ทั่วไป
รถกระบะยอดนิยมในอเมริกาเหนือ "ฟรอนเทียร์" ซึ่งบรรจุเครื่องยนต์ รหัส VQ 40 ที่ นิสสัน ลุ้นอยู่ ได้รับการปรับปรุงใหม่แล้ว โดยเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้าไป เพื่อสร้างความแตกต่างให้ฉีกจากคู่แข่ง
รถกระบะยอดนิยมในอเมริกาเหนือ "ฟรอนเทียร์" ซึ่งบรรจุเครื่องยนต์ รหัส VQ 40 ที่ นิสสัน ลุ้นอยู่ ได้รับการปรับปรุงใหม่แล้ว โดยเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้าไป เพื่อสร้างความแตกต่างให้ฉีกจากคู่แข่ง
พิคอัพรุ่นปัจจุบันของ "ดัทสัน" กำลังเนื้อหอม ในเมืองลุงแซม
เรามีความมุ่งมั่นเป็นพิเศษกับรถกระบะของ นิสสัน ในสมัยที่เรายังหนุ่ม และอาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อต้นยุค '70 นั้น รถที่ประทับใจอย่างแรงคือ รถกระบะของ นิสสัน ซึ่งมีโลโก "ดัทสัน" ตัวโตประทับอยู่ที่ฝาท้ายกระบะ ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงรถกระบะ ภาพพจน์จะออกมาเป็นรถใช้งานบรรทุกของ แต่บุคลิกของมันเวลาที่วิ่งไปตามชายหาด โดยมีไม้กระดานโต้คลื่นเสียบอยู่ในกระบะนั้น เท่มาก และในจำนวนนั้น ดัทสัน นี่ละเท่สุดๆ แต่ในปี '80 ชื่อของบริษัทตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ก็เปลี่ยนไปเป็น "นิสสัน" เหมือนในญี่ปุ่น พร้อมกับที่ผลผลิตหลักก็เปลี่ยนไปเป็นประเภทซีดานด้วย ส่วนรถบรรทุกที่หายไปนาน ได้รับการเปิดตัวออกสู่ตลาดในปี '97 เป็นรุ่น "ฟรอนเทียร์" ที่สืบทอดมาจนปัจจุบัน แม้โครงสร้าง และกลไกโดยรวม จะแตกต่างไปเป็นคนละแบบกับรถในยุคของ ดัทสัน แต่ตอนที่ออกวางจำหน่าย มันก็ยังคงได้รับการยอมรับ ด้วยความรู้สึกลึกๆ ที่ดี ในฐานะที่เป็นรถรุ่นน้องที่มาสานต่อกระแสนิยมของ "ดัทสัน"
และในสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปีก่อน "ฟรอนเทียร์" ที่ว่านี้ ได้แปลงกายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยมีการเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ใหม่หมด ยกเว้นชื่อ สัดส่วนแต่ละด้านต่างได้รับการขยายให้ใหญ่ขึ้น
โดยความกว้างรวมเพิ่มขึ้น 41 มม. กลายเป็น 1,849 มม. ความยาวฐานล้อ เพิ่มขึ้น 249 มม. และความยาวรวมในแบบครูว์แคบ เพิ่มขึ้น 142 มม. ขณะที่ความจุลูกสูบก็ได้รับการขยายเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการขยายขนาดตัวถังด้วย และมีการยกระดับมันขึ้นสู่ "ตลาดรถขนาดกลาง" ที่ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา เริ่มหันมาเน้นหนัก
โครงสร้างของรถแบบใหม่ คือ "เอฟ-อัลฟา" ซึ่งเป็นแชสซีส์หนึ่งเดียวที่ใช้ร่วมกันในรถบรรทุก และเอสยูวี ที่ติดตั้งโครงสร้างแบบขั้นบันได ของ นิสสัน ในอเมริกาเหนือ นับตั้งแต่ฟูลล์ไซส์พิคอัพ รุ่น ไททัน ที่ออกสู่ตลาดเมื่อปีที่แล้ว ส่วนตัวถังมี 2 แบบ คือ แบบ "คิงแคบ" ซึ่งเป็นแบบ 4 ประตูเปิดออกจากกึ่งกลาง และติดตั้งที่นั่งแถวหลังแบบจัมพ์ซีท กับ แบบ "ครูว์แคบ" ซึ่งเป็นแบบ 4 ประตูบรรทุกผู้โดยสารได้ 5 คน นอกจากนี้ ระบบรองรับในแบบที่ธรรมดามากๆ คือ ด้านหน้าแบบปีกนกคู่ และด้านหลังแบบคานแข็ง ก็เป็นลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของรถแบบใหม่นี้ด้วย
กระจังหน้ามีตะแกรงซี่ใหญ่แบบแองเกิลสตรัค ที่ดึงดูดสายตาอย่างแรง เป็นแบบที่กำลังตอบรับกระแสนิยมของรถบรรทุก รุ่น ไททัน กับเอสยูวี รุ่น อาร์มาดา และเป็นใบหน้าของ นิสสัน ในระยะหลังนี้ ส่วนของตัวถังตั้งแต่แนวโค้งของบังโคลนที่อ้อมไปจนถึงหน้ากันชน จนถึงเสาบีเป็นแบบเดียวกับของ พาธไฟน์เดอร์ ที่ได้รับการวางตลาดไปก่อนหน้า มันเป็นหน้าตาที่เกิดขึ้นจากความต้องการของลูกค้า ที่ส่วนใหญ่คือ กลุ่มวัยรุ่นนั่นเอง
ด้านเครื่องยนต์ที่บรรจุมี 2 แบบ คือ แบบ วี 6 ความจุ 4.0 ลิตร กับแบบ 4 สูบเรียง ความจุ 2.5 ลิตร ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนในรถที่บรรจุเครื่องยนต์แบบ วี 6 ได้มีการเตรียมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบเอฟอาร์ กับแบบพาร์ทไทม์ ไว้ให้เลือก โดยแต่ละแบบสามารถเลือกใช้กับระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือแบบอัตโนมัติ 5 จังหวะก็ได้ ส่วนในรถที่บรรจุเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงนั้น คงเพราะเป็นรุ่นราคาถูก จึงมีให้แค่ระบบขับเคลื่อนสองล้อ ของคิงแคบ และกำลังสำคัญก็คงตกอยู่กับแบบ วี 6 นั่นเอง
เครื่องยนต์ รหัสร้อน VQ
วิศกวร นิสสัน ยกนิ้วให้ว่ายอดเยี่ยม
รถที่นำมาทดลองขับในครั้งนี้ เป็นรุ่นทอพสุด และสปอร์ทที่สุด คือ "นิสโม ครูว์แคบ วี 6 4x4" เป็นรุ่นที่มีการใช้ "NISMO" ในชื่อรุ่นรถเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ส่วนเครื่องยนต์ VQ 40
ที่นำมาบรรจุนั้น มาจากเครื่องยนต์VQ 35 ที่ได้รับเลือกให้เป็น "เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมหนึ่งในสิบอันดับ" ทุกปี และได้มีการเพิ่มแรงบิดโดยเพิ่มความจุลูกสูบขึ้นอีก 500 ซีซี กลายเป็นเครื่องยนต์แบบ วี 6 อลูมิเนียมล้วน DOHC 24 วาล์ว ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังเหนือชั้นถึง 265 แรงม้า จากความจุ 4.0 ลิตร และแรงบิดที่มั่นคง ตั้งแต่ช่วงเริ่มตอบสนองจนถึงช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ตัวเก่งของ นิสสัน ที่วางในรถแข่งที่ร่วมในแรลลีบาร์เซโลนา-ดาการ์ มันให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมเหนือกว่าคู่แข่ง ทั้ง ตาโคมา และดาโกตา นอกจากนี้ การตอบสนองที่ว่องไวของพวงมาลัย ก็ให้สัมผัสที่ละเอียดอ่อนดีด้วย จึงไม่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายเลย แม้ว่าเราจะขับบนทางเรียบ
ระบบรองรับที่ได้รับการปรับแต่งโดย นิสโม มีการปรับแต่งที่แข็งกว่ารถบรรทุกขนาดกลางที่เราเคยขับ เป็นแบบที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเฟรมที่มีโครงสร้างแบบบอกซ์ แต่น่าเสียดายที่คงเป็นเพราะแชสซีส์เหนือกว่าตัวถัง ทำให้รู้สึกว่ามีบุคลิกเหมือนรถบรรทุก
อย่างไรก็ตาม ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมให้มากมาย อาทิ แดมเพอร์ ที่มีการปรับแต่งให้เหมาะกับรุ่น นิสโม โดยเฉพาะดิฟฟ์ลอค ด้านหลังแบบใช้ระบบไฟฟ้า และยางรถขนาด 265/75R16 ของบีเอฟ กูดริช กับล้อแมกขนาด 16 นิ้วแบบพิเศษเฉพาะ ทำให้คาดหวังได้มากพอกับสมรรถนะในการวิ่งทางวิบาก
น่าเสียดายที่กำหนดการทดลองขับรถ มีเวลาสั้น ทำให้ไม่สามารถลองวิ่งทางวิบากได้เต็มที่ แต่เราก็ยังอยากจะทดสอบระบบแอลเอสดี หน้า/หลัง และอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ติดตั้งสำหรับรถรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เช่น เอชดีซี (ฮิลล์ เดสเซนท์ คอนทโรล) เอชเอสเอ (ฮิลล์ สตาร์ท แอสซิสต์) วีดีซี (เวฮิเคิล ไดนามิค คอนทโรล) เป็นต้น ฟรอนเทียร์ ที่ให้ความมันสะใจ ตั้งแต่การใช้งานในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงนำไปวิ่งลุย คงมาถึงจุดที่เรียกว่า เป็นภาค "Z" ของรถพิคอัพแล้ว อาจเป็นไปได้ !
ข้อมูลจำเพาะ
นิสสัน ฟรอนเทียร์ นิสโม ออฟโรด
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 5,220/1,850/1,875
ความยาวฐานล้อ (มม.) 3,200
ความกว้างฐานล้อ (หน้า/หลัง) (มม.) 1,570/1,570
ความสูงท้องรถ (มม.) 255
น้ำหนักรถ (กก.) 2,042
จำนวนผู้โดยสาร (คน) 5
เครื่องยนต์
ชนิด เบนซินแบบ วี 6 สูบ (VQ40) ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุ (ซีซี) 3,954
กำลังสูงสุด (พีเอส/รตน.) 261.2/5,600
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 39.2/4,000
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 80
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ เดินหน้า 5 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
ชนิด พาร์ทไทม์ 4x4
ระบบรองรับ
หน้า ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง
หลัง คานแข็ง พร้อมแหนบ
ระบบห้ามล้อ
หน้า/หลัง จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน เมษายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13021