The New Isuzu MU-X Press Trip 2017...สัมผัสธรรมชาติ บนดอยตุง

แอ่วเจียงฮาย...ม่วนอกม่วนใจ๋ ไปกับ The New Isuzu MU-X Isuzu เชิญสื่อมวลชนร่วมสัมผัสเอกลักษณ์แห่งเอกสิทธิ์ กับ “The New Isuzu MU-X Press Trip” ทริพแรกในประเทศไทย หลังจากเปิดตัวสู่ตลาด ร่วมสัมผัสประสบการณ์เหนือชั้นของรถอเนกประสงค์สุดหรู จัดเต็มทั้งภายนอกและภายใน เน้นความหรู งามสง่า ภายใต้นิยาม Signature of Privilege ที่มาพร้อมกับดีไซจ์น และสมรรถนะการขับขี่ที่น่าประทับใจ กับแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามบนดอยตุง

หลังจากการเปิดตัว ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Isuzu เชิญสื่อมวลชนร่วมขับรถ “The New Isuzu MU-X” โดยพาเหินฟ้าจากกรุงเทพฯ ไปตั้งต้นการเดินทางที่จังหวัดเชียงราย แอ่วดอยตุง...ม่วนอกม่วนใจ๋ สัมผัสธรรมชาติ และสายลมเย็น ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ เป็นการขับรถท่องเที่ยวในรูปแบบขบวนคาราวาน “The New Isuzu MU-X” ที่มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยสไตล์สปอร์ท โฉบเฉี่ยว ทันสมัย เน้นความหรู  อาทิ  กระจังหน้าดีไซจ์นใหม่ แบบ Sport 3D ไฟหน้าใหม่ แบบ Bi-LED ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daylight อยู่ในโคมเดียวกัน โดดเด่นด้วยเส้นนำแสง LED Guiding Light เพิ่มลุคโฉบเฉี่ยวทันสมัยแบบรถนั่งระดับหรู กันชนหน้า/หลังดีไซจ์นใหม่ เสริมลุคสปอร์ทให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้าย LED แบบ Sharp Horizon เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศในห้องโดยสารใหม่สีทูโทน Sandstone Beige เบาะนั่งรูปแบบใหม่ Sport Cut ที่โอบกระชับรับกับสรีระได้ดี พร้อมลายไม้ Fine Walnut ที่แผงข้างประตู หัวเกียร์ และคอนโซลหน้า ช่วยเพิ่มความหรูหรา ที่สำคัญยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ในแบบฉบับ Isuzu นั่นคือ สมรรถนะการลุยของขุมพลังเครื่องยนต์ Isuzu 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่ไม่ว่าจะขับขึ้นเขา ลงเขา หรือจะเส้นทางคดโค้ง  ก็ให้การตอบสนองการขับขี่ที่ดี เน้นความประหยัดน้ำมัน และรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วงล่างที่นุ่มนวล ให้การทรงตัวดีเยี่ยม ไฟหน้าดีไซจ์น Bi-LED ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daylight ไฟท้าย LED แบบ Sharp Horizon เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล มีให้เลือกทั้งความจุ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า และความจุ 3.0 ลิตร 177 แรงม้า บรรยากาศห้องโดยสาร สีสันโทนใหม่ สี Snone Beige เรียบหรู และดูดี ขบวนคาราวาน “The New Isuzu MU-X” โลดแล่นผ่านเมือง เพื่อไปแวะเติมพลัง ณ ร้าน Hacienda Coffee House ที่ถูกออกแบบในสไตล์ยุโรป ภายในร้านตกแต่งด้วยตุ๊กตาเซรามิคน่ารักอย่างลงตัว พร้อมเสิร์ฟอาหารฟิวชันรสชาติกลมกล่อม ที่คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถันให้ทุกคนได้อิ่มอร่อย หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงออกเดินทางต่อผ่านถนนคดเคี้ยวบนยอดดอยสูงได้สักระยะ จุดท่องเที่ยวแรกที่พลาดไม่ได้ “โครงการพัฒนาดอยตุง” ที่เกิดขึ้นตามพระราชปณิธาน และพระราชกระแสรับสั่งว่า "ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง" ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ของชาวไทย