ธุรกิจ
Shell สนับสนุนนโยบายรัฐบาลไทย
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้าสู่การเป็นธุรกิจพลังงานที่ปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์บริการภายใน พศ. 2593 ด้วยการขับเคลื่อนผ่านบทบาทที่สำคัญ 3 ด้าน คือ 1) ในฐานะของผู้ผลิต จำหน่ายพลังงาน Shell (เชลล์) ทำการจัดหาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีปริมาณคาร์บอนลดลงมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ไปด้วยกัน 2) ในฐานะของผู้ใช้พลังงาน เรามุ่งมั่นในการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ตลอดกระบวนการดำเนินงานทั้งหมด 3) ในฐานะที่เป็นพันธมิตรที่วางใจได้ เราทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาสังคม เพื่อช่วยกันหาวิธีที่จะทำให้การปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 ไปด้วยกัน
นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม Climate Action Leaders Forum 2021 นั้น สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “Power ing Progress” ของ Shell อันเป็นการสนับสนุนข้อตกลงร่วมกันของนานาประเทศในการประชุม COP26 ซึ่งมีเป้าหมายในการชะลอการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มุ่งรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เพิ่มมากไปกว่า 1.5-2.0 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงปา รีส (Paris Agreement) อีกทั้งยังสอดคล้องกับคำประกาศของรัฐบาลไทยในการประชุม COP26 ที่มุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายใน พศ. 2593 และปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 (Net Zero Emission) ภายใน พศ. 2608
ตลอดระยะเวลาที่ Shell เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก เราได้เดินหน้าสร้างความมั่น คงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้แก่ประเทศตามยุทธศาสตร์หลักของภาครัฐ เพื่อยืนยันการมุ่งเป็น “Trusted Partner for Better Life ” พันธมิตรที่วางใจได้
ปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า Shell ประเทศไทยได้ดำเนินธุรกิจโดยนำความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานระดับโลกมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มด้วยการผสานกลยุทธ์ สัดส่วนธุรกิจ ความมุ่งมั่นด้านสังคม สิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ภายใต้เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ Power ing Progress โดยริเริ่มดำเนินโครงการต่างๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพต่อผู้ขับขี่ ลูกค้า พันธมิตรของ Shell และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 (Net Zero Emission) ตามเป้าหมายที่วางไว้
ในเรื่องของการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 Shell ในฐานะผู้ผลิต จำหน่ายพลังงาน มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการส่งมอบพลังงานสะอาดรูปแบบต่างๆ พลังงานทางเลือกใหม่ๆ เสมอ โดย เชลล์แห่งประเทศไทยฯ ได้รับเลือกให้เปิดตัวสถานีต้นแบบ Site of The Future เป็นประเทศแรก เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับพลังงานสะอาด ทั้งพลังงานชีวภาพ พลังงานอื่นๆ ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นสถานีบริการแห่งแรกของ Shell ที่ให้บริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Shell Recharge เพื่อรองรับความต้องการจุดชาร์จอีวีในสถานีบริการ
นอกจากนี้ Shell ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก คิดค้นเทคโนโลยี นำนวัตกรรมมาใช้ให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยแกสเรือนกระจกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ การนำเทคโนโลยีไดนาฟเลกซ์มาใช้ในผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง อาทิ น้ำมัน Fuel Save Diesel ซึ่งช่วยให้เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาด ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดเขม่าไอเสีย อันเป็นสาเหตุของการเกิดควันดำ มลพิษในอากาศ การเปิดตัวพลังงานทางเลือกใหม่ในธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ได้แก่ น้ำมันเครื่องสัง เคราะห์แท้เกรดพรีเมียม Shell Helix Ultra 10W (เชลล์ เฮลิกซ์ อุลทรา 10W) สูตรใหม่ Carbon Neutral ที่ได้รับการพัฒนาด้วย Pure Plus Technology นวัตกรรมยางมะตอยใหม่ล่าสุด Shell Bitumen Fresh Air ที่ช่วยลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศโดยช่วยลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดจนฝุ่นละอองที่เกิดจากการผสมยางมะตอยในขั้นตอนการผลิต และระหว่างการปูผิวทางได้ประมาณ 40 % เมื่อเทียบกับการใช้ยางมะตอยทั่วไป ซึ่ง Shell คือ ผู้ผลิตยางมะตอยรายแรกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์นี้เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอากาศ
ในส่วนของผู้ใช้พลังงาน เรามุ่งมั่นลดการปล่อยแกสเรือนกระจกตลอดกระบวนการทำงานของเรา เพื่อลดผลกระทบต่อการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานภายในสถานีบริการ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาสถานีบริการน้ำมัน การใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ รวมถึงติดตั้งหลอดไฟ แอลอีดีทั้งสถานี ตลอดจนนวัต กรรมเพื่อความยั่งยืนกับระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นระบบจัดการน้ำ ของเสียในห้องน้ำ ช่วยให้ใช้งานน้ำได้อย่างคุ้มค่า มีระบบบำบัดน้ำเสีย แยกกากของเสียไปทำปุ๋ยหมัก ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่น และแหล่งสะสมเชื้อโรค
นอกจากนี้ ในส่วนของอาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาของอาคาร และบริเวณที่จอดรถ ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดใช้ได้เองถึง 40 % ของปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้ารวมของอาคาร ทำให้สามารถลดปริมาณแกสคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงประมาณ 560 ตัน/ปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 25,454 ต้น[1]
ไม่เพียงเท่านั้น Shell ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ธุรกิจ ประชาสังคม เพื่อช่วยกันลดการปล่อยแกสเรือนกระ จกสุทธิเป็น 0 ไปพร้อมกัน ตลอดจนการนำแนวคิด Nature-Based Solutions (NBS) ซึ่งเป็นการกักเก็บคาร์บอนจากการปกป้อง และฟื้นฟูระบบนิเวศทางธรรมชาติ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายในการลดการปลดปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ไปด้วยเช่นกัน
ด้วยการขับเคลื่อนอย่างมุ่งมั่นตลอดกระบวนการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตลอดจนการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประ ชุม Climate Action Leaders Forum 2021 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 อันเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของ Shell สู่การเป็น “Trusted Partner for Better Life”
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/394172