รู้ไว้ใช่ว่า
เข้าโค้ง
การขับรถไปตามถนนหลวง ถ้าหนทางยาวหน่อย มักหนีไม่พ้นการเข้าโค้ง เพราะตรงตลอดสาย คงหายาก และถ้าจะว่าไปแล้ว การขับทางตรงนานๆ มีปัญหาได้เหมือนกัน คือ ขับเพลินไป หรือชวนให้หลับใน เป็นอันตรายขึ้นมา แล้วเพื่อนยังทับถมซะอีก "เอ็งขับรถอยู่ในทางตรงแท้ๆ ทำไมเกิดเรื่องได้"
อันว่าทางโค้ง เป็นที่รู้กันว่าโค้งมากเท่าไร มักเกิดปัญหาแก่ผู้ใช้ถนนมากเท่านั้น ยิ่งโค้งไม่ยกรับ โค้งเรียบๆ ยิ่งอันตราย เมื่อขับตะบึง ไม่คำนึงว่าเป็นทางโค้ง ไม่คำนึงถึงคุณภาพรถ ชนิดของรถ สภาพรถ ฝนตกถนนลื่น ทางโค้งเป็นทางมรณะเลยละ
อย่างว่า หลายคนชอบซ่ากับทางโค้ง เจอที่ไหน ต้องทดสอบฝีมือ เข้าโค้งออกโค้งได้เนี้ยบไหม ด้วยฝีตีนเท่าไร ยิ่งเร็วจัด แล้วรอดมาได้ ยิ่งปลื้ม ตูและรถตูแน่เหมือนกัน เห็นคนอื่นแตะเบรคตะพึด หมิ่นแคลนเขาซะอีก มืออ่อนเนอะ
คดีนี้เกิดจากรถกระบะ 2 คัน แล่นสวนทาง เข้าโค้งพร้อมกัน บนถนนค่อนข้างดี รถไม่เยอะ เพราะอยู่ต่าง จังหวัด แถวๆ อีสาน ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว ถนนหนทางค่อนข้างแจ๋วแทบทั้งนั้น รถกระบะของ "นายกำทอง" แล่นมาไม่เร็วนัก แต่บังคับรถให้อยู่ในช่องทางจราจรของตนไม่ได้ พอถึงโค้งแห่งหนึ่ง รถแถเข้าไปกินทางรถที่สวนมา ขณะเดียวกัน "นายเสกเงิน" ขับรถกระบะทะยานเข้าโค้งค่อนข้างแรง ด้วยเห่อรถใหม่ พ่อซึ่งเป็นเจ้าของ เพิ่งผ่อนส่งได้ไม่กี่งวด คิดว่าเจ๋ง ข้าต้องเอาอยู่ แต่พลาด แถเข้าทางรถที่แล่นสวนมาเช่นกัน เลยซวยทั้งคู่ เพราะรถจ๊ะเอ๋กันพอดี แต่ไม่ดี เพราะรถพัง ค่อยยังชั่วที่คนทั้งสองไม่ถึงกับบาดเจ็บล้มตาย เลยถือโอกาสไปค้าความที่ศาล
"นายขุดทอง" พ่อของ นายเสกเงิน หัวเสียเป็นอันมาก รถกระบะใหม่เอี่ยม ตูปะโน่นแปะนี่ด้วยพลาสติค ชุบสเตนเลสส์ตรงนั้นตรงนี้ เพื่อความหรู หมดไปหลายบาท แล้วบุบบู้บี้ จนอยากเบือนหน้าหนี ต้องซ่อมเป็นเงินนับแสน คู่กรณี คือ นายกำทอง ก็ไม่รับผิดชอบ อ้างอย่างเดียว ผมไม่ผิด จึงจ้างทนายยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 2 แสนกว่าบาท
นายกำทอง สู้คดี อ้างว่า นายเสกเงิน ลูกของ นายขุดทอง ต่างหากที่ขับรถประมาท จนเกิดเรื่องขึ้น ขอให้ยกฟ้อง แต่ นายกำทอง ไม่ยักฟ้องกลับ คงนึกรู้อยู่แล้ว หรือมีคนบอกว่า ตนเองก็ประมาทเหมือนกัน ฟ้องไปก็เหนื่อยเปล่า เสียค่าจ้างทนายเปล่าๆ
ศาลชั้นต้นนั่งหน้าบึ้งตึง ตามสไตล์ผู้พิพากษาทั้งหลายในโลกนี้ บางประเทศต้องเอาวิกมาสวม ให้ดูว่าอาวุโสเยอะ ถ้าหน้ายังอ่อน เพื่อให้ชาวบ้านเกรงขาม ไม่ก่อกวน ฟังพยานของคู่กรณีจนพอใจแล้ว เห็นว่าประมาทพอกันทั้ง 2 ฝ่าย งานนี้ต้องเจ๊า จึงพิพากษายกฟ้องของ นายขุดทอง เสีย
