ในปัจจุบัน BYD Auto มีมูลค่าถึง 4.7 ล้านล้านบาท (เป็นรองแค่ Tesla และ Toyota เท่านั้น) ในส่วนของการเข้ามาในประเทศไทยของ BYD นัั้น ได้เข้ามาทำตลาดมาหลายปีแล้ว โดยมีตัวแทนจำหน่ายหลายเจ้า ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดเชิงพาณิชย์ ได้แก่ รถยกไฟฟ้า และรถแทกซีไฟฟ้าอย่าง BYD E6 รถตู้ไฟฟ้าอย่าง BYD T3 และรถโดยสารไฟฟ้า BYD E-Bus K9
ล่าสุด การเปิดดีลอย่างเป็นทางการระหว่าง BYD ประเทศจีน และสยามกลการ ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ได้ร่วมกันก่อตั้ง BYD Thailand และคาดว่า จะทำการตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยด้วย
ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าที่ BYD ประเทศไทย จะนำเข้ามาจำหน่ายนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะมีด้วยกัน 5 รุ่น ได้แก่ BYD Han EV, BYD Qin DMI, BYD Song Plus DMI, BYD Tang EV และ BYD Dolphin EV
Crossover SUV BYD Tang รุ่นแรก เปิดตัวในงาน Beijing Auto Show ปี 2014 และมีจำหน่ายในรูปแบบพลัก-อิน ไฮบริด เท่านั้น เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าแบบพลัก-อิน ไฮบริด ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศจีน และขายดีที่สุดในโลกในปี 2016
BYD Tang EV เจเนอเรชันที่2 ถูกเปิดตัวที่งาน Guangzhou Auto Show 2018 ปัจจุบันเข้าสู่ตลาดมาเป็นเวลา 4 ปี แล้ว จึงถึงเวลาปรับใหม่ของ BYD Tang EV Facelift 2022 ทั้งภายใน และภายนอก
BYD Tang EV 2022 มีด้านหน้าที่ถูกปิดทึบ กระจังหน้าแบบหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ ติดตั้งกันชนแบบสปอร์ท จุดเด่นของ Tang EV 2022 คือ มีการออกแบบภายในใหม่ทั้งหมด แดชบอร์ดที่โฉบเฉี่ยว และดูหรูหราขึ้น
สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.4 วินาที Tang EV รุ่นปรับโฉม จะรองรับการชาร์จแบบ DC ที่รวดเร็วกว่าเดิม รุ่นปรับโฉมใหม่ จะรองรับการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 170 กิโลวัตต์ ทำให้การชาร์จเพียง 10 นาที จะวิ่งระยะทาง เพิ่มขึ้นถึง 140 กม.
BYD Tang EV 2022 ราคาเริ่มต้นที่ 300,000-350,000 หยวน (1.55-1.8 ล้านบาท) ราคาอาจค่อนข้างแพง เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินหยวน และปัญหาราคาแบทเตอรีที่สูงขึ้น ซึ่งแบทเตอรีของ BYD Tang EV มีขนาดพอๆ กันกับ Mercedes EQS SUV ซึ่งใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ความจุ 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางที่วิ่งได้สูงสุด 660 กม. (มาตรฐาน WLTP) ถ้ามาเมืองไทยจริง BYD Tang EV จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ระยะทางมากที่สุด/การชาร์จไฟเพียงแค่ครั้งเดียว