รู้ลึกอุปกรณ์
อย่าปล่อยให้น้ำมันเครื่องหมดสภาพ (ตอนแรก)
"น้ำมันเครื่อง" ตัวหลักของการหล่อลื่น เนื่องจากน้ำมันเครื่องทำหน้าที่หลักในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดการเสียดสี และการสึกหรอให้กับเครื่องยนต์ ดังนั้น รู้ลึกอุปกรณ์ ฉบับนี้ จึงขอนำเสนอเรื่องน้ำมันเครื่อง
ก่อนที่เราจะมารู้จักกับเรื่องของคุณสมบัติที่ดีของน้ำมันเครื่อง ว่าควรเป็นเช่นไร เราต้องทราบถึงเรื่ององค์ประกอบหลักของน้ำมันเครื่อง ว่ามีอะไรบ้าง
องค์ประกอบที่สำคัญของน้ำมันเครื่องประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
น้ำมันพื้นฐาน (BASE OIL) ซึ่งสามารถจำแนกตามประเภทของการกำเนิดได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. น้ำมันพื้นฐานจากปิโตรเลียม เป็นน้ำมันพื้นฐานที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบที่มีส่วนประกอบหลักของไฮโดรคาร์บอน 2. น้ำมันพื้นฐานจากพืชและสัตว์ เป็นน้ำมันพื้นฐานที่ได้จากผลผลิตของไขพืชและสัตว์ 3. น้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ เป็นการนำน้ำมันพื้นฐานจากปิโตรเลียม หรือจากไขพืชและสัตว์มาผ่านกรรมวิธีทางเคมี เพื่อให้ได้น้ำมันเครื่องชนิดใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งในปัจจุบันน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ และน้ำมันพื้นฐานจากปิโตรเลียม ยังคงเป็นน้ำมันพื้นฐานที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันเครื่องอยู่
สารเพิ่มคุณภาพน้ำมันเครื่อง (ADDITIVE) เป็นน้ำมันพื้นฐานที่ผ่านขั้นตอนในการปรับปรุงโดยการเติมสารเคมีเพิ่มคุณภาพ ทำให้น้ำมันเครื่องมีคุณสมบัติเฉพาะตัวดังนี้
1. มีความหนืดที่เหมาะสมกับการใช้งาน (OPLIMUM) ความหนืดของสารเพิ่มคุณภาพนั้นจะเหมาะกับการใช้งานของเครื่องยนต์ และอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากความหนืด คือ ความต้านทานการไหลของน้ำมันเครื่องโดยการวัดจากค่าอุณหภูมิ ซึ่ง "ค่าความหนืดที่ต่ำ" จะมีผลทำให้น้ำมันเครื่องไหลง่าย สำหรับค่าที่ใช้วัดความหนืดนั้น มีหน่วยเป็น เซนติสโตค (CEONTISTOKE หรือ CST) ตามมาตรฐาน SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERING) ดังค่าตัวอย่างในตารางดังนี้
[table]
,,ความหนืด CST 100 (C)
เบอร์น้ำมันเครื่อง,ความหนืด CP ที่อุณหภูมิ (C),ต่ำสุด,สูงสุด
10W,3500 ที่ -20 C,4.1,-
15W,3500 ที่ -15 C,5.6,-
20W,4500 ที่ -10 C,5.6,-
25W,6000 ที่ - 5 C,9.3,-
20,-,5.6,9.3
30,-,9.3,12.5
40,-,12.5,16.3
50,-,16.3,21.9
[/table]
2. ดัชนีความหนืดสูง (VISCOSITY INDEX) สำหรับน้ำมันเครื่องที่มีค่าดัชนีความหนืดสูงจะมีคุณสมบัติในการรักษาความหนืดได้ดีตลอดเวลาเมื่ออุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำมันเครื่องจะต้องไม่ใสและข้นจนเกินไป ในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ที่อุณหภูมิต่ำ การไหลเวียนของน้ำมันเครื่องจะต้องเป็นไปอย่างสะดวกเพื่อการเคลือบผิวและหล่อลื่นที่ดี
3. มีความต้านทานการรวมตัวของออกซิเจน ในน้ำมันเครื่องนั้นจะมีส่วนผสมของไฮโดรคาร์บอน และจะทำปฏิกิริยารวมตัวกับออกซิเจนในอากาศอย่างรวดเร็ว ซึ่งจุดนี้จะส่งผลให้เกิดการอุดตันขึ้นที่ไส้กรอง และท่อทางเดินน้ำมัน ดังนั้นน้ำมันเครื่องที่ดีจำเป็นต้องมีความอยู่ตัวที่คงที่
4. สารป้องกันการสึกหรอ (ANTI WEAR)
5. สารป้องกันการเกิดฟอง (ANTI FOAM) น้ำมันเครื่องที่เกิดฟองมากจะส่งผลให้ชิ้นส่วนของโลหะมีโอกาสที่จะเกิดการเสียดสีกันได้ง่าย ผลที่ตามมา คือ การสึกหรอจะเกิดขึ้นบริเวณที่ฟองน้ำมันเครื่องแทรกอยู่
6. ป้องกันการเกิดสนิม (ANTI RUST)
7. มีการระเหยที่ต่ำ (LOW VOLATILITY) ทนความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ได้ดี
8. มีคุณสมบัติในการชะล้าง (DETERGENTY) ในการทำงานของเครื่องยนต์จะมีการเสียดสีของโลหะ เศษโลหะเหล่านั้นหากไม่ได้รับการชะล้างออกจากผิวของโลหะให้เร็วที่สุด เจ้าเศษโลหะเหล่านั้นจะเป็นเสมือนกระดาษทรายที่ขัดเนื้อโลหะให้กัดกร่อนเร็วขึ้น
9. มีคุณสมบัติกระจายสิ่งสกปรก (DISPERSANCY)
10. มีสารลดความฝืด (ANTI FRICTION)
สาเหตุของการใส่สารเพิ่มคุณภาพลงในน้ำมันเครื่องนั้น วัตถุประสงค์เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เพื่อลดการสึกหรอ รวมถึงยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาเสถียรภาพของการรักษากำลังเครื่องยนต์ให้ทำงานคงที่อีกด้วย
สาระขั้นกูรูที่ท่านสามารถเติมเต็ม เพื่อการเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับการใช้งาน และการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด ยังมีเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้นในฉบับหน้า พลาดไม่ได้กับอาหารสมองเพื่อคนรักรถ แล้วคุณจะรู้ว่าสาระเหล่านี้มีส่วนช่วยให้คุณเป็น “ผู้รู้” ที่เชี่ยวชาญเรื่องการตกแต่ง และการดูแลรักษารถยนต์อย่างคุ้มค่าเงินตัวจริงได้ไม่ยาก
ABOUT THE AUTHOR
พ
พันทาง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ลึกอุปกรณ์