เรื่องเด่น Quattroruote
ศึก B-SUV AUDI Q2 VS JEEP RENEGADE
ศึกครั้งนี้ไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการพบกันของเอสยูวี ขุมพลังเบนซิน เทอร์โบ พละกำลังที่ 150 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ และขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ละคันมีจุดเด่นแตกต่างกันไป คันหนึ่งเป็นสายพันธุ์อิตาเลียน-อเมริกันยอดนิยม อีกคันมีความหนึบแน่นในสไตล์เยอรมัน ปรับโฉมมาล่าสุด
รุ่น 35 TFSI S TRONIC S LINE EDITION
ราคา
- (ประมาณ 1,500,000 บาท) ไม่รวมภาษีนำเข้า 36,900 ยูโร
เครื่องยนต์
- เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบเรียง
- 1,498 ซีซี
กำลังสูงสุด
- 150 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
- จากผู้ผลิต 15.5 กม./ลิตร
- ความคุ้มค่า 10.50 ยูโร/100 กม.
- ความคุ้มค่า (ชาร์จปกติ) 10.50 ยูโร/กม.
ค่าไอเสียเฉลี่ย
- จากผู้ผลิต 147 กรัม/กม.
- จากการทดสอบ 176 กรัม/กม.
รุ่น 1.3 T4 DDCT LIMITED
ราคา
- (ประมาณ 1,420,000 บาท)ไม่รวมภาษีนำเข้า 30,250 ยูโร
เครื่องยนต์
- เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบเรียง
- 1,332 ซีซี
กำลังสูงสุด
- 150 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
- จากผู้ผลิต 15.4 กม./ลิตร
- ความคุ้มค่า 12.19 ยูโร/100 กม.
- ความคุ้มค่า (ชาร์จปกติ) 12.19 ยูโร/กม.
ค่าไอเสียเฉลี่ย
- จากผู้ผลิต 149 กรัม/กม.
- จากการทดสอบ 204 กรัม/กม.
เอสยูวี 2 รุ่นที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทางฝั่ง AUDI Q2 (เอาดี คิว 2) เป็นตัวแทนของสายพันธุ์ลุยยุคใหม่ มีรูปทรงที่โฉบเฉี่ยว และความทันสมัยรอบคัน ขณะที่อีกฝั่ง คือ JEEP RENEGADE (จีพ เรเนเกด) กับมาดบึกบึน พร้อมชื่อเสียงที่สั่งสมมาช้านานของค่ายรถ รูปทรงมีเอกลักษณ์ บ่งบอกการเป็นรถยนต์เน้นกิจกรรมกลางแจ้ง และการลุยสารพัดรูปแบบ จุดเด่นที่แตกต่างของเอสยูวีแต่ละรุ่นสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่การลุยป่าเขา แต่ยังรวมถึงการใช้งานในตัวเมืองอีกด้วย
จุดสำคัญของรถยนต์ทั้ง 2 คัน นอกเหนือจากที่ทีมงานพบระหว่างทดสอบ คือ เอสยูวีที่มีความสปอร์ทในตัวเช่นกัน กับมิติตัวถังที่ใกล้เคียงกัน พร้อมกับคุณสมบัติที่คู่ควรแก่การนำมาเปรียบเทียบกันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง (เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบเรียง 150 แรงม้า ทั้ง 2 คัน) การขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และระบบส่งกำลังแบบคลัทช์คู่ โดยทาง JEEP เป็นแบบ 6 จังหวะ ส่วน AUDI คือ 7 จังหวะ เท่านั้นยังไม่พอ ทั้ง Q2 และ RENEGADE เป็นรถยนต์ที่ไม่มีระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามาเกี่ยวข้อง ติดตั้งเพียงระบบสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเท่านั้น
