พิเศษ(formula)
แจกวาร์ เอกซ์เอส
ย้อนกลับไปช่วงเวลาที่บแรนด์รถยนต์จากประเทศอังกฤษแห่งนี้ ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของค่ายรถ ฟอร์ด รถซีดาน แจกวาร์ เอกซ์-ไทพ์ (JAGUAR X-TYPE) เป็นน้องเล็กราคาย่อมเยาประจำค่าย ถูกตั้งเป้าให้มากระตุ้นยอดจำหน่าย ตั้งแต่ช่วงแรกของปี 2000 ต่อมาก็เป็นที่กล่าวขวัญ และวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยมีข้อตำหนิที่เห็นได้ชัด คือ มีเอกลักษณ์ความเป็น แจกวาร์ น้อยเกินไป แต่กลับมีความเป็น ฟอร์ด มากเกินพอดี ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และบรรดาแฟนตัวยงหลายคนต้องตะลึงงันมาแล้วกับการกระทำที่ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สายเลือดอังกฤษที่มีชื่อเสียงมายาวนานถูก ปู้ยี่ปู้ยำ ในความรู้สึกของพวกเขา นั่นคือ การหันมาใช้ขุมกำลังดีเซล ซึ่งก่อนหน้านี้คบหากับเครื่องยนต์เบนซินล้วนๆ มาแต่ไหนแต่ไร
อันที่จริงบรรดาทีมงานของ แจกวาร์ ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ขาดหายไปของ เอกซ์-ไทพ์ หรืออีกแง่หนึ่ง คือ เริ่มรับรู้ถึงช่องว่างของเซกเมนท์ในสายการผลิตที่ยังขาดหาย แม้จะทำยอดจำหน่ายได้ต่ำกว่าระดับที่คาดหวังไว้ จนไม่อาจช่วยกอบกู้บริษัทได้เลย จากเดิมยอดการผลิตถูกตั้งเป้าที่ 100,000 คัน/ปี แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เคยทำได้เกินกว่า 50,000 คัน เมื่อคิดยอดรวมเบ็ดเสร็จตลอดช่วงอายุการทำตลาด ยอดจำหน่ายทั้งหมดกลับทำได้แค่ 350,000 คัน เท่านั้น ถึงอย่างนั้น เอกซ์-ไทพ์ จะมีทายาทรุ่นต่อไปออกมาค่อนข้างแน่นอนแล้ว แม้ทีมงานที่เมืองโคเวนทรีจะพยายามปฏิเสธข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถสายเลือดใหม่รุ่นนี้ก็ตาม เป็นที่รู้กันโดยถ้วนทั่วว่ารถรุ่นดังกล่าวจวนจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแค่รอการพัฒนาในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น และจะเป็นดั่งบัตรผ่านประตูสู่โลกใหม่ของความเป็นรถ แจกวาร์
ชื่อเสียงเรียงนามของรถรุ่นนี้ คือ เอกซ์เอส (ชื่ออย่างเป็นทางการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) ซีดานขนาดคอมแพคท์ที่รวมจุดเด่นเข้าไว้ด้วยกัน 2 ประการ คือ ความภูมิฐานตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ และสมรรถนะที่ร้อนแรงเทียบเคียงรถสปอร์ทซีดานอย่าง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แน่นอนว่ารถรุ่นนี้มีความเป็น แจกวาร์ ในแบบที่ควรจะเป็น แตกต่างจากสิ่งที่รถรุ่นก่อนหน้านี้ทำไว้อย่างสิ้นเชิง สมกับการเป็นรุ่นน้องของ เอกซ์เอฟ ที่สามารถนำพารถยี่ห้อนี้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง
ในแง่ของการออกแบบ เอกซ์เอส มีคุณสมบัติเหมือนพี่น้องร่วมค่ายอื่นๆ นั่นคือ พื้นที่ใช้สอยเต็มพิกัด เส้นสายที่ลื่นไหล ไฟหน้าทรงปราดเปรียว แนวหลังคาโค้งจรดด้านท้าย แต่ความสูงของหลังคาน่าจะมากกว่า เอกซ์เอฟ เพื่อเพิ่มพื้นที่ส่วนศีรษะของผู้โดยสารด้านหลัง เอกลักษณ์ของรถร่วมสายการผลิตของ แจกวาร์ ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม เพื่อต่อกรได้อย่างสูสีกับบรรดารถยนต์จากประเทศเยอรมนี ซึ่งต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างไม่น้อยหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็น บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 3 หรือ เอาดี เอ 4 ที่เตรียมปรับโฉมในปีหน้า
น้ำหนักเบาด้วยวัสดุอลูมิเนียม
ด้านเทคโนโลยีของตัวรถ ผู้ผลิตเลือกที่จะใช้โครงสร้างตัวถังแบบอลูมิเนียม นับเป็นจุดเด่นสำคัญที่ไม่มีคู่แข่งเจ้าไหนทำได้ เพราะยังคงใช้โครงสร้างตัวถังแบบเหล็กผสมขึ้นรูป ดังนี้แล้ว เอกซ์เอส ถือเป็นงานศิลป์ชั้นเยี่ยม ต่อให้เทียบกับพี่น้องร่วมสายพันธุ์ก็ตาม ขณะที่ข้อมูลด้านการออกแบบมีความเป็นไปได้ว่าจะได้รับอิทธิพลจากรุ่นพี่อย่าง เอกซ์เอฟ และได้รับเทคโนโลยีการผลิตจากพี่ใหญ่อย่าง เอกซ์เจ (รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่หมดในอนาคต) มีชื่อเรียกว่า PLA (PREMIUM LIGHTWEIGHT ARCHITECTURE) ซึ่งจะถูกนำมาใช้และปรับแต่งให้เหมาะสม เช่นเดียวกับรถรุ่นอื่นในเครือที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้อย่าง เรนจ์ โรเวอร์ และ เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท รวมไปถึงรุ่นใหม่แกะกล่องของ เอกซ์เอฟ และ เอกซ์เจ มีคุณประโยชน์สำคัญ คือ ความหลากหลาย สามารถครอบคลุมรถในสายการผลิตถึง 90 % โดยใช้ส่วนประกอบต่างๆ ร่วมกัน รองรับปริมาณการผลิตจำนวนมากจากโรงงานที่เมืองคาสเติล บรอมวิช ได้สบายๆ
ในส่วนของขุมกำลัง มีเครื่องยนต์บลอคใหม่ 240 แรงม้า 2.0 ลิตร ซึ่งวางอยู่ในรุ่นพื้นฐานของ เอกซ์เอฟ ขณะที่ตัวทอพ น่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 สูบ ให้กำลัง 340 แรงม้า (ตามสเปคของ เอกซ์เอฟ)
ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลอิงพื้นฐานจากรุ่น 2.2 ลิตร 4 สูบเรียง เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และปริมาณไอเสีย ประกบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ซึ่งนำมาใช้แล้วกับ เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังกับระบบรองรับแบบอิสระ ปีกนกคู่ ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา จะมีให้เลือกติดตั้งในภายหลัง และมีความเป็นไปได้สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด
ณ สำนักงานใหญ่ที่เมืองโคเวนทรี ทางผู้ผลิตยังคงอุบเงียบข้อมูลหลายอย่าง แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าตลาดรถซีดานหรูขนาดกลางมีอนาคตที่สดใส แต่ก็มีการแข่งขันที่เข้มข้นเช่นกัน
"เอาดี ใช้เวลาถึง 20 ปี กว่าจะมาถึงจุดที่พวกเขาเป็นอยู่ในตอนนี้ ขณะที่พวกเราเพิ่งเข้ามาทำตลาดได้ไม่นาน การจะไต่เต้าสู่ระดับหัวแถวทันทีทันใดนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เราจำเป็นต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสียก่อน" เอดเรียน ฮอลล์มาร์ค ผู้จัดการทั่วไปของ แจกวาร์ กล่าวกับสื่อมวลชนของประเทศ อังกฤษ
คงจะเร็วเกินไปที่จะคาดเดากับหนทางที่ แจกวาร์ จะต้องพบเจอในภายหน้า แต่ เอกซ์เอส ไม่ได้มีแค่รุ่นตัวถังซีดานเป็นทางเลือกอย่างแน่นอน
"ทีมนักออกแบบทุกคนของรถในเซกเมนท์นี้ ต่างมียุทธวิธีด้านความหลากหลายของรูปแบบตัวถัง ไม่ว่าจะเป็น สปอร์ทคูเป สปอร์ทเปิดประทุน ตัวถังสเตชันแวกอน ทางเลือกเหล่านี้ คือ สิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
การมาของ เอกซ์เอส จะเป็นแผนการตลาดที่นำไปสู่การพัฒนารถยนต์ขนาดเล็ก ราคาย่อมเยาของค่ายรถแห่งนี้หรือไม่ ? เราได้สอบถามกับ เอียน คัลลัม หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ แจกวาร์ ซึ่งเขาให้คำตอบแบบเปิดกว้างกับทุกความเป็นไปได้
