ตาม มิตซูบิชิ ไปลองของจริง ที่ญี่ปุ่น

กลายเป็นธรรมเนียมของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส แล้วครับที่จะต้องเชิญสื่อมวลชนอาวุโสในเมืองไทย ไปลองขับรถรุ่นใหม่ๆ และชมโครงการล้ำๆ ของเขาที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นประจำทุกปี

สิ่งที่ผมประทับใจ คือ เขาไม่ได้เชิญไปลองขับ หรือไปชมโครงการอย่างผิวเผิน แต่ยังรับฟังความรู้สึก ความคิดเห็น และคำแนะนำของพวกเราอย่างจริงจัง และหลายอย่างที่เขาเห็นว่าเหมาะสม ก็นำไปดำเนินการ โดยเฉพาะความเห็นที่เกี่ยวข้องกับตลาดรถเมืองไทย ซึ่งพวกเราพอจะมีความเชี่ยวชาญอยู่บ้าง   ครั้งล่าสุด เขาเชิญพวกเราไปเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2556 ได้ “ลองของจริง” รถใหม่หลายรุ่น ซึ่งตามมารยาทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่โดยภาพรวม ผมให้ความเห็นไปว่า ทุกรุ่นมีความสวยงามไม่แพ้ยี่ห้ออื่น แต่สิ่งที่ยังขาดไป คือ เอกลักษณ์ หรือจุดเด่นที่บ่งบอกว่า นี่คือรถจากค่ายสามเพชร ซึ่งผู้บริหารของเขาก็เห็นด้วย และรับปากว่าจะไปพยายามสร้างสรรค์เอกลักษณ์ของตนขึ้นมาให้ชัดเจนกว่าเดิม   สำหรับรุ่นที่ใช้ขุมพลังแบบไฮบริด ผมรู้สึกมีปัญหาเล็กน้อยเรื่องการควบคุมบังคับรถที่ยังไม่นิ่ง เนื่องจากมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เรื่องนี้วิศวกรของเขารับปากจะไปแก้ไข เพราะเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่าจะถึงกำหนดวางตลาด   สรุปแล้ว ในอนาคต มิตซูบิชิ จะมีรถให้เลือกใช้หลากหลายขึ้น ทั้งประเภท และรูปแบบของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะไฮบริด และไฟฟ้าล้วน ซึ่ง มิตซูบิชิ นับเป็นค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นที่เอาจริงเอาจังกับเทคโนโลยีด้านนี้   ส่วน อีโคคาร์ ก็เป็นที่รู้กันว่า ทั้งรุ่น มิราจ และ แอททราจ กำลังขายดิบขายดี จนทำให้เขาวางแผนจะจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในเมืองไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เขาเลือกไปตั้งศูนย์ ฯ ด้วยเหตุผลว่า เพราะคนไทยอัธยาศัยดี และมีความคิดสร้างสรรค์   ที่สำคัญ เขาวางแผนจะดันคนไทยให้ขึ้นเป็นผู้บริหารศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งนี้ด้วย เพราะคิดว่าคนไทยน่าจะรู้จักตลาด และเข้าใจความต้องการของผู้ใช้รถชาวไทยได้ดีที่สุด   ประเด็นนี้ พอเขาคุยให้ฟัง ผมก็แย้งไปว่า ในช่วงแรกควรให้ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้บริหารและตัดสินใจขั้นสุดท้าย ตามข้อมูลที่คณะทำงานชาวไทยป้อนมาให้ เพราะผมรู้สึกว่า คนไทยแม้จะเก่ง แต่ยังไม่พร้อมจะทำงานแบบ มืออาชีพ เนื่องจากแต่ละคนมักมี อัตตรา สูงลิ่ว ยอมไม่ได้ แพ้ไม่เป็น เมื่อมีการประชุม ก็ไม่เคารพมติที่ประชุม หากไม่เป็นไปตามความเห็นของตน   ยิ่งกว่านั้น คนไทยส่วนหนึ่งยังเป็นพวก สุดซอย คือ เห็นประโยชน์ส่วนตัว เหนือกว่าประโยชน์ส่วนรวม   องค์กรไหน (หรือประเทศไหน) ได้คนแบบนี้ไปบริหาร ถือว่า สุดซวย จริง ๆ