ทดสอบ(formula) 27 Nov 2021
HONDA CIVIC
การกลับมาของหนึ่งในซีดานยอดนิยม พร้อมภารกิจการรักษาความเป็น “หัวแถว” ของรถยนต์ระดับซี-เซกเมนท์ในบ้านเรา จากเดิมรุ่นก่อนหน้านี้สร้างผลงานที่น่าพอใจเอาไว้มากมาย การก้าวเข้าสู่ “แนวทางใหม่” ของรุ่นล่าสุด จะยังสานต่อความสำเร็จเอาไว้ได้หรือไม่ ? เรามาพิสูจน์กันกับ HONDA CIVIC รุ่นล่าสุด
EXTERIOR ภายนอก
จุดเปลี่ยนแปลงแรกที่เห็นได้ชัด คือ เส้นสายของ HONDA CIVIC (ฮอนดา ซีวิค) รุ่นล่าสุด มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน จากเดิมที่เน้นสันเหลี่ยมรอบคัน มีความดุดัน สู่เส้นสายที่เน้นความเรียบหรูมากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้อาจเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ไม่น้อยกว่ารุ่นล่าสุด ด้านรูปทรงที่สู้รุ่นก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่เอาเข้าจริง เมื่อมาเห็นกับตา และคุ้นเคยกับเส้นสายแนวใหม่ เราพบว่า CIVIC รุ่นนี้มีความลงตัวไม่น้อยทีเดียว เพิ่มความเรียบหรู แต่ยังผสมมาดสปอร์ทได้อย่างน่าพอใจ นอกจากนี้มิติตัวถังยังใหญ่กว่าเดิมเกือบทุกมิติ โดยเฉพาะระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น
รุ่นที่เรานำมาทดสอบ คือ ตัวทอพ RS (อาร์เอส) ตกแต่งตัวถังภายนอกให้มีความสปอร์ทกว่ารุ่นย่อยอื่นๆ เสริมชุดตกแต่งรอบคัน เน้นโทนสีดำ ไม่ว่าจะเป็นมือเปิดประตู สปอยเลอร์ท้าย และล้อแมกลายเฉพาะขนาด 17 นิ้ว (ถ้าเป็นขนาด 18 นิ้ว จะลงตัวกว่านี้ได้อีก) ขณะที่ท่อไอเสียเป็นแบบ ปลายท่อคู่อยู่บริเวณมุมล่างของกันชนทั้ง 2 ฝั่ง (ต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้เป็นท่อไอเสียคู่หลบอยู่ภายในกันชนท้าย) ทำให้เพิ่มความสปอร์ทกับ CIVIC รุ่นนี้ได้พอสมควร
INTERIOR ภายใน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งกว่ารูปทรงภายนอก คือ รูปแบบของห้องโดยสารที่ถูกอัพเกรดขึ้นอย่างชัดเจน เราพบว่าการออกแบบมีความลงตัว ทันสมัย แฝงดีไซจ์นที่มีลูกเล่นน่าสนใจ นั่นคือ ช่องแอร์ที่มีตะแกรงทรงรังผึ้งปิดอยู่ด้านนอกสุด การปรับทิศทางของลมจะใช้งานผ่านคันโยกที่ยื่นออกมาด้านนอก จอแสดงผลตรงกลางเป็นแบบทรงแบน ระบบสัมผัส การใช้งานผ่านหน้าจอมีความไหลลื่นมากกว่าเดิม ติดตั้งเนวิเกเตอร์ในตัว (รุ่นก่อนหน้านี้ไม่มีมาให้) และยังรองรับการเชื่อมต่อกับมือถือ บริเวณคอนโซลเกียร์ออกแบบให้ต่ำลงมาเล็กน้อย คันเกียร์อยู่ทางฝั่งขวามือติดกับผู้ขับ ถัดไปเป็นแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย และช่องต่อ USB ต่างๆ มีตำแหน่งการติดตั้งที่ใช้งานได้สะดวกขึ้น ถัดมาเป็นแผงหน้าปัดแบบดิจิทอลเต็มตัว มีความคมชัดที่น่าพอใจ ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ นั่นคือ การแสดงผลมาตรวัดทรงกลมตามปกติ หรือเปลี่ยนแถบบาร์ด้านข้างจอ เน้นการแสดงผลของระบบ HONDA SENSING อย่างไรก็ตาม เราคิดว่ารูปแบบการแสดงผลของหน้าปัดควรมีความหลากหลาย และมีสีสันมากกว่านี้ ขณะที่การตกแต่งรอบห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกที่หรูอย่างเหมาะสม วัสดุที่ใช้ และการประกอบทำดีกว่าเดิม รวมถึงการเก็บเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารที่ทำได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน
ENGINE เครื่องยนต์