โจทก์ คือ นายขุดทอง ไม่รามือง่ายๆ จะเอาค่าเสียหายให้ได้ ยื่นอุทธรณ์ ยืนยันว่า นายกำทอง ขับรถประมาทฝ่ายเดียว แถเข้าหารถที่ลูกชายของตนขับ รถซื้อมาใหม่ๆ เช็ดถูเช้า/ค่ำ เยินเสียจนทำใจไม่ได้ นายกำทอง ต้องรับผิด
นายกำทอง ผู้เป็นจำเลยแก้อุทธรณ์ เออออตามคำตัดสินศาลชั้นต้นที่ว่า ประมาทพอกันทั้ง 2 ฝ่าย ต้องเจ๊า ขอให้ยกฟ้องของ นายขุดทอง ตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้เถิด
ศาลอุทธรณ์เพ่งดูแต่สำนวน หน้าตาจึงเป็นปกติ ไม่บึ้งไม่ตึงให้เมื่อย แล้วเห็นว่า นายกำทอง ประมาทมากกว่า ต้องรับผิดบ้าง ตัดสินให้จ่ายค่าเสียหายแก่ นายขุดทอง 1 แสนกว่าบาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลย คือ นายกำทอง ไม่อยากเสียเงิน ดิ้นรนยื่นฎีกาขึ้นไปจนได้ โดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งทำคดีนี้ เมตตาเซ็นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาหนีไม่ออก คดีทับถมจนท้อ กัดฟันคว้าสำนวนคดีนี้มาเล็งดู แล้วชี้ขาด
ข้อที่ นายกำทอง ฎีกาว่า ไม่ได้ประมาทด้วยหรอกอีงานนี้ ปรากฏว่า นายกำทอง แก้อุทธรณ์ของโจทก์ โดยอ้างคำตัดสินของศาลชั้นต้น ที่ระบุว่าประมาทด้วยกันทั้งคู่นั้นจริงแท้ นายกำทอง ไม่ได้โต้ ไม่ได้อุทธรณ์ว่า ตนเองไม่ได้ประมาท ข้อที่ว่า นายกำทอง ประมาทด้วย จึงเป็นอันยุติ นายกำทอง ยกขึ้นมาเถียงชั้นฎีกาไม่ได้หรอก
แต่ นายกำทอง อย่าเพิ่งเป็นลม ศาลฎีกากำลังชี้ต่อไปว่า นายเสกเงิน ลูกชายของ นายขุดทอง ผู้เป็นโจทก์ ขับรถประมาทด้วยหรือเปล่า เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมา ต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ฝีมือพอๆ กัน ก็ต้องเจ๊า ต่างคนต่างซ่อม ศาลอุทธรณ์เกี่ยงงอนให้ นายกำทอง จ่ายแสนกว่าบาท ศาลฎีกาไม่เอาด้วย
ศาลฎีกายอมเวียนหัวอีกหน พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของ นายขุดทอง เสีย
ขอซักซ้อมนิดหนึ่ง ในแง่ของคดีอาญา ไม่มีการเจ๊านะครับ ถ้าใครมีความผิดเพราะการขับรถประมาท เช่น ทำให้คนอื่นบาดเจ็บล้มตาย ประมาททั้งคู่ ติดตะรางทั้งคู่ จะเรียกว่าเจ๊าที่เรือนจำก็น่าจะใช่ ขับรถต้องระวัง ตอนนี้รถเยอะ ทั้งในเมือง ทั้งบ้านนอก ทั้งประเทศมีรถราวๆ 28 ล้านคันเข้าไปแล้ว อย่าประมาท ประสาทจะกิน ขอบอก
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5020/2538
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/93209