ทดลองขับ(formula)
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์
การเปิดตัว มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เจเนอเรชันที่ 9 หรือ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ในบ้านเรา แม้จะล่าช้ากว่าในประเทศญี่ปุ่นไปถึง 2 ปี แต่ยังดีที่ มิตซูบิชิ ตัดสินใจ เลือกเวอร์ชันสากลนิยม อันเป็นเวอร์ชันหลักมาผลิตขาย แลนเซอร์ อีเอกซ์ มีทั้งหมด 4 รุ่น คือ รุ่น 1.8 ลิตร 3 เวอร์ชัน ประกอบด้วย จีแอลเอกซ์ (GLX) จีแอลเอส (GLS) และจีแอลเอส ลิมิเทด (GLS Limited) ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร เป็น จีที (GT) ซึ่งการทดลองขับในครั้งนื้ เราเน้นไปที่รุ่นทอพ จีทีการเปิดตัว มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เจเนอเรชันที่ 9 หรือ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ในบ้านเรา แม้จะล่าช้ากว่าในประเทศญี่ปุ่นไปถึง 2 ปี แต่ยังดีที่ มิตซูบิชิ ตัดสินใจ เลือกเวอร์ชันสากลนิยม อันเป็นเวอร์ชันหลักมาผลิตขาย แลนเซอร์ อีเอกซ์ มีทั้งหมด 4 รุ่น คือ รุ่น 1.8 ลิตร 3 เวอร์ชัน ประกอบด้วย จีแอลเอกซ์ (GLX) จีแอลเอส (GLS) และจีแอลเอส ลิมิเทด (GLS Limited) ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร เป็น จีที (GT) ซึ่งการทดลองขับในครั้งนื้ เราเน้นไปที่รุ่นทอพ จีที ภายนอก คมเข้ม สไตล์สปอร์ท แลนเซอร์ อีเอกซ์ มีรูปทรงแบบลิ่ม ด้านท้ายยกสูง ลาดเอียงลงมาด้านหน้า เส้นสายคมชัด ไฟท้ายเรียวเล็กเฉียงขึ้นคล้ายกับรถในตระกูล อัลฟา โรเมโอ กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ยื่นออกมา ดูเหมือนฉลามร้าย ในรุ่น จีที เสริมมาดเข้มด้วยไฟหน้าโพรเจคเตอร์แบบไบซีนอน พร้อมชุดแต่งรอบคัน สเกิร์ทรอบคัน และสปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ท แต่ มิตซูบิชิ ยังกล้าให้ล้อขนาด 7x18 นิ้ว กับยาง 215/45 R18 มาจากโรงงาน ซึ่งใหญ่กว่าคู่แข่งในกลุ่มนี้ และที่สำคัญ ยางติดรถนั้น เป็นยางโยโกฮามาที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น ภายใน เรียบง่าย เพิ่มลูกเล่น ห้องโดยสารยกมาจากเวอร์ชันญี่ปุ่นแทบทั้งคัน แผงหน้าปัด เรียบง่าย แต่ดูสปอร์ท ชุดมาตรวัด เป็นแบบ 2 ช่อง พื้นดำแถบแดง ตัวเลขขาว พวงมาลัย 3 ก้าน เหมือนกับ ปาเจโร สปอร์ท เพียงแต่ มีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ (Paddle Shift) ที่ติดตั้งยึดไว้กับคอพวงมาลัย ซึ่งจะไม่หมุนตามไปด้วย ผิดกับ ของ ฮอนดา ซีวิค ที่จะหมุนตามพวงมาลัยไป เบาะนั่งคู่หน้า ของรุ่น จีที หุ้มด้วยหนังค่อนข้างดี เป็นเกรดเดียวกับใน ปาเจโร สปอร์ท ผิวสัมผัสมัน ฟองน้ำนุ่ม ด้านคนขับ นอกจากจะปรับเลื่อนขึ้นหน้า/ถอยหลัง และปรับเอนได้ตามปกติแล้ว ยังมีก้านปรับระดับสูง/ต่ำของชุดเบาะมาให้ด้วย เบาะนั่งด้านหลังนั้น มีพื้นที่เหนือศีรษะมาก นั่งสบาย แต่การเข้า/ออกต้องเหวี่ยงขาหลบเสากลางเล็กน้อย ตำแหน่งวางแขน ของที่วางแขนทั้งบนแผงประตู และที่วางแขนแบบพับเก็บได้ในเบาะหลัง อยู่ต่ำไป ทำให้ใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ เครื่องยนต์ แรงไม่เป็นรองใคร ขุมพลังระบบแปรผันวาล์ว ไมเวค (MIVEC) ของ แลนเซอร์ มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 1.8 ลิตร 139 แรงม้า และ 2.0 ลิตร 154 แรงม้า เครื่องยนต์ตัวแรก 1.8 ลิตร ถูกปรับให้สามารถ เติมน้ำมันเบนซินได้ "ทุกชนิด" ทั้งเบนซิน 95 และ 91 แกสโซฮอล 95 และ 91 ตั้งแต่ อี 10 อี 20 จนถึง อี 85 แต่เครื่องยนต์ตัวหลัง