อีซูซุ คาราวานสัญจร 2561 เส้นทางที่ 3: มุกดาหาร-เว้-บานา ฮิลล์

      บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ 4 ความสุข สนุกสุด...ฉุดไม่อยู่ กับ อีซูซุ คาราวานสัญจร ประจำปี 2561 เส้นทางที่ 3 ไทย (มุกดาหาร)-เวียดนาม (เว้-บานา ฮิลล์) ระหว่างวันที่ 8-12 สิงหาคม 2561 เพื่อสัมผัสเมืองมรดกโลก และเที่ยวชมวิถีชีวิต ในประเทศเวียดนาม   ผู้ร่วมคาราวานมารวมตัวกันที่โรงแรม พลอยพาเลซ อ. เมือง จ. มุกดาหาร เพื่อฟังบรรยายสรุปเส้นทาง และข้อแนะนำ เช่น ที่เวียดนามใช้รถยนต์พวงมาลัยซ้าย ขับชิดขวา ภาษาราชการ คือ ภาษาเวียดนาม แต่ตามสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้ สกุลเงินที่ใช้ คือ ดอง และบางจังหวัดสามารถใช้เงินบาทได้           วันรุ่งขึ้น คณะคาราวานตั้งขบวนที่โชว์รูม บริษัท อีซูซุตังปักอำนาจเจริญ จำกัด สาขามุกดาหาร ก่อนเดินทางไปยังด่านชายแดนมุกดาหาร-สะหวันนะเขต เพื่อผ่านพิธีการด้านเอกสารผ่านแดนเข้าสู่ สปป. ลาว แขวงสะหวันนะเขต แล้วขับต่อไปยังด่านแดนสวรรค์-ลาวบาว เพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม เข้าพักที่โรงแรม Century Rriverside Hotel เป็นการเริ่มต้นทริพด้วยการขับรถกว่า 400 กม. ผ่าน 3 ประเทศ (ไทย-ลาว-เวียดนาม)       วันที่ 2 คณะคาราวานนั่งรถบัสท้องถิ่นท่องเที่ยวชมเมืองเว้ โดยเริ่มที่ พระราชวังต้องห้าม ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมรดก สร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อของจีน ออกแบบให้มีกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้น เป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหวียนแห่งเว้ทั้ง 13 พระองค์ จากนั้นเดินทางต่อไปชมความงดงามของวัดเทียนมู่ หรือ วัดเทพธิดาราม ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นอาคารทรงเจดีย์ 8 เหลี่ยม 7 ชั้น สูง 21 เมตร ตั้งตระหง่านท่ามกลางแมกไม้น้อยใหญ่ ศูนย์กลางแห่งศรัทธาทางพุทธศาสนานิกายเซน   และปิดท้ายทริพเที่ยวเมืองเว้ที่ สุสานของพระเจ้าไคดิงห์ ที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่และสวยงามมากที่สุดเหนือบรรดาสุสานจักรพรรดิทั้งหมด เป็นเพียงสุสานเดียวที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มีบันไดทางขึ้นถึง 127 ขั้น ด้วยความงามอันวิจิตรอลังการนี้เอง ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งเมืองเว้เลยทีเดียว           ช่วงบ่าย หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ขบวนคาราวาน ออกเดินทางกว่า 110 กม. มุ่งสู่เมืองดานัง เพื่อนั่งกระเช้าลอยฟ้าสูง 5,801 เมตร ขึ้นไปยัง บานา ฮิลล์ หมู่บ้านสไตล์ยุโรป ที่สวยงามดั่งเมืองในเทพนิยาย สถานที่ท่องเที่ยวบนยอดเขาแห่งนี้ เดิมเคยเป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศส สมัยที่เวียดนามเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส หลังจากฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามกลับประเทศไปในช่วงปี 2488 สถานที่แห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างอยู่หลายปี จนกระทั่งได้รับการบูรณะเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกครั้งในปี 2552 เมื่อขึ้นไปด้านบนจะได้ชื่นชมสุดยอดวิวทิวทัศน์ของเมืองดานังแบบพาโนรามา โดยโรงแรมที่พัก Mercure Danang French Village Bana Hills ก็เป็นหนึ่งในหมู่ตึกสวยของหมู่บ้านฝรั่งเศส ล้อมรอบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่ทุกคนไม่ยอมพลาดคือ “Golden Bridge” สะพานสีทองบนมือยักษ์ตั้งอยู่ริมหน้าผาสวยอลังการแลนด์มาร์กใหม่ของเมืองดานังที่เพิ่งเปิดให้ชมเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีสวนสนุก Fantasy Park ที่มีเกมและเครื่องเล่นมากมายให้เล่นฟรี หรือใครที่ชอบธรรมชาติก็สามารถไปถ่ายรูปได้ที่สวนดอกไม้ Le Jardin D' Amour และวัด The Linh Ung Pagoda ที่มีพระพุทธรูปสีขาวสูงถึง 27 เมตร วันที่ 3 หลังจากนั่งกระเช้าลงจาก บานา ฮิลล์ คณะคาราวานเดินทางไปทานอาหารกลางวัน ที่ร้าน Pho Bien ซึ่งเป็นร้านอาหารทะเลสดใหม่ขึ้นชื่อของเมืองดานัง หลังจากอิ่มท้องกันแล้วก็เดินทางกันต่อไปยังวัดเจ้าแม่กวนอิมลิ่งอึ้ง ที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเซินจ่า บนความสูงกว่า 200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ด้านหลัง คือ ภูเขา ด้านหน้าหันออกสู่ทะเลตะวันออก เจ้าแม่กวนอิมที่ประดิษฐานด้านหน้าวัด มีความสูง 67 เมตร หรือสูงเท่าอาคาร 30 ชั้น ประทับบนฐานดอกบัวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 35 เมตร เป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยคนเวียดนามเชื่อว่า ถ้ามาไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่นี่ จะสมหวังเรื่องสุขภาพ ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย และการมีบุตร   ต่อมา คณะคาราวานขับรถกลับเมืองเว้ เข้าพักที่โรงแรม Century Rriverside Hotel เช้าวันใหม่จึงเดินทางผ่านด้านด่านลาวบาว-แดนสวรรค์ ไปยัง สปป. ลาว แล้วผ่านด่านสะหวันนะเขต เข้าสู่ประเทศไทยทางชายแดน จ. มุกดาหาร เป็นการสิ้นสุดทริพประทับใจ