HONDA CIVIC รุ่นล่าสุดหันมาใช้เครื่องยนต์บลอคเดียวแล้ว นั่นคือ เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 178 แรงม้า (รุ่นก่อนหน้านี้มีทางเลือก คือ เบนซิน 1.8 ลิตร 141 แรงม้า และเบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร 173 แรงม้า) พร้อมแรงบิดสูงสุดที่มากกว่าเดิมเล็กน้อย คู่เปรียบเทียบสมรรถนะ คือ CIVIC ตัวถังซีดานรุ่นก่อนหน้านี้ และคู่แข่งอย่าง MAZDA 3 FASTBACK (มาซดา 3 ฟาสต์แบค) เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. CIVIC รุ่นล่าสุด ทำได้ที่ 8.9 วินาที ถือว่ามีความฉับไวที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ CIVIC รุ่นก่อนหน้านี้ เคยทำตัวเลขได้ที่ 8.4 วินาที ส่วนคู่แข่งอย่าง MAZDA 3 คือ 10.7 วินาที จะเห็นได้ว่า CIVIC ช้ากว่ารุ่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย แม้มีแรงม้าเพิ่มขึ้น แต่ยังถือว่าใกล้เคียงกัน และยังฉับไวกว่าคู่แข่งพอสมควร
อัตราเร่ง 0-1,000 ม. CIVIC รุ่นล่าสุด ทำเวลาที่ 29.8 วินาที (ที่ความเร็ว 180.6 กม./ชม.) ส่วน CIVIC ตัวถังซีดานในรุ่นก่อนหน้านี้ คือ 29.2 วินาที (ที่ความเร็ว 183.1 กม./ชม.) ขณะที่ MAZDA 3 มีตัวเลข คือ 31.8 วินาที (ที่ความเร็ว 171.4 กม./ชม.) ในช่วงความเร็วตีนปลาย CIVIC รุ่นล่าสุดมีการตอบสนองที่ดี ส่งกำลังได้ต่อเนื่อง ไม่มีอาการสะดุด ตั้งแต่ออกตัวถึงช่วงความเร็วสูง ความเรียบเนียนของการส่งกำลังอาจต้องแลกกับอัตราเร่งในช่วงเสี้ยววินาที (เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้) แต่ให้ความรู้สึกขณะขับขี่ที่น่าพอใจขึ้น
ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. HONDA CIVIC รุ่นล่าสุด ทำได้ที่ 4.6 และ 5.4 วินาที สำหรับรุ่นก่อนหน้านี้ คือ 4.3 และ 5.3 วินาที สุดท้าย คือ MAZDA 3 ทำตัวเลขได้ที่ 5.3 และ 6.8 วินาที ในส่วนนี้ ถือว่า CIVIC รุ่นล่าสุด ทำได้ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้านี้มากๆ แทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างขณะขับขี่จริงๆ อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ดีมาจากแรงบิดที่เพิ่มขึ้น และเครื่องยนต์ที่เพิ่มระบบแปรผันมากกว่าเดิม ไม่เน้นอัตราเร่งที่ดุดัน แต่เน้นการตอบสนองที่เนียนกว่าเดิม
สุดท้าย คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. CIVIC รุ่นล่าสุด มีตัวเลข คือ 28.3/25.4/19.5/14.8 กม./ลิตร ขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้ คือ 29.1/26.4/19.9/15.7 กม./ลิตร แม้ใช้เครื่องยนต์บลอคเดียวกัน และมีการปรับปรุงใหม่หลายส่วน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ CIVIC รุ่นล่าสุด มีความใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้านี้ ในแง่ของการใช้ความเร็วคงที่ บูสต์ของเทอร์โบไม่สูง เครื่องยนต์ความจุ 1.5 ลิตร ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีมากๆ ขณะเน้นอัตราเร่งเมื่อไร การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะสูงมากๆ เช่นกัน เป็นจุดที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี ขณะที่คู่แข่งอย่าง MAZDA 3 ทำได้ที่ 31.0/26.0/19.0/15.6 กม./ลิตร มีความโดดเด่นในช่วงความเร็วต่ำ แม้ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับของ HONDA CIVIC มีการปรับแต่งให้ลงตัวกับสมรรถนะโดยรวมของตัวรถ เรามีความรู้สึกว่า ช่วงล่างมีความหนึบมากกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ยังคงความนุ่มนวลอย่างเหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไป ความสูงของระบบรองรับลดลงมาจากเดิม (ช่วยให้ตัวรถมีรูปทรงที่ลงตัวด้วย) พวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ตอบสนองได้แม่นยำ เราทดสอบทั้งการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ การจราจรหนาแน่น และการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ พบว่าระบบรองรับมีความเหมาะสมที่หลากหลายอย่างน่าพอใจ ไม่มีความแข็งกระด้าง แต่ให้ความมั่นคงในเวลาเดียวกัน (ภายใต้ยางยี่ห้อเดิมเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ นั่นคือ YOKOHAMA ADVAN DB ขนาด 215/50 R18) กับระยะเบรคที่ทำได้ดีเกินคาด และเป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นที่ทำได้อย่างน่าพอใจเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้เช่นกัน
จุดที่น่าพอใจ คือ การติดตั้งระบบความปลอดภัย HONDA SENSING ในทุกรุ่นย่อย ทั้งระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว ระบบช่วยเบรคเมื่อเข้าใกล้รถคันหน้า ระบบรักษาตัวรถให้อยู่กลางเลน สิ่งที่พัฒนาขึ้น คือ การแสดงผลมีความทันสมัยยิ่งขึ้น สามารถระบุลักษณะของยานพาหนะที่อยู่รอบๆ ทั้งรถเก๋ง หรือรถบรรทุก แม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์ และมีฟังค์ชันที่เพิ่มเข้ามา คือ การเตือนเมื่อรถยนต์คันหน้าเริ่มออกตัว ขณะที่เราจอดนิ่ง อย่างไรก็ตาม ปกรณ์บางอย่างที่ควรจะมี เช่น กล้องมองภาพรอบคัน และระบบเตือนจุดอับสายตาจากด้านหลัง กลับไม่มีติดตั้งมาให้
สมรรถนะควบคู่ความหรู
HONDA CIVIC มีองค์ประกอบภายนอก นั่นคือ เส้นสายที่มาแนวใหม่ เน้นความหรูมากกว่าเดิม ใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง ACCORD (แอคคอร์ด) พร้อมขนาดตัวโดยรวมที่ใหญ่ขึ้น และห้องโดยสารที่กว้างขวาง ออกแบบทันสมัย จัดเป็นรูปแบบใหม่ที่ CIVIC ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนสมรรถนะนั้นมีความฉับไวอย่างน่าพอใจอยู่แล้ว สิ่งที่ปรับปรุงเข้ามา คือ การตอบสนองที่เรียบเนียนมากกว่าเดิม การตอบสนองคันเร่งมีความแม่นยำราวกับเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศบวกกับการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีมาก (หากใช้ความเร็วคงที่) ขุมพลังยังปรับแต่งให้รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 อีกด้วย พร้อมกับระบบรองรับที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น มั่นคง ยิ่งขึ้น แต่ยังมีความนุ่มนวลสะดวกสบายในระดับที่พอเหมาะ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยที่ทั่วถึงทุกรุ่นย่อย (จากเดิมมีในรุ่นทอพเท่านั้น) แม้จะมีจดสังเกตอยู่บ้าง คือ ระบบความปลอดภัยบางรายการที่คู่แข่งระดับเดียวกันล้วนมีติดตั้งกันแล้ว แต่ใน CIVIC รุ่นล่าสุดกลับยังไม่มีมาให้ สุดท้าย คือ ค่าตัวที่อยู่ระหว่าง 964,900-1,199,900 บาท ไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ได้ความแตกต่าง และการปรับปรุงหลายจุด ถือเป็นจุดที่คุ้มค่าของซีดานรุ่นนี้