Mazda Australia ครองตำแหน่งความพึงพอใจของลูกค้า ได้คะแนนสูงสุด จากการสำรวจของ JD Power เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันในประเทศออสเตรเลีย เฉือน Toyota และ Nissanมีแนวทางที่ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปที่ควร สังเกตจากการสำรวจครั้งนี้ จุดสำคัญใหญ่ๆ จะเป็นการติดต่อจองเข้ารับบริการตามระยะ และความโปร่งใสในการทำงาน โดยกลุ่มลูกค้าราว 19 % ที่ตอบแบบสอบถาม จะให้ค่าความพึงพอใจที่ได้มองเห็นการทำงานของช่างที่ตรวจเชครถของตนเอง มากกว่ากลุ่มที่ไม่สามารถได้เห็น ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่สามารถจองการเข้ารับบริการทางออนไลน์ได้ จะพึงพอใจมากกว่ากลุ่มลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์ติดต่อกับพนักงาน “รถยนต์ยี่ห้อที่มีเวบไซท์ และลูกค้าสามารถจองการเข้ารับบริการทางออนไลน์ได้ จะได้เปรียบกว่าผู้จำหน่ายที่ไม่มีบริการนี้ ตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนที่ลูกค้าจะเข้าไปดูรถในโชว์รูม และตัดสินใจเลือกซื้อ เป็นการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าตั้งแต่แรกทีเดียว” Bruce Chellingworth กรรมการผู้จัดการ JD Power ออสเตรเลีย กล่าว “ค่ายรถยนต์แต่ละยี่ห้อ ควรพิจารณาการติดต่อสื่อสาร และสนับสนุนการใช้ช่องทางออนไลน์สำหรับลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถใช้เครื่องมือในการทำงานประจำวัน ในการติดต่อทางออนไลน์ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจ” “สิ่งเหล่านี้เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เพราะปัจจุบันการใช้งานออนไลน์ ไม่จำกัดอยู่เพียงหนุ่มสาวในวัยทำงานเท่านั้น ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ต่างใช้งานออนไลน์เป็นทั้งสิ้น” Mazda ได้รับค่าคะแนน 789 จากคะแนนเต็ม 1,000 ของเจ้าของรถผู้ตอบแบบสอบถาม ขณะที่ Toyota และ Nissan ได้ค่าคะแนน 779 ส่วน Hyundai และ Suzuki ได้คะแนนเหนือค่าเฉลี่ย เท่ากัน 764 ขณะที่ Holden ได้ 759 และ Subaru ได้ 751 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส่วน Mitsubishi ได้ต่ำสุด 728 คะแนน โดย Volkswagen ได้ 737 คะแนน และ Ford ได้ 746 คะแนน เป็นเครื่องแสดงว่า อายุการรับประกัน นานมากเท่าใด ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ โดย Kia ได้คะแนนเหนือกว่า Ford ที่ 749 คะแนน ผลจากการสำรวจของ JD Power ออสเตรเลีย ครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ลูกค้าให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อาทิ การที่รถยนต์ได้รับการล้างและทำความสะอาดหลังเสร็จสิ้นการให้บริการ จะทำให้ลูกค้าที่เดินเข้าไปรับรถ ยินดีที่จะให้คะแนนการบริการสูงขึ้น มากกว่าจะเห็นรถยนต์ของตัวเอง ยังคงสกปรกอยู่เช่นเดิม