บีเอมดับเบิลยู ทุ่มงบ 500 ล้านบาท เปิดโรงงานประกอบแบทเตอรีแรงดันสูง พร้อมส่งโรงงาน บีเอมดับเบิลยู ที่ระยอง เพื่อนำไปติดตั้งในรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด
อูเว ควาส กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เปิดเผยว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดฉากอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ เปิดตัวโรงงานประกอบแบทเตอรีแรงดันสูง ในประเทศอย่างเป็นทางการ ด้วยความร่วมมือกับ DRÄXLMAIER Group ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนด์ระดับโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ บีเอมดับเบิลยู กรุพ มาตั้งแต่ปี 2509
โดยโรงงานแห่งนี้จะครอบคลุมในส่วนของการประกอบโมดูลแบทเตอรี ซึ่งเริ่มต้นการประกอบตัวแบทเตอรี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งโรงงานของ DRÄXLMAIER Group ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 โดยเป็นโรงงานประกอบแบทเตอรีแรงดันสูง สำหรับ บีเอมดับเบิลยู กรุพ แห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน
ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิทีระยอง ได้ประกอบรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด มาแล้ว 4 รุ่น คือ บีเอมดับเบิลยู 330 อี, 530 อี, เอกซ์ 5 เอกซ์ดไรฟ 40 อี และ 740 แอลอี
ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำหรับการลงทุนประกอบรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด มูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งมาร่วมลงทุนกับ DRÄXLMAIER Group ประเทศไทย เพื่อพัฒนาโรงงานประกอบแบทเตอรีแรงดันสูง มีมูลค่าการลงทุน 500 ล้านบาท โดยความสำเร็จครั้งนี้จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ และแสดงถึงความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมไฟฟ้าที่ยั่งยืน
Gerhard Irnesberger ผู้อำนวยการโรงงาน DRÄXLMAIER Group ประเทศไทย กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญจาก บีเอมดับเบิลยู กรุพ มิวนิค วางรากฐานกระบวนการประกอบแบทเตอรี ร่วมกับ DRÄXLMAIER Group เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการประกอบในประเทศไทยสอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพระดับโลกของ บีเอมดับเบิลยู กรุพ และเพื่อวางรากฐานสำหรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ แบทเตอรีแรงดันสูง เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ประเภทไฮบริด หรือรถยนต์ที่พลังงานไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อน และต้องใช้ทักษะเฉพาะด้านในการผลิต นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 บุคลากรจาก DRÄXLMAIER Group ได้เข้าร่วมพโรแกมอบรม และพัฒนาบุคลากรเพื่อการประกอบแบทเตอรีแรงดันสูง ณ โรงงาน บีเอมดับเบิลยู กรุพ ในเมืองดิงกอลฟิว และโรงงานนำร่องการผลิตระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีความพร้อมแล้วสำหรับการประกอบแบทเตอรีที่ต้องใช้ทักษะความเขี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย เพื่อการประกอบแบทเตอรีอันเป็นเทคโนโลยีล่าสุด (เจเนอเรชันที่ 4) เช่น การเชื่อมด้วยเลเซอร์ การตรียมพื้นผิววัสดุด้วยพลาสมา วิทยาการหุ่นยนต์ กระบวนการยึดติดการตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์อัตโนมัติ (AOI) การตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้า และการตรวจสอบคุณภาพ เมื่อสิ้นสุดสายการผลิต นอกจากนี้พโรแกรมการอมรมดังกล่าวยังครอบคลุมทักษะในการทำงานกับกระบวนการผลิตอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการประกอบโมดูลแบทเตอรี รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพโดยรวม การออกแบบกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิต การปรับปรุงแก้ไขคุณภาพ และการวิเคราะห์กระบวนการผลิต
เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนรู้ และเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้านการประกอบแบทเตอรีแล้ว บุคลากรที่ผ่านการอบรมข้างต้นจะได้ทำงานกับชิ้นส่วนอย่างเซลล์แบทเตอรีที่นำเข้าจากผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชียพร้อมด้วยชิ้นส่วนแบทเตอรีนำเข้าอีกมากมาย ทั้งโครงอลูมิเนียม ระบบวงจรอีเลคทรอนิคส์ และสายไฟเพื่อประกอบแบทเตอรีแรงดันสูง ที่ได้มาตรฐานระดับโลกของ บีเอมดับเบิลยู กรุพ และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศของประเทศไทย เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการประกอบแล้วแบทเตอรีแรงดันสูงดังกล่าว จะถูกส่งไปยังโรงงาน บีเอมดับเบิลยู ที่ระยอง เพื่อนำไปติดตั้งในรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดในตระกูล บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซึ่งได้เริ่มต้นเฟสแรกไปแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา