สหภาพยุโรป เตรียมเปลี่ยนระเบียบที่จะบังคับให้รถไฟฟ้า ต้องติดตั้งเครื่องส่งเสียง เพื่อให้ผู้เดินถนนได้ยิน จากเดิมรถไฟฟ้า ทำงานขับเคลื่อนได้โดยไม่มีเสียงใดๆ ออกมาเลย เพราะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในระเบียบข้อใหม่นี้ เป็นการบังคับให้รถไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากแบทเตอรี แม้ว่าจะไม่มีมลภาวะใดๆ ออกมา แต่ก็ทำงานได้โดยไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคนเดินถนน, จักรยาน และการมองเห็นของผู้คน อันอาจไม่ได้หันไปในทิศทางที่รถกำลังเคลื่อนที่ โดยบังคับให้ผู้ผลิตรถไฟฟ้า ต้องติดตั้ง อุปกรณ์ส่งเสียง เพื่อเป็นการเตือน AVAS (Acoustic Vehicle Alert System) ซึ่งจะทำงานเมื่อรถยนต์ถอยหลัง หรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 19 กม./ชม. ในระเบียบนี้ ทางสหภาพยุโรป ชี้แจงว่า รถไฟฟ้า มักเคลื่อนที่ ถอยหลัง หรือเดินทางด้วยความเร็วต่ำ ในพื้นที่ที่มีผู้คนอยู่ใกล้เคียง อาทิ ในเมือง หรือสี่แยก โดยระเบียบอนุญาตให้ผู้ขับขี่ปิดอุปกรณ์ส่งเสียงเพื่อการเตือน หากมีความจำเป็น โดยสหภาพยุโรป ระบุว่า ภายในปี 2564 รถไฟฟ้าทุกคัน ไม่ใช่เพียงรถยนต์รุ่นใหม่ จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่งเสียงเตือนนี้ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ระเบียบการติดตั้งเครื่องส่งเสียงเตือนนี้ จะทำให้รถไฟฟ้า มีเสียงที่คล้ายกับเสียงจากรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งนักข่าวชี้แจงว่า เสียงเตือนนี้ จะทำให้เกิดมลภาวะทางเสียงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันรถไฟฟ้า ไม่มีเสียงนี้ สำหรับในยุโรป เสียงจากถนน นับเป็นมลภาวะทางเสียง อันดับ 2 โดยมีมลภาวะทางอากาศเป็นอันดับ 1 โดยสหภาพที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ระบุว่า มลภาวะทางเสียง ทำให้ “ไม่เพียงสูญเสียการได้ยินเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นเหตุของ โรคหัวใจ, นักเรียนที่กำลังดูตำรา หรือขัดขวางการหลับนอนได้” และอีกด้านหนึ่ง เครื่องส่งเสียงนี้ จะทำให้ง่ายต่อการมองเห็นว่ากำลังมีรถยนต์เคลื่อนที่อยู่บนถนน ซึ่งช่วยให้สุนัขสำหรับคนตาบอด มองเห็นได้ง่าย ซึ่งกลุ่มผู้สนับสนุนนี้ บอกด้วยว่า จะเป็นการดีมากขึ้น หากรถไฟฟ้า จะส่งเสียงออกมาตลอด ไม่ว่าจะใช้ความเร็วเท่าไร