จุดร่วมที่มีความคล้ายคลึงกัน หรือแม้แต่ใกล้เคียงกันมากของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ทำให้การทดสอบครั้งนี้มีจุดแตกต่างที่น่าสนใจมาก ทีมงานของเราจะมาลงลึกในรายละเอียดของรถยนต์แต่ละรุ่น เริ่มจาก AUDI Q2 ที่เพิ่งปรับโฉมไปไม่นาน
ปรับโฉมเล็กน้อย
การปรับโฉมของรถยนต์หลายรุ่นอาจดูไม่น่าสนใจมากนัก เส้นสายโดยรวมยังคงถูกรักษาเอาไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตาม สำหรับ Q2 ทีมงานผู้ออกแบบมีการปรับปรุงเส้นสายพอสมควร โดยเฉพาะส่วนหน้าของตัวรถ มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียด โดยไม่มีผลต่อความโฉบเฉี่ยวโดยรวมของตัวรถ หนึ่งในจุดที่ถูกเปลี่ยนแปลง คือ ไฟหน้าแบบแอลอีดี นำวิถีด้วยเลเซอร์ ชุดโคมไฟถูกปรับปรุงให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเป็นอุปกรณ์ที่รวมอยู่ในชุดตกแต่ง EDITION ONE และสามารถสั่งติดตั้งเพิ่มเติมได้กับรุ่นย่อยอื่นๆ (ราคา 850 ยูโร) ช่วยให้ตัวรถมีความโดดเด่นยิ่งขึ้นในยามค่ำคืน โดยเฉพาะเวลาที่มีความสว่างน้อย
ขณะที่ทาง RENEGADE ใช้ไฟหน้าแบบแอลอีดี เช่นกัน (ราคา 1,000 ยูโร) โดยมีจุดเด่นที่แตกต่าง คือ พื้นที่ของผู้โดยสารด้านหลังมีความกว้างขวางมากกว่า ต้องยอมรับว่า Q2 ไม่ใช่เอสยูวี ที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางที่มีผู้โดยสาร 5 คน แต่หากจำเป็น ผู้โดยสารสามารถนั่งบนเบาะแถวที่ 2 ได้ 3 คน
เมื่อหันมาพิจารณาจุดอื่นๆ ความได้เปรียบเสียเปรียบของรถทั้ง 2 รุ่นเปลี่ยนไปทันที นั่นคือ ระบบความบันเทิง Q2 มีการใช้งานที่สะดวกสบาย แม้ขณะกำลังขับรถอยู่ เป็นผลดีจากบรรดาปุ่มใช้งานต่างๆ บริเวณคอนโซลเกียร์ ขณะที่ทาง RENEGADE มีระบบความบันเทิง และการเชื่อมต่อชื่อ UCONNECT และจอระบบสัมผัส การแสดงผลมีความชัดเจน และรองรับระบบ ANDROID AUTO และ APPLE CAR PLAY เช่นเดียวกับคู่แข่ง
สำหรับพื้นที่เก็บสัมภาระท้าย มีความแตกต่างของความจุเพียง 15 ลิตร เท่านั้น (ทาง AUDI มี 363 ลิตร ขณะที่ JEEP มี 348 ลิตร โดยไม่รวมพื้นที่ของที่เก็บยางอะไหล่) ถือว่าใกล้เคียงกันมากๆ อย่างไรก็ตาม Q2 มีการประกอบที่ดีกว่า และประตูบานท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า แต่มีจุดต้องติเหมือนกับทาง RENEGADE นั่นคือ ขอบล่างของประตูบานท้ายมีความสูงค่อนข้างมาก ทำให้ไม่สะดวกนักเมื่อต้องขนสัมภาระที่มีน้ำหนักมาก หรือมีขนาดใหญ่ การบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวมากสามารถช่วยได้ด้วยเบาะหลังพับแยกแบบ 40:20:40 แต่เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้งเพิ่มเติม
ขุมพลังตอบสนองต่างกัน
ระบบความบันเทิง รูปแบบที่แตกต่าง
เมื่อขึ้นมานั่งส่วนผู้ขับ เราพบว่ารถทั้ง 2 รุ่นมีรูปทรงของเบาะที่โอบกระชับสรีระได้ดีมาก ทาง AUDI สามารถปรับตำแหน่งได้ละเอียด และแม่นยำยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับของ JEEP แต่มีจุดสังเกตอยู่บ้าง นั่นคือ รูปทรงของเสาเอด้านหน้า มีจุดอับสายตาค่อนข้างมากขณะขับขี่
