บ้านเรากำลังตื่นตัวเรื่องรถไฟฟ้า ที่จะพัฒนาและผลิตออกจำหน่าย แต่ก็มีบทความ มีข้อมูลต่างๆ เผยแพร่ ออกมามากพอสมควร แต่บทความนี้จะคุยถึงเรื่องค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ที่รถยนต์ทุกคัน ทุกประเภท จำเป็นต้องมี เริ่มกันที่ประกันภัยตามกฎหมาย หรือ พรบ. อันนี้เบี้ยประกันไม่เท่าใดนัก ปัจจุบันก็ไม่เกินหลักพันบาทตามด้วยเบี้ยประกันในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่ ประเภท 1, ประเภท 2, 2+, ประเภท 3 ที่ค่าเบี้ยประกันก็จะค่อนข้างสูง ก็มีบทความจากข้อมูลของ องค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนน Highway Safety's Highway Data Loss Institute (HLDI) ในสหรัฐอเมริกา ที่บริษัทประกันภัยใช้เป็นฐานในการคำนวณเบี้ยประกันแต่ละประเภท HDLI เปรียบเทียบรถยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่รุ่นปี 2557 จนถึง 2559 ที่มีอัตราการเคลมประกันภัยสูงสุด จำนวนต่อ 100 คัน/ปี รวมทั้งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเคลมต่อครั้ง และค่าใช้จ่ายการเคลมสูงสุด ซึ่งได้รถที่เคลมน้อยสุด และเคลมสูงสุด เป็นรถไฟฟ้าทั้งคู่ นั่นคือ Smart Fortwo และ BMW i8 Smart Fortwo ค่าเฉลี่ยการเคลมประกันภัย 3.3 คัน/100 คัน/ปี โดยค่าใช้จ่ายในการเคลมต่อครั้ง 4,921 เหรียญสหรัฐฯ ราว 172,235 บาท ค่าใช้จ่ายที่เคลมน้อยที่สุด 162 เหรียญสหรัฐฯ ราว 5,670 บาท ที่นับว่าต่ำสุดในการเปรียบเทียบครั้งนี้ ส่วนประเภทที่ค่าใช้จ่ายในการเคลมสูงสุด ได้แก่ BMW i8 ที่ราคาจำหน่ายคันละ 130,000 เหรียญสหรัฐ ราว 4,550,000 บาท มีค่าเฉลี่ยในการเคลมประกันภัย 7.7 คัน/100 คัน/ปี ค่าใช้จ่ายในการเคลมต่อครั้ง 21,588 เหรียญสหรัฐ ราว 755,580 บาท จากข้อมูลดังกล่าว บริษัทประกันภัย ใช้ในการคำนวณอัตราเบี้ยประกันในรถยนต์แต่ละประเภท ระบุว่า สำหรับรถไฟฟ้า กำลังพิจารณาที่จะเพิ่มอัตราเบี้ยประกันขึ้นจากอัตราปกติ เพราะค่าใช้จ่ายในการเคลมแต่ละครั้ง ค่อนข้างสูง ซึ่งจะได้ประกาศใช้ต่อไป แต่จากข้อมูลทางสถิติ พบว่า รถสปอร์ทราคาแพง มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่าที่คิด เมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง