PSA Group ใกล้จบดีลซื้อ Opel/Vauxhall

 

PSA Group ผู้ผลิตรถยนต์ Citroen, DS และ Peugeot ยืนยันคำขอในการเสนอซื้อ Opel/Vauxhall จากค่าย GM มูลค่า 2.2 พันล้านยูโร จะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ หรือเดือนกันยายน เป็นอย่างช้า

กระบวนการทางด้านเอกสารในการซื้อขายระหว่าง PSA Group และ General Motors ได้รับคำรับรองจากคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาด สหภาพยุโรป ซึ่งออกเอกสารอย่างเป็นทางการถึงแผนงานของ PSA Group รับรองการซื้อขายครั้งนี้ อย่างไม่มีเงื่อนไข (Unconditionally Approved) โดยระบุว่า การซื้อขายครั้งนี้จะไม่ทำให้มีการแข่งขันเกิดขึ้น หากการซื้อขายสำเร็จตามที่เป็นข่าว จะทำให้ PSA Group กลายเป็นผู้ผลิตอันดับ 2 ในยุโรป รองจาก Volkswagen ด้วยยอดส่วนแบ่งการตลาด 17 % ขณะที่เมื่อปีก่อน PSA Group ขายรถได้ทั่วโลก 3.5 ล้านคัน ขณะที่ Opel/Vauxhall ขายได้ราว 1 ล้านคัน หากการควบรวมแล้วเสร็จ จะทำให้ PSA Group ขายได้ราว 4.5 ล้านคัน จากเอกสารเผยแพร่ของ PSA Group ระบุคำกล่าวของ Carlos Tavares ประธานกลุ่มไว้ว่า “จะเคารพในเอกลักษณ์ของบแรนด์ และช่วยให้ Opel พัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้น” ทั้งนี้เพราะเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน ผลการดำเนินงานของ Opel ขาดทุนไป 200 ล้านปอนด์ ราว 9,000 ล้านบาท การซื้อขายครั้งนี้ จะทำให้เกิดประโยชน์ในแง่การลดต้นทุนด้านค้นคว้าและพัฒนาของ PSA Group โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถประหยัดเงินด้านนี้ได้ 1.7 พันล้านยูโร ราว 68 พันล้านบาท ในปี 2569 อันจะเป็นการช่วยให้ Opel/Vauxhall สามารถมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากการพัฒนาของ PSA Group ขณะเดียวกัน Opel/Vauxhall ก็จะยังได้ประโยชน์จากการใช้สิทธิบัตรทางปัญญาของ จีเอม ประกอบรถยนต์ออกจำหน่ายในยี่ห้อเดิม จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรถยนต์ ไปใช้โครงสร้างของ PSA Group ในปีหน้า ซึ่งเท่ากับเป็นสัญญาว่า โรงงานประกอบในอังกฤษ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนอย่างน้อยก็ถึงปี 2564 ในปี 2559 ยอดการจำหน่ายของ PSA Group ในยุโรป 3 ยี่ห้อ Peugeot, Citroen และ DS ทำได้ 1,446,052 คัน ขณะที่ Opel จำหน่ายได้ 979,427 คัน ขณะที่ค่าย Renault จำหน่าย Renault และ Dacia รวม 1,496,394 คัน ส่วน Volkswagen Group มี Audi, Bentley, Bugatti, Lamborghini, Porsche, Skoda, Seat และ Volkswagen ขายได้รวม 3,498,049 คัน และเมื่อการควบรวมสำเร็จ จะทำให้ PSA Group มียอดขายเป็นอันดับ 2 ในทวีปยุโรป