ในส่วนของเครื่องยนต์เป็นแบบพ่วงเทอร์โบทั้งคู่ มีการตอบสนองที่แตกต่างกัน RENEGADE ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร พัฒนาร่วมกับค่ายรถร่วมเครือ มีการตอบสนองที่ไหลลื่นไม่แพ้รถยนต์สัญชาติเยอรมัน แต่ขณะเดียวกันก็มีอัตราเร่งที่ฉับไวอย่างน่าพอใจด้วยในช่วงรอบเครื่องยนต์สูง ขณะที่ทาง AUDI ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มีการทำงานที่ไหลลื่น และนุ่มนวลดีมาก แต่อาจไม่เหมาะสำหรับการขับแบบเน้นสมรรถนะเต็มตัว
เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ของทั้ง 2 คัน สามารถทำความคุ้นเคยได้ไม่ยาก AUDI มีระบบเกียร์ที่แม่นยำ และส่งกำลังได้หนักแน่น (อาจตอบสนองช้าไปบ้างขณะออกตัว) ขณะที่เกียร์แบบ 6 จังหวะของ RENEGADE มีการทำงานที่ดีเช่นกัน แต่น่าจะปรับปรุงความไหลลื่นให้ดีกว่านี้ได้ เมื่อลองหันมาเปลี่ยนจังหวะด้วยตัวเอง การทำงานยังไม่ฉับไวเท่าที่ควร
คุณลักษณะการขับขี่ของ AUDI ภายใต้ล้อแมกขนาด 19 นิ้ว และระบบรองรับแปรผันการตอบสนองด้วยไฟฟ้า ทำให้ขับสนุกดีมาก เข้าโค้งได้มั่นใจ จากระบบบังคับเลี้ยวที่ฉับไว และแม่นยำ พร้อมระบบช่วยเหลือที่ทำงานได้อย่างลงตัว ทางด้าน RENEGADE เน้นการขับขี่ที่นุ่มนวล และไหลลื่น แม้เราจะคาดหวังให้มีความหนึบแน่นมากกว่านี้ก็ตามที พิจารณาจากขนาดของยางที่ใช้งาน ความนุ่มนวลของตัวรถสามารถรับรู้ได้จากผู้โดยสารทุกตำแหน่ง แม้ระบบรองรับด้านหน้าจะถูกปรับแต่งมาค่อนข้างหนึบแน่นไปเล็กน้อยก็ตาม สัมผัสได้ยามแล่นบนพื้นถนนแห้ง
ปิดท้ายด้วยหัวข้ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากการทดสอบโดยตรง แม้ในความเป็นจริง AUDI จะมีอัตราเร่ง และอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ฉับไวกว่า แต่กลับมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่าเช่นกัน ในแทบทุกหัวข้อของการทดสอบ ตัวเลขเฉลี่ยของ Q2 ทำได้ที่ 13.6 กม./ลิตร ขณะที่ทาง JEEP ทำได้เพียง 11.7 กม./ลิตร ความแตกต่างจากตัวเลขยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นในกรณีที่ขับขี่ในตัวเมือง เอสยูวีจากค่ายสี่ห่วง ทำตัวเลขได้ที่ 13.0 กม./ลิตร ขณะที่ทาง RENEGADE ทำได้ดีที่สุดเพียง 10.4 กม./ลิตร เท่านั้น
รถทั้ง 2 รุ่นเหมาะสำหรับการใช้งานกิจกรรมกลางแจ้ง มีความหลากหลาย แต่หากใครที่มีความสนใจรถยนต์ที่ใช้ขุมพลังไฮบริด ลองพิจารณาในหัวข้อถัดไปได้ หนึ่งในนั้น คือ RENEGADE 4XE (ลงบทความทดสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว) รวมถึงหน้าใหม่อย่าง MINI COUNTRYMAN รุ่นเครื่องยนต์พลัก-อิน ไฮบริด
ความแตกต่างเห็นได้ชัดตั้งแต่อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้ในรถแต่ละรุ่น ทาง JEEP สั่งงานผ่านจอระบบสัมผัส ขณะที่ AUDI ใช้งานผ่านปุ่มต่างๆ และยังมีระบบเนวิเกเตอร์ในตัว (ราคา 1,150 ยูโร) รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ตั้งแต่ข่าวสารต่างๆ พยากรณ์อากาศ ตำแหน่งของศูนย์บริการ รวมถึงตำแหน่งของปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนทาง RENEGADE มีการแสดงผลบนหน้าจอที่ไม่ซับซ้อนเกินไป (ระบบเนวิเกเตอร์ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1,300 ยูโร) รองรับแอพพลิเคชันบางรายการ สามารถคำนวณอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และประเมินลักษณะการขับขี่ได้ด้วย
พื้นที่ใช้สอย และทัศนวิสัย
ในแง่ของความยาวแล้ว ทั้ง AUDI และ JEEP มีความใกล้เคียงกันมาก ขณะที่ทาง RENEGADE มีความกว้างมากกว่าเล็กน้อย ผู้โดยสารบนเบาะหลังจะมีความสะดวกสบายมากกว่า โดยเฉพาะช่วงหัวไหล่ขึ้นไป ส่วน Q2 มีทัศนวิสัยที่ดีกว่า จากเสาเอทรงเรียว ไม่บดบังการมองเห็นขณะขับขี่ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คันได้ประโยชน์จากกล้องมองหลังมากๆ ช่วยให้การถอยจอดสะดวกสบายขึ้นมาก
ทางเลือกแบบชาร์จไฟฟ้าได้ พลัก-อิน ไฮบริดจาก JEEP และ MINI
ในกรณีที่ผู้ใช้รถอาศัยในตัวเมือง (กับการจราจรที่หนาแน่น) และคาดหวังความคุ้มค่าในแง่ของค่าใช้จ่ายของพลังงานเชื้อเพลิงในระยะยาว (นอกเหนือจากการประหยัดค่าน้ำมันแล้ว บางแห่งอาจได้รับอัตราภาษีพิเศษด้วยสำหรับรถยนต์มลพิษต่ำ) ทางเลือกของรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด ถือว่าน่าสนใจมาก เรานำรถยนต์ 2 รุ่นมากล่าวถึงในบทความส่วนนี้ เริ่มจาก JEEP RENEGADE 4XE (มีกำลังสูงสุดถึง 240 แรงม้า) ถัดมา คือ อีกหนึ่งคู่แข่งโดยตรง นั่นคือ MINI COUNTRYMAN PLUG-IN HYBRID (มีนี คันทรีแมน พลัก-อิน ไฮบริด) ปรับโฉมล่าสุด ขุมพลังลักษณะดังกล่าวทำให้รถยนต์สามารถแล่นด้วยไฟฟ้าล้วนๆ โดย 4XE สามารถแล่นด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ถึง 40 กม. เลยทีเดียว ขณะที่ MINI แล่นได้ไกล 39 กม. เพื่อการใช้งานที่ได้ประโยชน์สูงสุด ทางผู้ผลิตจึงแนะนำว่า ผู้ใช้งานควรชาร์จไฟฟ้าให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้า รวมถึงสายเคเบิลควรถูกเตรียมพร้อมเอาไว้เสมอ ทั้งแท่นชาร์จ และชุดควบคุมแรงดันไฟฟ้าต่างๆ ล้วนมีความจำเป็น นอกจากนี้ จุดเด่นของทั้ง COUNTRYMAN และ RENEGADE แบบพลัก-อิน ไฮบริด ยังมีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม (อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระดับ 6 วินาทีเท่านั้น) ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อระดับแบทเตอรีเหลือน้อย MINI ทำได้ที่ 13.6 กม./ลิตร ในตัวเมือง 12.8 กม./ลิตร บนทางหลวง และ 10.8 กม./ลิตร บนทางด่วน ส่วน 4XE ทำได้ที่ 14.4 กม./ลิตร ในตัวเมือง 16.2 กม./ลิตร บนทางหลวง และ 12.4 กม./ลิตร บนทางด่วน สุดท้ายแล้วรถยนต์ประเภทนี้จะมีความจุของที่เก็บสัมภาระลดลงจากรุ่นปกติ โดยทาง RENAGADE แบบพลัก-อิน ไฮบริดมีความจุที่ 290 ลิตร เทียบกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาป คือ 348 ลิตร (ชุดอุปกรณ์ปะยาง ไม่มียางอะไหล่)