ทดสอบ(formula) 24 Jan 2022
HYUNDAI STARIA SEL
เอมพีวี จัดเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความสนใจในตลาดของบ้านเราเสมอมา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีราคาระดับ 2 ล้านบาท เพราะได้ทั้งความคุ้มค่าในแง่ของความหรูหรา และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางมากพอ มาถึงปัจจุบัน รถยนต์ประเภทดังกล่าวต้องมีออพชันในด้านอื่นๆ ที่น่าพอใจด้วย การมาถึงของ เอมพีวี รุ่นนี้ จึงเป็นเหมือนบทพิสูจน์ความนิยมยุคใหม่ดังกล่าวได้ดี เราจึงมาทดสอบ HYUNDAI STARIA
EXTERIOR ภายนอก
จุดเด่นแรกของ HYUNDAI STARIA (ฮันเด สตารีอา) คือ รูปทรงที่แหวกแนวจาก เอมพีวี หลายรุ่น รวมถึงรถร่วมค่ายประเภทเดียวกันอย่าง H-1 (เอช-1) จากเดิมที่เน้นสันเหลี่ยม และทรงกล่องชัดเจน กลายมาเป็น เอมพีวี เส้นสายสุดล้ำสมัย เน้นความโค้งมน กลมกลืน ด้านหน้าของตัวรถดูราวกับยานอวกาศ ไฟแอลอีดีทรงเรียวในแนวนอนใช้เป็นไฟส่องสว่างเวลากลางวันเท่านั้น ขณะที่ไฟส่องสว่างจริงๆ จะถูกติดตั้งถัดลงมาด้านล่างบริเวณมุมของกันชนหน้า แม้จะดูแปลกตาไปเล็กน้อย แต่มีประโยชน์ คือ การส่องสว่างจะไม่รบกวนสายตารถยนต์ร่วมท้องถนนอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาถัดมาที่ด้านข้างของตัวรถ จะพบว่า STARIA ใช้กระจกหน้าต่างขนาดใหญ่โต รวมถึงกระจกประตูบานหน้า ทำให้ตัวรถดูโปร่งโล่งตั้งแต่การมองเห็นจากภายนอก ประตูบานหลังแบบเลื่อนเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้ามีขนาดใหญ่มากเช่นกัน รวมถึงประตูบานท้ายทรงสี่เหลี่ยม เปิดได้กว้าง ขนสัมภาระได้สะดวก สามารถเปิด/ปิดด้วยรีโมท และปุ่มกดจากห้องโดยสาร นอกจากนี้ ยังรองรับการเปิดอัตโนมัติหากผู้ใช้งานพกกุญแจไว้ใกล้ๆ และเดินเข้าไปใกล้เซนเซอร์ของประตู จุดเด่นของรุ่นทอพ SEL (เอสอีแอล) คือ ไฟท้ายแนวตั้งทรงสูงแบบ แอลอีดี มีความโดดเด่น ทันสมัย หากมองจากด้านหลัง แต่มีจุดสังเกตว่า แม้ชุดไฟจะเป็นทรงสูงเช่นนี้ แต่ไฟเลี้ยวกลับมีขนาดเล็กอยู่ด้านล่างของชุดไฟท้าย และส่วนด้านบนกลับไม่ใช่ไฟส่องสว่างแต่อย่างใด และเฉพาะรุ่นทอพจะติดตั้งล้อแมกขนาด 18 นิ้วมาให้ (รุ่นเริ่มต้นเป็นขนาด 17 นิ้ว) เรามีความรู้สึกว่าลวดลายของล้อแมกค่อนข้างเรียบง่ายไปหน่อย น่าจะเน้นความหรูหราได้มากกว่านี้
INTERIOR ภายใน
แม้รูปทรงภายนอกของ HYUNDAI STARIA จะล้ำสมัยแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสาร จะพบว่า เอมพีวี รุ่นนี้ ยังคงมีจุดเด่นตามแบบฉบับรถยนต์เพื่อการโดยสารอย่างแท้จริง เบาะนั่งมีทั้งหมด 4 แถว 11 ตำแหน่ง แถวแรกด้านหน้าส่วนผู้ขับ 3 ที่นั่ง แถวที่ 2 เป็น 3 ที่นั่ง แถวที่ 3 เป็น 2 ที่นั่ง และแถวที่ 4 เป็น 3 ที่นั่ง พื้นที่โดยสารมีความกว้างขวางดีมาก เบาะแถว 2 และ 3 สามารถเลื่อนหน้า/หลังได้ (แต่ระยะการเลื่อนไม่มากนัก) การติดตั้งเบาะแถวที่ 2 แบบ 3 ที่นั่ง ทำให้การขึ้น/ลงไปยังเบาะด้านหลังต้องทำการพับเบาะก่อน จุดนี้อาจทำให้ความสะดวกสบายลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เบาะที่นั่งได้สบายที่สุดกลับเป็นเบาะแถว 3 แบบ 2 ที่นั่ง ในส่วนของการพับเบาะ ของเบาะแถวที่ 2-4 หากพับพนักพิงหลังลงมาหมด จะได้ลักษณะที่เป็นพื้นราบเสมอกัน สามารถใช้งานเป็นที่นอนทรงยาวได้ (แม้ต้องปูเบาะรองพื้นเล็กน้อย) นอกจากนี้ ผลจากการใช้กระจกหน้าต่างขนาดใหญ่ ช่วยให้ห้องโดยสารมีทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยม โปร่งโล่ง ไม่อึดอัด จากทุกตำแหน่งของผู้โดยสาร (รวมถึงส่วนผู้ขับด้วย) แต่เรามีความรู้สึกว่า ผู้ที่ครอบครองรถรุ่นนี้อาจต้องยอมเพิ่มงบประมาณในการติดตั้งฟีล์มกรองแสงแบบทึบแสงสักหน่อย เพราะสิ่งที่ต้องแลกกับความโปร่งโล่ง คือ การถูกมองเห็นจากผู้คนภายนอกง่ายขึ้นเช่นกัน (ในกรณีผู้ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง) และอีกหนึ่งจุดสังเกต คือ การไม่ได้ติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคมาให้ ไม่เช่นนั้นคงได้ความโปร่งโล่งมากกว่านี้ คาดว่าจะเป็นเหตุผลของความต้องการจากผู้ผลิตที่รักษาราคาของ STARIA ไม่ให้เกินระดับ 2 ล้านบาท
นอกจากส่วนผู้โดยสารแล้ว จุดที่น่าชมเชยของ HYUNDAI STARIA คือ ส่วนผู้ขับที่ออกแบบได้ทันสมัย ซึ่งตามปกติมักเป็นจุดที่ เอมพีวี หลายรุ่นมองข้ามไป เราพบว่าส่วนผู้ขับมีความเรียบง่าย ผสมความทันสมัย แผงหน้าปัดเป็นจอภาพดิจิทอลขนาดพอเหมาะ พร้อมจอแสดงผลตรงกลาง การเปลี่ยนโหมดเกียร์ใช้การกดปุ่ม แทนคันเกียร์แบบดั้งเดิม เพื่อการเพิ่มเนื้อที่ของเบาะแถวแรกให้รองรับผู้โดยสารตรงกลางได้ และทดแทนด้วยแป้นแพดเดิล ชิฟท์บนพวงมาลัย และเบาะนั่งของผู้ขับมีทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่งดีมาก ขณะที่การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ การปรับแต่งระบบช่วยเหลือการขับขี่ และระบบความปลอดภัยสามารถทำผ่านหน้าจอ ในช่วงแรกอาจต้องทำความคุ้นเคยเล็กน้อย
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ของ HYUNDAI STARIA คือ ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 47.0 กก.-ม. ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ โดยรวมแล้วถือว่าปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย การทดสอบครั้งนี้ เราจึงนำ เอมพีวี ร่วมเครือจากประเทศเกาหลีใต้ (และใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกัน) แต่ใช้เครื่องยนต์คนละบลอค นั่นคือ KIA CARNIVAL (เกีย คาร์นิวัล) ขุมพลังดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 202 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เรามาดูความแตกต่างโดยรวมของสมรรถนะกัน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. STARIA ทำเวลาที่ 12.8 วินาที ส่วน CARNIVAL คือ 10.5 วินาที เอมพีวี แต่ละคัน ถือว่ามีอัตราเร่งที่ดีพอสมควร แม้จะแตกต่างอยู่บ้าง แต่หากมองในแง่การเป็น เอมพีวี คันใหญ่ ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้รถยนต์นั่งหลายรุ่นเลย สำหรับอัตราเร่งตีนปลาย 0- 1,000 ม. เอมพีวี ของ HYUNDAI ทำเวลาที่ 34.0 วินาที (ที่ความเร็ว 157.1 กม./ชม.) ส่วนทาง KIA มีความได้เปรียบที่แรงม้า ทำเวลาที่ 31.9 วินาที (ที่ความเร็ว 166.1 วินาที) ในช่วงตีนปลายทาง STARIA อาจมีอาการแผ่วเล็กน้อย แต่ยังถือว่าทำได้ดีสำหรับการเป็น เอมพีวี