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่คิดว่าการผลิตรถขนาดย่อมลงมาของ แจกวาร์ จะเป็นสิ่งเลวร้ายต่อภาพลักษณ์แต่อย่างใด มีนี แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า แนวคิดเรื่องความหรูหราไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องขนาดเสมอไป
ภายใต้ความภูมิฐานในแบบผู้ดีอังกฤษ แจกวาร์ น้องเล็ก รุ่นนี้ ถูกหมายมั่นปั้นมือให้เป็นคู่ต่อกร (และท้าทาย) บรรดารถสปอร์ทซีดานขนาดกลางจากประเทศเยอรมนี เตรียมเผยโฉมให้เห็นในปี 2015 พร้อมกับพละกำลังกว่า 300 แรงม้า
[table]
เอกซ์เอฟ ย่อส่วน
ว่าที่น้องเล็กของ แจกวาร์ ความยาวตัวถังสั้นลง 200 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง เอกซ์เอฟ แต่เส้นสายโดยรวมจะมีความคล้ายคลึงกัน ด้วยรูปทรงไฟท้ายเน้นสันเหลี่ยม ช่วงท้ายที่กระชับสั้น และส่วนหน้าที่คมเข้ม
[/table]
[table]
กองทัพในอดีต (ปี 2008)
ฟอร์ด ขายกิจการของ แจกวาร์ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2008 (รวมทั้ง แลนด์ โรเวอร์) ให้กับ ทาทา มอเตอร์ส รถในสายการผลิตมีทั้งหมด 6 รุ่น หนึ่งในนั้น คือ เอกซ์-ไทพ์ ที่ค่อยๆ ยุติการทำตลาดในปีถัดมา
เอกซ์-ไทพ์
เปิดตัวในปี 2001 พร้อมกับความมุ่งหวังที่จะเพิ่มยอดจำหน่ายโดยรวม (แต่ไปไม่ถึงฝั่งในที่สุด)
เอกซ์-ไทพ์ เอสดับเบิลยู
ตัวถังสเตชันแวกอน เปิดตัวตามกันมาในปี 2003 พร้อมทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งทำร้ายจิตใจบรรดาแฟนตัวยงได้ไม่น้อย
เอกซ์เอฟ
มรดกตกทอดที่ดีที่สุดจาก ฟอร์ด เริ่มทำตลาดในปี 2008 แทนที่รุ่น เอส-ไทพ์ และทำให้รถยี่ห้อนี้กลับฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง
เอกซ์เจ
เส้นสายอนุรักษนิยม แต่ใช้ตัวถังวัสดุอลูมิเนียมล้วนๆ คงความคลาสสิคในสไตล์ แจกวาร์
เอกซ์เค คูเป
อีกหนึ่งผลิตผลจากเงินทุนของ ฟอร์ด มาในปี 2005 พร้อมตัวถังอลูมิเนียม ทำตลาดแทนรุ่น เอกซ์เค 8
เอกซ์เค กาบริโอ
ตัวถังแบบสปอร์ทเปิดประทุน ทำตลาดในปี 2006 ในปีเดียวกันก็เผยตัวแรง เอกซ์เคอาร์ เป็นครั้งแรก (416 แรงม้า)
กองทัพในวันหน้า (ปี 2015)
ปัจจุบันมีรถที่ทำตลาด 6 รุ่นด้วยกัน เช่นเดียวกับปี 2008 โดยรุ่นที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดไม่นานได้แก่ เอกซ์เอฟ สปอร์ทเบรค และ เอฟ-ไทพ์ โดยจะมีรุ่นตัวถังสปอร์ทคูเปสมทบในปี 2014 และปี 2015 ถึงจะเป็นเวลาเผยโฉมของ เอกซ์เอส
เอกซ์เอส (ข้อมูลโดยรวมเบื้องต้น)
ถูกพัฒนาเป็นรถค่าตัวย่อมเยาสุดของ แจกวาร์ ช่วงแรกจะมีเฉพาะตัวถังซีดาน ก่อนจะตามมาด้วยตัวถังสเตชันแวกอนในภายหลัง
เอกซ์เอฟ สปอร์ทเบรค
มาในปี 2012 เสริมทัพด้วยตัวถังสเตชันแวกอน ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับตัวถังซีดาน
เอกซ์เจ
ปรับโฉมในปี 2009 ปัจจุบันเป็นรถตัวธงที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเป็นทางเลือก (เช่นเดียวกับรุ่น เอกซ์เอฟ)
เอฟ-ไทพ์
มาพร้อมเครื่องยนต์ วี 6 และ วี 8 สูบ ถูกวางตัวเป็นคู่แข่ง โพร์เช ได้แรงบันดาลใจจากรถสปอร์ทยุค ปี 60 อย่าง อี-ไทพ์
เอฟ-ไทพ์ คูเป
เวอร์ชันหลังคาแข็ง จะถูกส่งลงโชว์รูมช่วงฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้า
เอกซ์เค คูเป
ตัวแรง เอกซ์เคอาร์-เอส คือ ตัวล่าสุดของรถรุ่นนี้ ก่อนจะหมดอายุการทำตลาด
เอกซ์เค กาบริโอ
ตัวถังเปิดประทุน จะทำตลาดด้วยรูปโฉมใหม่หมดจดในปี 2015 เช่นเดียวกับตัวถังสปอร์ทคูเป
[/table]
เรื่องโดย : ROBERTO LO VECCHIO
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/93639