ต่อเนื่องจากการเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé และ Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic (2 คันหลัง เป็นรุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่) และวันต่อมา บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัด กิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยกิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 ขนทัพรถสมรรถนะสูง ภายใต้บแรนด์ Mercedes-AMG ครบทุกเซกเมนท์ มาให้สื่อมวลชน ได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ โดยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จังหวัดบุรีรัมย์ การอบรมแบ่งเป็น 4 สถานี พร้อมแบบฝึกหัดสุดท้าทาย โดยผู้เข้ารับการอบรม จะได้สัมผัสประสบการณ์จริงในการฝึกทักษะแต่ละด้าน และประโยชน์ที่จะได้รับจากสมรรถนะ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิต Mercedes-AMG ทุกรุ่น สำหรับรายละเอียดของการอบรมทั้ง 4 สถานี ได้แก่ สถานีที่ 1 “Brake and Swerve” การทดสอบระบบเบรค ระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์ อันได้แก่ ระบบ ESP® และระบบเบรคป้องกันล้อลอค (ABS) และเป็นการทดสอบความเร็วในการตอบสนองของผู้ขับขี่ โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. และเมื่อเห็นสัญญาณไฟจากทางซ้ายหรือขวา ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องเหยียบเบรค และหักเลี้ยวหลบสิ่งกีดขวางตามทิศทางที่กำหนด สถานีที่ 2 “ESP® Exercise” การทดสอบโดยอิงจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการเปรียบเทียบสิ่งกีดขวางเป็นคนเดินถนน ผู้ขับขี่จะได้ทดสอบทั้งการควบคุม การขับขี่ในสถานการณ์คับขัน และทักษะการใช้สายตาเพื่อกะระยะทาง โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้น ด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. แล้วหักเลี้ยวหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ ด้านขวามือ โดยไม่เหยียบเบรค และต้องควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่ต้องการจะไป โดยมองไปในทิศทางที่ต้องการบังคับรถ ซึ่งการควบคุมรถในลักษณะนี้ จะทำให้ระบบ ESP® ทำงาน และช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ สถานีที่ 3 “Motorkhana” สถานีนี้จำลองมาจากการแข่งขันประเภทหนึ่ง โดยจะให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ฝึกบังคับรถในสนามจำลองเล็กๆ ที่มีอุปสรรคมากมาย ภายในเวลารวดเร็วที่สุด และปลอดภัยที่สุด โดยไม่ชนสิ่งกีดขวางใดๆ เลย สถานีที่ 4 “Cornering Theory” สถานีทดสอบการเข้าโค้ง จะใช้พื้นที่โค้งภายในสนามทั้งหมด 4 โค้งด้วยกัน ซึ่งแต่ละโค้ง จะมีองศาแตกต่างกันไป เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบการควบคุมความเร็วของรถให้สม่ำเสมอ โดยแต่ละโค้งจะมีสิ่งกีดขวางที่วางไว้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ให้แก่ผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ทราบถึงสิ่งที่ควรทำ เมื่อเข้าโค้งนั้นๆ เช่น จุดที่ต้องเบรค จุดที่ต้องเลี้ยว หรือจุดเอเพกซ์ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเดินคันเร่งส่งรถออกไปจากโค้งได้อย่างปลอดภัย และรวดเร็วที่สุด เป็นต้น หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทุกสถานีแล้ว ผู้ขับขี่จะมีความเข้าใจ และสามารถใช้ประโยชน์จากสมรรถนะ และเทคโนโลยีอันทันสมัยที่มาพร้อมกับตัวรถได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกด้วย