รายงานข่าวจากกรุงโตเกียว ระบุว่า Toyota เตรียมแนะนำระบบการอัพเดทซอฟท์แวร์ Arene Operating System ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มจาก Lexus NX รุ่นล่าสุด จะอัพเดทแบบ OTA (Over-the-Air Updates) ซึ่งลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้ามายังศูนย์บริการ จะช่วยให้การทำงานของระบบปฎิบัติการมีความคล่องตัว และทันสมัยมากยิ่งขึ้น หลังจากค่าย Tesla และ Volkswagen ให้บริการรูปแบบนี้ไปแล้วKeiji Yamamoto หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการพัฒนาการอัพเดทซอฟท์แวร์ สำหรับรถยนต์ Toyota และ Lexus ในอนาคต ปัจจุบันมี Lexus และ Toyota ที่ออกจากสายการผลิตไปแล้วประมาณ 10 ล้านคัน มีระบบการเชื่อมต่อสมัยใหม่ติดตั้งไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น Lexus LS500h และ Toyota Mirai FCEV พร้อมระบบการรองรับการอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ OTA ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่รถรุ่นใหม่ Lexus NX จะเป็นรุ่นต่อไปที่ติดตั้งระบบนี้ออกจากสายการผลิต Keiji Yamamoto ชี้แจงว่า รถยนต์ในปัจจุบัน ติดตั้งอุปกรณ์รับข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ และนำมาประมวลผล ก่อนสั่งการทำงาน ด้วยความเร็วระดับวินาทีประมาณ 50 ตัว และเซมิคอนดัคเตอร์ ประมาณ 1,000 ตัว ทำให้คำสั่งการทำงานที่เรียกว่า Lines of Code ของรถยนต์แต่ละคัน มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากเดิมในราวต้นทศวรรษที่ผ่านมา มีน้อยกว่า 500 คำสั่ง แต่สำหรับ Toyota คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีคำสั่งการทำงาน Lines of Code เกือบ 8,000 คำสั่ง ในรถยนต์แต่ละคัน เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกสบายของผู้อยู่ภายในรถ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ค่ายรถยนต์ ต้องมีพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟท์แวร์ประมาณ 3,000 คน แต่เมื่อรวมทั้งกลุ่มของ Toyota ทั้งหมดแล้ว จะมีพนักงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับซอฟท์แวร์ของตัวรถยนต์ มากกว่า 18,000 ตำแหน่ง ทางด้าน Toyota อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการทำงานใหม่ ในชื่อ Arene ที่จะออกสู่ตลาดได้อีกภายใน 5 ปีข้างหน้า ระบบนี้ถูก พัฒนาโดย Woven Planet หรือโครงการเมืองใหม่ ของ Toyota มีเป้าหมายในการพัฒนาการทำงานของระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการขับขี่ในแบบอัตโนมัติ (Automated Driving) ซึ่งหากแล้วเสร็จ ก็จะเผยแพร่ไปยังบริษัทอื่นๆ ในเครือต่อไป Arene จะช่วยย่นระยะเวลาการพัฒนาซอฟท์แวร์ต่างๆ ในการทำงาน ที่สามารถอัพเดทซอฟท์แวร์ ผ่านทางอากาศได้ทันที ลดระยะเวลาในการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ในแต่ละภูมิภาค มีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบการทำงานของอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงภายในรถ และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ซึ่ง Toyota เชื่อมั่นว่า ระบบการเชื่อมต่อนี้จะช่วยลดการเกิดขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ ในอนาคต