เรื่องเด่น Quattroruote
ทดลองขับ BMW IX
โครงสร้างตัวถังที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด บ่งบอกการเป็นยานยนต์ไฟฟ้ายุคหน้าจากค่ายรถสัญชาติเยอรมัน เส้นสายที่โดดเด่น ระบบความบันเทิงสุดล้ำสมัย สมรรถนะที่ร้อนแรง และการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แม้จะมีน้ำหนักโดยรวมค่อนข้างมาก
รุ่น XDRIVE50
ข้อมูลของรถทดลองขับ
เครื่องยนต์
• ล้อคู่หน้า มอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมเพลาขับแยก
• ล้อคู่หลัง มอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมเพลาขับแยก
• กำลังสูงสุด 523 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด 78.0 กก.-ม.
ความจุแบทเตอรี
• ความจุทั้งหมด 112 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใช้งานได้จริง 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง) รองรับการชาร์จประจุไฟฟ้า
• การชาร์จปกติที่ 11 กิโลวัตต์/การชาร์จเร่งด่วน 200 กิโลวัตต์
ระบบส่งกำลัง
• ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
• ระบบเกียร์แบบอัตราทดเดียว
สมรรถนะ
• ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที
• อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า 5.1 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
• ระยะฐานล้อ 3,000 มม.
• ความยาว 4,950 มม. กว้าง 1,970 มม. สูง 1,700 มม.
• น้ำหนักโดยรวม 2,585 กก.
ราคา
• 103,000 ยูโร (ประมาณ 3,700,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
รูปแบบใหม่เกือบทั้งหมด
BMW IX (บีเอมดับเบิลยู ไอเอกซ์) มีจุดเด่นที่แปลกใหม่มากมายรอบคัน หนึ่งในนั้น คือ โลโกใบพัดสีฟ้าขาวบนฝากระโปรงหน้าเป็นที่ซ่อนชุดฉีดน้ำทำความสะอาด พร้อมคุณสมบัติที่ทันสมัย แหวกแนวจากรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ของค่ายรถ แต่มีความลงตัวอย่างเหลือเชื่อ รวมถึงการใช้งานที่เป็นประสบการณ์อันแปลกใหม่ สู่ยุคสมัยใหม่ระลอกใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถเมืองมิวนิค นับตั้งแต่รุ่นบุกเบิกอย่าง I3 (ไอ 3) ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2013 และกำลังจะก้าวไปอีกระดับกับ IX รถยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำจากค่าย BMW และเปี่ยมด้วยความทันสมัยที่เพียบพร้อม นับตั้งแต่เส้นสายที่โดดเด่นจากกระจังหน้าไตคู่ขนาดมหึมา แบบที่ใช้มาแล้วกับ 4 SERIES กับรูปแบบที่แตกต่างจากความคุ้นเคยดั้งเดิมของเครื่องยนต์สันดาป สู่การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมระบบความบันเทิงรุ่นใหม่ที่เพียบพร้อม และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัย
แนวคิดการคิดใหม่ทำใหม่ให้มีความแตกต่างจากรูปแบบดั้งเดิมถูกทำขึ้นมาอย่างชาญฉลาด ทั้งภายนอก และภายใน แทบไม่เห็นความคุ้นเคยเดิมๆ ของ BMW หลงเหลืออยู่ นับตั้งแต่ห้องโดยสาร มีการออกแบบแผงคอนโซลที่เรียบง่ายกว่าเดิม และเน้นเส้นตรงมากยิ่งขึ้น ปุ่มใช้งานต่างๆ ถูกลดจำนวนลง แทนที่ด้วยจอภาพใช้งานทรงโค้งขนาดใหญ่จำนวน 2 จอ ดูคล้ายกับแทบเลท ทำหน้าที่เป็นแผงหน้าปัด และการแสดงผลระบบความบันเทิง มีขนาดใหญ่ถึง 12.3 และ 14.9 นิ้วตามลำดับ เท่านั้นยังไม่พอ พวงมาลัยยังถูกออกแบบให้เน้นรูปทรงหกเหลี่ยม และมือเปิดประตูเป็นหนึ่งในรูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิง มือเปิดประตูแบบดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยปุ่มเปิดประตูควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค สิ่งที่ยังหลงเหลือความคุ้นเคยเดิมๆ เอาไว้ คือ ปุ่มใช้งานระบบ IDRIVE ซึ่งถูกเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ 7 SERIES รหัสตัวถัง E65 ตั้งแต่ปี 2001 แต่ครั้งนี้ถูกเสริมด้วยระบบสั่งงานผ่านหน้าจอสัมผัส พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ทันสมัย และการแสดงที่ล้ำสมัย แม่นยำ มีกราฟิคที่คมชัด ระบบใช้งานรุ่นที่ 8 ของ BMW ถูกนำมาใช้งาน สามารถอัพเดทพโรแกรมด้วยตัวเองแบบออนไลน์ รวมถึงระบบเนเวิเกเตอร์ที่เชื่อมโยงกับระบบออนไลน์แบบคลาวด์ สามารถประมวลได้รวดเร็วแบบเรียลไทม์
หากพิจารณาในแง่ของมิติตัวถัง (ระยะฐานล้อร่วม 3 ม. และความยาวระดับ 5 ม. และความกว้างร่วม 2 ม.) รวมถึงการต้องเผื่อเหลือให้แก่พื้นที่ของชุดมอเตอร์ไฟฟ้า เราพบว่าพื้นที่ของห้องโดยสารกลับกว้างขวางเกินคาด และไม่มีอุโมงค์เกียร์มากินเนื้อที่ภายในด้วยซ้ำไป ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายที่ 500 ลิตร และเมื่อพับเก็บเบาะด้านหลังจะมีความจุสูงสุดถึง 1,750 ลิตร เลยทีเดียว
IX ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา มี 2 รุ่นย่อยเมื่อเปิดตัว นั่นคือ XDRIVE40 (เอกซ์ดไรฟ 40) กำลังสูงสุด 326 แรงม้า และแรงบิดสุงสุด 64.2 กก.-ม. แบทเตอรีความจุ 71 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทำการสูงสุด (ตามมาตรฐาน WLTP) ที่ 425 กม. ขณะที่รุ่น XDRIVE50 (เอกซ์ดไรฟ 50) มีความจุแบทเตอรีถึง 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทำการสูงสุดที่ 630 กม. กำลังสูงสุดที่ 523 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 78.0 กก.-ม. ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มีสมรรถนะที่ฉับไวเอาเรื่อง แม้จะแบกน้ำหนักโดยรวมที่ 2.5 ตัน มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.6 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 200 กม./ชม.
การขับขี่ที่ลงตัว
ตัวเลขสมรรถนะดังกล่าวอาจไม่ถึงกับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากนัก หากมองในแง่ของการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ส่งกำลังออกมาอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งอัตราเร่งอันฉับไว รวมถึงการปลดปล่อยกำลังออกมาอย่างต่อเนื่องจากการปราศจากชุดเกียร์ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สมรรถนะที่ดุดัน ต้องไม่มองข้ามถึงความมั่นคงปลอดภัยขณะขับขี่ และการควบคุมที่อยู่มือ นับว่า IX มีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วน จากระบบรองรับที่ถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว (ด้านหน้าแบบปีกนกคู่ ด้านหลังแบบ มัลทิลิงค์ 5 จุดยึด) เสริมด้วยระบบรองรับแปรผันการตอบสนองได้ และระบบบังคับเลี้ยวล้อคู่หลัง และยังมีคุณสมบัติด้านจุดศูนย์ถ่วงที่ลงตัว จากการติดตั้งชุดแบทเตอรีเอาไว้ใต้พื้นรถ ผนวกกับการส่งแรงบิดไปยังล้อแต่ละตำแหน่งอย่างสมดุล เหมาะสมกับขนาดของล้อที่ค่อนข้างใหญ่โต (รถที่ทดลองขับติดตั้งล้อแมกขนาด 22 นิ้วเลยทีเดียว) ความโดดเด่นดังกล่าวสามารถสัมผัสได้เมื่อเรากดคันเร่งลงไปกับ IX คันนี้ แม้ขณะทำความเร็วสูงบนทางหลวงที่ไม่จำกัดความเร็วของประเทศเยอรมนี ตัวรถยังคงมีความนิ่ง