อัตราเร่งยืดหยุ่น เสมือนการเร่งแซงที่มีโอกาสใช้งานทั่วไปบนท้องถนนที่ 60-100 และ 80-120 กม./ชม. อัตราเร่งของ HYUNDAI STARIA คือ 6.7 และ 8.7 วินาที ส่วน KIA CARNIVAL ทำเวลาที่ 5.2 และ 6.6 วินาที เครื่องยนต์ที่แตกต่างกันยังคงทำให้อัตราเร่งของทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นช่วงความเร็วต่ำ ความแตกต่างไม่ถือว่ามากนัก
ถัดมา คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. (ใช้ความเร็วคงที่) STARIA มีตัวเลขที่ 23.1/21.1/16.3/12.1 กม./ลิตร ถือว่าทำน่าพอใจมากในช่วงความเร็วต่ำ มีการประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีในแง่ของการเป็น เอมพีวี ขนาดใหญ่ค่อนข้างต้านลมเช่นนี้ แม้ในช่วงความเร็วสูงตัวเลขจะตกลงมาบ้าง แต่อยู่ในระดับที่รับได้ ส่วน CARNIVAL ทำตัวเลขได้ที่ 26.0/20.8/15.0/13.6 กม./ลิตร
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับของ HYUNDAI STARIA เน้นความนุ่มนวลเป็นหลักตามแบบฉบับรถยนต์ประเภทนี้ เพื่อความสะดวกสบายที่ทั่วถึงทุกที่นั่ง เราพบว่าการโดยสารด้านหลังให้ความรู้สึกที่ดี โดยเฉพาะเบาะแถวที่ 2 และ 3 ส่วนแถวที่ 4 อาจมีความรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนมากกว่าเบาะแถวอื่นๆ เล็กน้อย แต่โดยรวมยังโดยสารได้สบายดี สำหรับการขับขี่ มีการบังคับควบคุมที่มั่นคง ไม่รู้สึกว่าตัวรถมีความเทอะทะแต่อย่างใด (แม้จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ก็ตาม) การหักเลี้ยวในช่วงความเร็วต่ำมีความคล่องตัว ผนวกกับกล้องมองภาพรอบคัน (ในรุ่น SEL) ทำให้การจอดรถ หรือขับในที่แคบทำได้ไม่ยากเย็น จุดอับสายตามีน้อย เนื่องจากกระจกหน้าต่างที่มีขนาดใหญ่ก็มีส่วนช่วยเช่นกัน การขับขี่ทางไกลในช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. ให้ความรู้สึกที่ดี การเข้าโค้งมีอาการโคลงบ้างเป็นธรรมดา จากการปรับแต่งระบบรองรับ และลักษณะของตัวรถ เป็นจุดที่ผู้ขับต้องทำความเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ติดตั้งมาหลายรายการ
HYUNDAI STARIA มีความเป็น เอมพีวี ยุคใหม่เต็มตัว นำเสนอด้วยรูปทรงที่แหวกแนว มีความโค้งมน ล้ำสมัย (จนบางคนอาจรู้สึกลังเลในทีแรก !) แต่เอาจริง จุดเด่นของความเป็น เอมพีวี ยังคงมีอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งที่มากพอ การใช้งานที่หลากหลาย และความกว้างขวางที่มีให้อย่างเหลือเฟือ ประกอบกับอุปกรณ์ใช้งาน และระบบความปลอดภัยสมกับการเป็นรถยนต์ยุคปัจจุบัน (ในรุ่นทอพ SEL) ภายใต้ราคาระดับไม่เกิน 2 ล้านบาท (นั่นคือ 1,999,000 บาท) ถือเป็นจุดที่น่าสนใจไม่น้อย ไม่ต้องจ่ายแพงระดับ 2-3 ล้านบาทขึ้นไป อย่างไรก็ตาม รูปแบบของเบาะนั่งที่ติดตั้งมาให้ อาจยังไม่โดนใจผู้ที่ต้องการความกว้างขวาง หรูหรา จากเบาะแถวที่ 2 เนื่องจากเป็นแบบ 3 ที่นั่ง แทนที่จะเป็นแบบ 2 ที่นั่ง เหมือนที่ H-1 เคยติดตั้งมาแล้ว