รหัส 4B11 ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่น จีที ใช้ได้ถึง อี 20 โดยทั้ง 2 ตัว จะเชื่อมเข้ากับ เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน (CVT) พร้อมระบบสมองกล INVECS-III อัตราเร่งไม่อืดอาด เพียงแต่ว่าแรงดึงกระชากตอนออกตัว อาจจะไม่ได้มากมายนัก กระนั้น จังหวะที่รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และนุ่มนวล ไม่สะดุด หรือติดขัด เมื่อรอบขึ้นไปถึง 3,000 รตน. ขับสนุก ใช้การได้ ระบบรองรับ เฉียบคม แน่นกว่าเดิม การหักเลี้ยวเข้าอย่างฉับพลัน หรือรุนแรง ไปจนถึงโค้งต่อเนื่องช่วงเส้นทางบนเขา การตอบสนองของพวงมาลัย อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ น้ำหนักพวงมาลัย กำลังดี และเฉียมคม ตอบสนองได้ค่อนข้างไว ระบบกันสะเทือนหน้าแข็ง/หลังแน่น ลดการโยนตัวของรถ แต่ก็ยังมีอาการหน้าดื้อโผล่ให้เห็น อันเป็นปกติของรถขับล้อหน้า ประสิทธิภาพในการเบรคนั้นถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการลดความเร็วลงแบบทั่วไป หรือ หยุดรถกะทันหัน ก็ใช้ระยะทางสั้น สรุป รสชาติดี ไม่เปรี้ยวหรือเผ็ดเกินไป รูปลักษณ์ของ แลนเซอร์ อีเอกซ์ เรียบง่าย แต่เสริมเหลี่ยมคมสไตล์รถยุโรปเข้าไป ช่วยให้รถคันนี้ น่าสัมผัสมากขึ้น เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 144 แรงม้า กับเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน ไม่อืดอย่างที่คิด ช่วงล่างดี เกินคาด พวงมาลัยตอบสนองฉับไวและควบคุมง่าย แต่ในราคา 1,034,000 บาท น่าจะมีอุปกรณ์มาตรฐานที่ขาดไปอย่าง กระจกมองข้างปรับพับด้วยไฟฟ้า ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง สวิทช์เปิดลอคประตู และระบบปรับอากาศแบบดิจิทอล ซึ่งคู่แข่งติดตั้งมาจากโรงงาน ข้อมูลจำเพาะ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ จีที จัดจำหน่ายโดย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2529-9000 มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,570/ 1,760/ 1,490 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,530/ 1,530 ฐานล้อ (มม.) 2,635 น้ำหนักรถ (กก.) 1,375 ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 59 เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ไมเวค ความจุ (ซีซี) 1,998 กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 86.0/86.0 อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 154/6,000 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 20.2/4,250 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 6 ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า ระบบรองรับ หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง อิสระ มัลทิลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟืองและตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ ระบบห้ามล้อ แบบ เอบีเอส และอีบีดี หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน หลัง จาน ราคา (บาท) 1,034,000 บาท
ภายนอก คมเข้ม สไตล์สปอร์ท
แลนเซอร์ อีเอกซ์ มีรูปทรงแบบลิ่ม ด้านท้ายยกสูง ลาดเอียงลงมาด้านหน้า เส้นสายคมชัด ไฟท้ายเรียวเล็กเฉียงขึ้นคล้ายกับรถในตระกูล อัลฟา โรเมโอ กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ยื่นออกมา ดูเหมือนฉลามร้าย