และมั่นคงอย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังหนึบแน่นในขณะที่เข้าโค้งบนทางหลวง อย่างไรก็ตาม จุดเด่นที่น่าสนใจที่แท้จริง คือ ความสะดวกสบายของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ระบบรองรับแบบถุงลมสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางสภาพพื้นผิวยางมะตอยของถนนหลวงในประเทศเยอรมนี รวมถึงขณะใช้ความเร็วคงที่ เสียงรบกวนในห้องโดยสารมีน้อยมาก นับเป็นจุดที่น่าชมเชย เสียงที่เล็ดลอดเข้ามามีเพียงลมปะทะตัวถังในช่วงความเร็วสูงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ยังถวิลหาซุ่มเสียงที่เร้าใจแบบ BMW ยุคดั้งเดิมกับเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง น่าจะถูกใจระบบ ICONICSOUNDS ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับสามารถเลือกเสียงสังเคราะห์ได้สำหรับ IX ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์จะปรับโทนเสียงตามระดับการกดคันเร่งได้ รวมถึงขณะทำอัตราเร่ง และตามโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีเสียงจากระบบความบันเทิงช่วยเสริมบรรยากาศในห้องโดยสาร มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ เพื่อการโดยสารที่ไม่จำเจ เป็นหนึ่งในฟังค์ชันการใช้งานที่ทำให้ IX มีความล้ำสมัย แตกต่างจาก BMW รุ่นอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
ข้อมูลทางเทคนิค การปราศจากเครื่องยนต์สันดาป
ภายใต้การเป็นรถยนต์ที่ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของค่ายรถ แต่ IX ยังคงมีองค์ประกอบของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งล้อคู่หน้า และหลัง พร้อมชุดควบคุมความเร็วของมอเตอร์ ชุดเฟืองท้ายส่งกำลัง และระบบควบคุมการขับเคลื่อนด้วยอีเลคทรอนิค มอเตอร์ไฟฟ้าของรถรุ่นนี้มีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ นั่นคือ ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ประกอบด้วยแม่เหล็กเหนี่ยวนำ การทำงานจึงมีประจุแม่เหล็กไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยสำหรับการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อการนี้ระบบมอเตอร์จึงต้องมีการสัมผัสเล็กน้อยในระหว่างทำงาน แม้จะทำให้โอกาสของการสึกหรอมีมากขึ้นด้วย (แต่ทีมงานทางเทคนิคของ BMW ยืนยันว่าความทนทานของระบบไฟฟ้าดังกล่าวมีมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น) ผลลัพธ์ คือ การสามารถแปรผันพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานสำหรับขับเคลื่อนขุมพลังได้ดีขึ้น ภายใต้โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ผู้ขับสามารถปรับรูปแบบของการส่งกำลังตามต้องการ ผลดีอีกประการ คือ การลดปริมาณแร่พิเศษที่ถูกใช้สำหรับระบบไฟฟ้า สามารถลดปริมาณการใช้แร่ดังกล่าวถึง 45 % คำนวณจากการใช้งานระหว่างช่วงอายุการใช้งานของ IX เมื่อเทียบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วไป นอกจากนี้ ทางโรงงานที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วยการหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนสำหรับสายการผลิต เช่น กระบวนการขึ้นรูปวัสดุอลูมิเนียมสำหรับส่วนตัวถังก็ยังใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ขณะที่การใช้แร่โคบอลท์สำหรับชุดเซลล์แบทเตอรีมีกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด