขการขายที่ต่ำมาก เป็นตัวเลขที่ฝ่ายการตลาดของบริษัทรถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ไม่อยากชำเลืองดู ลองนึกดูสิครับ ! ปีที่แล้วนักการตลาดหลายสำนักคาดการณ์ว่า จะเป็นปีทองของรถเอมพีวี ส่วนรถเอสยูวี ไม่ต้องพูดถึง เหมือนกับว่า ตลาดวายไปแล้วเมื่อสองปีที่ผ่านมา

ถ้าคุณลองพิจารณาตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างละเอียดคุณจะรู้ว่า เกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นในวงการรถขับเคลื่อนสี่ล้อ มันเป็นเสมือนแสงทองที่ปลายอุโมงค์ของรถประเภทนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมายอดขายรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือรถเอสยูวี นั้น มีตัวเลขการขายที่ต่ำมาก เป็นตัวเลขที่ฝ่ายการตลาดของบริษัทรถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ไม่อยากชำเลืองดู ลองนึกดูสิครับ ! ปีที่แล้วนักการตลาดหลายสำนักคาดการณ์ว่า จะเป็นปีทองของรถเอมพีวี ส่วนรถเอสยูวี ไม่ต้องพูดถึง เหมือนกับว่า ตลาดวายไปแล้วเมื่อสองปีที่ผ่านมา หลังการเปิดตัว โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ และอีซูซุ มิว-7 ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้น ตัวเลขการจำหน่ายรถประเภทนี้ พุ่งสูงขึ้นทันที จริงอยู่รถเอสยูวีมีปัจจัยหลายเรื่องให้น่าคิด ก่อนที่คุณจะเลือกซื้อรถ ทั้งราคาตัวรถที่สูงเกินหลักล้านบาท ค่าดูแลรักษา ค่าเสื่อมสภาพ อัตราภาษีใหม่ที่กระทบเข้าอย่างจัง สารพัดพิษภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากการนำเข้ารถประเภทนี้ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มรถหรูหรา จึงต้องเสียภาษีแบบเต็มๆ และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นจนคนใช้รถเอสยูวีหลายคนถอนใจเลิกใช้ หันไปขับรถพิคอัพ 4 ประตู ขับเคลื่อนสี่ล้อ แทน ผมไม่เถียงหรอกว่า ภาระต่างๆ ที่พูดถึงนี้ จะเป็นตัวกระทบทำให้ตลาดพลอยซบเซาลงไป ประกอบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา วงการยานยนต์ในบ้านเรามีรถรูปร่างใหม่ๆ เกิดขึ้นหลากหลายลีลา ทั้งรถเอมพีวี และพีพีวี (รถพิคอัพดัดแปลง) รถในลักษณะหลังนี้ คุณจะเห็นได้จากการปรากฏตัวของ โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ และอีซูซุ มิว-7 อาจจะมีตามมาอีกหลายรุ่น ตัวเลขการจำหน่ายของรถแบบนี้ ถูกจัดเข้าไปรวมกับกลุ่มเอสยูวี ดังนั้นแสงทองที่ปลายอุโมงค์ จึงเกิดขึ้น เป็นประเด็นที่น่าสนใจครับ ตลาดเดิมที่รถเอสยูวี เคยครองอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา หรือไม่ก็นำเข้าจากฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ลูกค้าเป็นคนมีระดับ มีรถในครอบครองหลายคัน ฐานะดี การศึกษาสูง แต่ตอนนี้ตลาดกลุ่มนั้น เริ่มถดถอยลง บ้างก็หันไปหารถเก๋งระดับหรู หรือรถครอบครัว อย่างรถเอมพีวีแทน จริงอยู่ที่บางคนซื้อเพราะเป็นกระแส ใช้งานไม่คุ้มค่า แบบนี้มีให้เห็นเยอะมาก ความนิยมในปัจจุบันนั้น ผู้บริโภคหันมาซื้อหารถที่ใช้งานได้อเนกประสงค์มากขึ้น ลองดูตัวอย่างที่รถพิคอัพ 4 ประตู ขับเคลื่อนสี่ล้อสิครับ ช่องว่างของราคาที่แตกต่างกับเอสยูวี หลายแสนบาท การดูแลรักษาที่ง่ายกว่า ใช้เงินน้อยกว่า และราคาน้ำมันดีเซลที่ถูกกว่า ทำให้รถพิคอัพ 4 ประตู แจ้งเกิดแบบเด็ดขาด และกลบรัศมีรถเอสยูวี จนเกือบดับสนิท แต่เทพีแห่งโชค ยังเข้ารถเอสยูวี อยู่บ้าง ตรงที่ว่ามีบริษัทรถยนต์หลายรายยังกล้าทำการตลาดต่อเนื่อง ทั้งฟอร์ด มาซดา ฮอนดา ซูซูกิ ซังยง มิตซูบิชิ จนถึงช่วงปลายปี 2547 โตโยตา และอีซูซุ ถึงเปิดเกมเข็นรถพีพีวี ออกมาเขย่าตลาด นับว่ามีส่วนช่วยสร้างสีสันให้กับตลาดอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เพราะรถของทั้งคู่ มีดีคนละแบบ และกลายเป็นทอล์ค ออฟ เธอะ ทาวน์ ไปพักใหญ่ๆ ล่าสุดค่าย นิสสัน เปิดตัวรถเอสยูวีรุ่น เอกซ์-ทเรล เข้ามาจำหน่าย รถรุ่นนี้เป็นรถขายดีในญี่ปุ่น ส่วนในประเทศไทย ต้องรอพิสูจน์ความนิยมก่อนว่าจะทอพฮิท กับเขาหรือเปล่า ? ผมเชื่อว่ารถเอสยูวี ยังคงมีเสน่ห์ที่เฉพาะเจาะจงอยู่ มันยังมีกลิ่นอายความดิบของคนที่ชอบใช้ชีวิตอิสระเหนือความจำเจ และเรื่องน่าเซ็งในป่าคอนกรีท เราอาจจะเห็นรถแบบนี้น้อยลง แต่เชื่อเถิดครับว่า มันไม่สูญพันธุ์แน่นอน ! ถ้าไม่เชื่อลองพลิกไปอ่านคอลัมน์ "วิถีตลาดรถยนต์" หลวงเลียบเมือง ที่เขียนถึงรถเอสยูวี ได้อย่างน่าฟัง แต่จะจีรังหรือเปล่า เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ครับ