ในรุ่น จีที เสริมมาดเข้มด้วยไฟหน้าโพรเจคเตอร์แบบไบซีนอน พร้อมชุดแต่งรอบคัน สเกิร์ทรอบคัน และสปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ท แต่ มิตซูบิชิ ยังกล้าให้ล้อขนาด 7x18 นิ้ว กับยาง 215/45 R18 มาจากโรงงาน ซึ่งใหญ่กว่าคู่แข่งในกลุ่มนี้ และที่สำคัญ ยางติดรถนั้น เป็นยางโยโกฮามาที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น
ภายใน เรียบง่าย เพิ่มลูกเล่น
ห้องโดยสารยกมาจากเวอร์ชันญี่ปุ่นแทบทั้งคัน แผงหน้าปัด เรียบง่าย แต่ดูสปอร์ท ชุดมาตรวัด เป็นแบบ 2 ช่อง พื้นดำแถบแดง ตัวเลขขาว พวงมาลัย 3 ก้าน เหมือนกับ ปาเจโร สปอร์ท เพียงแต่ มีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ (Paddle Shift) ที่ติดตั้งยึดไว้กับคอพวงมาลัย ซึ่งจะไม่หมุนตามไปด้วย ผิดกับ ของ ฮอนดา ซีวิค ที่จะหมุนตามพวงมาลัยไป
เบาะนั่งคู่หน้า ของรุ่น จีที หุ้มด้วยหนังค่อนข้างดี เป็นเกรดเดียวกับใน ปาเจโร สปอร์ท ผิวสัมผัสมัน ฟองน้ำนุ่ม ด้านคนขับ นอกจากจะปรับเลื่อนขึ้นหน้า/ถอยหลัง และปรับเอนได้ตามปกติแล้ว ยังมีก้านปรับระดับสูง/ต่ำของชุดเบาะมาให้ด้วย
เบาะนั่งด้านหลังนั้น มีพื้นที่เหนือศีรษะมาก นั่งสบาย แต่การเข้า/ออกต้องเหวี่ยงขาหลบเสากลางเล็กน้อย ตำแหน่งวางแขน ของที่วางแขนทั้งบนแผงประตู และที่วางแขนแบบพับเก็บได้ในเบาะหลัง อยู่ต่ำไป ทำให้ใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่
เครื่องยนต์ แรงไม่เป็นรองใคร
ขุมพลังระบบแปรผันวาล์ว ไมเวค (MIVEC) ของ แลนเซอร์ มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 1.8 ลิตร 139 แรงม้า และ 2.0 ลิตร 154 แรงม้า
เครื่องยนต์ตัวแรก 1.8 ลิตร ถูกปรับให้สามารถ เติมน้ำมันเบนซินได้ "ทุกชนิด" ทั้งเบนซิน 95 และ 91 แกสโซฮอล 95 และ 91 ตั้งแต่ อี 10 อี 20 จนถึง อี 85 แต่เครื่องยนต์ตัวหลัง รหัส 4B11 ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่น จีที ใช้ได้ถึง อี 20 โดยทั้ง 2 ตัว จะเชื่อมเข้ากับ เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน (CVT) พร้อมระบบสมองกล INVECS-III
อัตราเร่งไม่อืดอาด เพียงแต่ว่าแรงดึงกระชากตอนออกตัว อาจจะไม่ได้มากมายนัก กระนั้น จังหวะที่รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และนุ่มนวล ไม่สะดุด หรือติดขัด เมื่อรอบขึ้นไปถึง 3,000 รตน. ขับสนุก ใช้การได้
ระบบรองรับ เฉียบคม แน่นกว่าเดิม
การหักเลี้ยวเข้าอย่างฉับพลัน หรือรุนแรง ไปจนถึงโค้งต่อเนื่องช่วงเส้นทางบนเขา การตอบสนองของพวงมาลัย อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ น้ำหนักพวงมาลัย กำลังดี และเฉียมคม ตอบสนองได้ค่อนข้างไว
ระบบกันสะเทือนหน้าแข็ง/หลังแน่น ลดการโยนตัวของรถ แต่ก็ยังมีอาการหน้าดื้อโผล่ให้เห็น อันเป็นปกติของรถขับล้อหน้า
ประสิทธิภาพในการเบรคนั้นถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการลดความเร็วลงแบบทั่วไป หรือ หยุดรถกะทันหัน ก็ใช้ระยะทางสั้น
สรุป รสชาติดี ไม่เปรี้ยวหรือเผ็ดเกินไป
รูปลักษณ์ของ แลนเซอร์ อีเอกซ์ เรียบง่าย แต่เสริมเหลี่ยมคมสไตล์รถยุโรปเข้าไป ช่วยให้รถคันนี้ น่าสัมผัสมากขึ้น เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 144 แรงม้า กับเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน ไม่อืดอย่างที่คิด ช่วงล่างดี เกินคาด พวงมาลัยตอบสนองฉับไวและควบคุมง่าย แต่ในราคา 1,034,000 บาท น่าจะมีอุปกรณ์มาตรฐานที่ขาดไปอย่าง กระจกมองข้างปรับพับด้วยไฟฟ้า ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง สวิทช์เปิดลอคประตู และระบบปรับอากาศแบบดิจิทอล ซึ่งคู่แข่งติดตั้งมาจากโรงงาน