จนสามารถปรับเปลี่ยนป่าเสื่อมโทรมจากการบุกรุกทำลายป่า และปลูกฝิ่น ให้กลายเป็นพื้นที่ป่าไม้แห่งต้นน้ำลำธารที่อุดมสมบูรณ์  โดยมี “พระตำหนักดอยตุง” ที่ประทับของพระองค์ท่านที่งดงาม ในสไตล์สวิทเซอร์แลนด์ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมล้านนา เป็นแลนด์มาร์คสำคัญ  อีกทั้งยังมี “สวนแม่ฟ้าหลวง” สวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวขนาด 30 ไร่ บริเวณลานหน้าพระตำหนัก ที่ทำให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสไปต่างประเทศ ได้เห็นไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด แวะเติมพลังที่ร้านอาหาร Hacienda Coffee House พระตำหนักดอยตุง ความสวยงามของพันธุ์ไม้เมืองหนาวนานาชนิด พันธุ์ไม้ดอกสวยงาม ในสวนแม่ฟ้าหลวง นอกจากนี้ เรายังได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ กับ “Doitung Tree Top Walk” กิจกรรมใหม่ภายในสวนแม่ฟ้าหลวง เป็นทางเดินเรือนยอดไม้ยาว 300 เมตร และสูงจากพื้นดินกว่า 30 เมตร ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าอันร่มรื่น บนสะพานสลิงที่ยึดโยงกับต้นไม้ใหญ่ ที่แกว่งไกวไปมา พอให้ตื่นเต้นขณะเดินผ่าน สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ณ สวนแม่ฟ้าหลวง แห่งนี้ ดอยตุง ทรี ทอพ วอล์ค กิจกรรมแอดเวนเจอร์ใหม่ สำหรับคนชอบใกล้ชิดธรรมชาติ หลังจากสนุกสนานกับกิจกรรม ณ สวนแม่ฟ้าหลวง เราออกเดินทางต่อเพื่อชมความงดงามของพระอาทิตย์อัสดง ณ ดอยช้างมูบ ซึ่งห่างจากสวนแม่ฟ้าหลวง ประมาณ 7 กม. ซึ่งดอยช้างมูบ เป็นดอยที่สูงสุดของเทือกเขาดอยนางนอน มีความสูง 1,485 ม. จากระดับน้ำทะเล บนแนวสันเขาแบ่งเขตแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นจุดชมความงามของทะเลหมอก และพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม หลังจากนั้นจึงเข้าพัก ณ ดอยตุง ลอดจ์ ซึ่งเดิมเป็นสำนักงานและที่พักของหน่วยอนุรักษ์ต้นน้ำที่ 31 กรมป่าไม้ และเป็นบ้านพักสำหรับขบวนเสด็จ และพนักงานของโครงการพัฒนาดอยตุง ซึ่งภายหลังได้เปิดเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสมาค้างคืนบนดอยตุง และนำรายได้ไปดูแลรักษาห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จุดชมวิวบนดอยช้างมูบ ณ ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ กองร้อยทหารม้าที่ 2  เช้าวันรุ่งขึ้น เราได้แวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บ้านดำ สร้างโดย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ลักษณะของบ้านดำแห่งนี้ จะเป็นกลุ่มบ้านที่เป็นศิลปะแบบล้านนา โดยทุกหลังทาด้วยสีดำ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บ้านดำ” ภายในบ้านแต่ละหลังนั้นถูกประดับด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายงดงาม นอกจากไม้แกะสลักแล้ว ยังประดับด้วยเขาสัตว์ และกระดูกสัตว์ ถึงแม้ในวันนี้ อาจารย์ถวัลย์ จะถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว แต่บ้านดำ ก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสความงดงาม เป็นการปิดท้ายทริพก่อนโบกมืออำลาเชียงราย ด้วยความม่วนอกม่วนใจ๋  แล้วขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ ความงดงามของศิลปะ ที่ผสมผสานเข้ากับความงามของธรรมชาติ ที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ปิดทริพการเดินทาง ด้วยของหวานเลิศรส ณ ร้านกาแฟ Melt in Your Mouth