มุมมองนักออกแบบ
เอาดี เอ 5 คูเป/บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป/เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป
คูเป 3 รุ่น จาก 3 บแรนด์ดัง ที่แม้จะมีอายุในตลาดแตกต่างกัน แต่ก็เป็นคู่แข่งกันโดยตรงและต่างมีแนวทางการออกแบบของตนเอง คันไหนบแรนด์ใดจะโดนใจทีมนักออกแบบของเราที่สุด ติดตามได้เลย
ภัทรกิติ์ : ทั้ง 3 คัน มีทั้งรุ่นมาตรฐาน และแรงพิเศษ แต่เราจะพูดกันในภาพรวมของเซกเมนท์นี้ โดยสดที่สุดตอนนี้ น่าจะเป็น บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 ในขณะที่อีก 2 คัน คือ เอาดี เอ 5 คูเป กับ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป เป็นรถที่ผ่านการไมเนอร์เชนจ์มาแล้ว หลายท่านดูแล้วอาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่ารถ 3 คันนี้เป็นรถคลาสส์เดียวกันใช่หรือไม่ อย่าง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป มันไม่ใช่รุ่นที่มาแทน ซีรีส์ 3 คูเป แต่ด้วยพื้นฐานในการออกแบบแล้วเหมือนจะใช่ แต่พอวัดสัดส่วนกันจริงๆ ทั้ง 3 คัน มีขนาดใกล้เคียงกัน
ฟอร์มูลา : อี-คลาสส์ คูเป มีฐานล้อสั้นกว่ารุ่นซีดาน
อภิชาต : ผมถือว่ารถที่เรากำลังจะพูดถึงนั้นเป็นรถในกลุ่มตลาดเดียวกัน เพราะดูอย่างไรก็คล้ายกัน เพียงแค่บางยี่ห้ออาจมีฐานล้อกว้างกว่ากันนิดหน่อยเท่านั้น แต่โดยภาพรวมเมื่อเอารถทั้ง 3 คันมาเรียงกัน บอกได้เลยว่าลูกค้ากลุ่มเดียวกัน
ภัทรกิติ์ : ถ้าพูดถึงเรื่องความสดในการออกแบบ มันก็ไม่ได้แปลว่า ซีรีส์ 4 จะดูสดกว่านะ เพราะหลายคนดูแล้วว่าเหมือน ซีรีส์ 3 จนเข้าใจผิดคิดว่าคันเดียวกัน
อภิชาต : ใช่ครับ ดูคล้ายกันมาก แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นความแตกต่าง
ฟอร์มูลา : มองผ่านๆ อาจไม่สังเกตว่าเป็นซีรีส์ใหม่
ภัทรกิติ์ : ใช่ครับ มาดูว่าทั้ง 3 คัน จับคนกลุ่มเดียวกันหรือเปล่า ถ้าเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป น่าจะจับกลุ่มคนที่มีอายุค่อนข้างมากที่สุด ถ้าเป็นคนอายุ 40-60 ปี ขับ เมร์เซเดส-เบนซ์ น่าจะดูลงตัวพอดี เป็นรถที่ดูดีมีสไตล์ ยิ่งพอมาเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ด้วยแล้ว การออกแบบทำให้ตัวรถดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เส้นสายที่เคยดูเเข็งในรุ่นก่อน กลับดูนุ่มนวล ไฟหน้าที่เคยเป็น 4 ดวง ตอนนี้เหลือ 2 ดวง รวมกันเป็นโคมใหญ่ มีการแบ่งโดยใช้แถบแอลอีดี ซึ่งดูทันสมัยและความสว่างสูง ดูดีมาก กระจังหน้าเป็นแบบสปอร์ท และมีเส้นต่อดูเป็นแนว 3 มิติ ดูลงตัวและทรงพลัง กันชนหน้าดูสปอร์ทมาก ไฟท้ายใหม่ของ อี-คลาสส์ คูเป ดูสดใส เพราะใช้แผงแอลอีดี 2 เส้น ในขณะที่มีการปรับหัวปรับท้าย ส่วนด้านข้างกลับไม่แตกต่างจากของเดิมมากนัก แต่คิ้วโครเมียมที่เคยมีอยู่ในรุ่นเดิมหายไป
อภิชาต : เมร์เซเดส-เบนซ์ เป็นรถยนต์ที่เน้นความหรูหรา และเป็นมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัท ซึ่งก็ไม่แปลกที่เราเห็นการออกแบบรถยนต์ค่ายนี้ มีชิ้นส่วนโครเมียม เข้ามาเป็นส่วนประกอบทั้งด้านหน้าและด้านท้าย โดยใช้หลักการออกแบบที่เราเคยเห็นมาก็คือ AESTHETIC S CONCEPT มาเป็น KEY WORD ในการออกแบบ แต่ที่น่าจะเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ คือ การออกแบบกันชนหน้าให้มีช่องรับลม และบริเวณด้านข้างส่วนล่างของกระจังหน้ามีพื้นที่ยาวออกไปจนเกือบสุดขอบตัวถังตามแนวทางเดียวกันหมด โดยพื้นที่ด้านหน้านั้นเป็นแนวการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า LOOK ORGANICS SHAPE AND FORM และให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการออกแบบไฟหน้าและไฟท้าย ที่ในปัจจุบันมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และดูแปลกตาด้วยการใช้เทคโนโลยี LED LIGHTING SYSTEM มาช่วยในการสร้างสรรค์
ภัทรกิติ์ : เอาดี เอ 5 คูเป ต้องเป็นแฟนพันธุ์แท้ ถึงจะแยกออกว่ามีการปรับดีไซจ์นใหม่ตรงไหนบ้าง ที่แน่ๆ เอาดี เพิ่มความดุดันเข้าไปด้วยการปรับเส้นสายกระจังหน้าใหม่ โดย เอาดี เจเนอเรชันใหม่ๆ มีการปรับกระจังหน้าเป็นทรงหกเหลี่ยมแล้วเกือบทุกรุ่น โดยปรับจากของเดิมเป็นสี่เหลี่ยมขอบมน
อภิชาต : สำหรับ เอาดี ใช้ LOGICAL FORM คล้ายกับรูปทรงพื้นฐาน ซึ่งเป็นลักษณะนี้เกือบทุกรุ่น ซึ่ง เอ 5 คูเป ถือเป็นรุ่นดูดี อาจจะดูนิ่งไปบ้างกับเส้นสายด้านข้าง ซึ่งแล้วแต่คนชอบครับ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ารถรุ่นนี้มีความหนาของเสาหลังมากกว่า เมื่อเทียบกับอีก 2 บแรนด์ แต่ก็ดูดีไปอีกแบบ ส่วนกระจังหน้าที่มีการผสมผสานกันระหว่างส่วนบนกับส่วนล่างที่รวมกันเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ช่วยให้ เอาดี ดูแตกต่างกว่าบแรนด์อื่น และถือเป็นผลงานระดับ MASTER PIECE ของบแรนด์นี้ก็ว่าได้
ฟอร์มูลา : ต้องสังเกตดีๆ ถึงจะเห็นจุดนี้
ภัทรกิติ์ : แต่ที่ชัดเจน คือ เมื่อกระจังหน้าเป็นหกเหลี่ยม ไฟหน้าจะดีไซจ์นให้รับกับขอบเหลี่ยมที่เพิ่มขึ้นมาด้านบน คือ สอบเข้า โดยการใช้หลอดแอลอีดีที่รวมอยู่ในชุดไฟหน้า ออกแบบรูปทรงได้น่าสนใจมาก และสังเกตว่าไฟหน้าจะมีถุงใต้ตาเพิ่มขึ้น แต่เป็นถุงใต้ตาที่เพิ่มความดุดัน
กระจังหน้าของ เอาดี ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ด้านบน ดีไซจ์นให้รับกับไฟหน้าด้านบน คือ มีมุมสอบด้านบน ส่วนกลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของป้ายทะเบียน และส่วนล่าง ที่มีช่องรับลมที่เข้ากันกับแนวขอบป้ายทะเบียน เรียกว่า ดีไซจ์นให้มีความลงตัว และดุดันมากขึ้น ส่วนไฟท้ายมีการใช้ไฟแอลอีดีตามสมัยนิยม สัดส่วนของ เอาดี เอ 5 คูเป ถือว่าเป็นรถที่มีความหนักแน่นที่สุดในกลุ่ม เรียกว่า เรียบง่าย แต่หนักแน่น
ฟอร์มูลา : เอาดี เอ 5 คูเป เหมาะกับคนกลุ่มไหน
ภัทรกิติ์ : อายุเฉลี่ยน่าจะต่ำกว่า อี-คลาสส์ คูเป นิดหน่อย แต่สามารถลากยาวไปถึงคนอายุวัยเกือบเกษียณได้เลย คือ เป็นรถที่มีรูปร่างไม่แบ่งอายุ เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี แต่เป็นรถที่มีความเป็นชายสูงมาก
อภิชาต : ผมว่าน่าจะอยู่ที่ความชอบ ถ้าชอบแบบเรียบง่าย ก็น่าจะเป็นทางฝั่ง เอาดี แต่ถ้าดูมีเส้นสายขึ้นมาอีกนิด ก็น่าจะชอบ บีเอมดับเบิลยู แต่ถ้าชอบแบบรูปทรงลื่นไหล ก็น่าจะเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์
ภัทรกิติ์ : เรามามองน้องใหม่ล่าสุดบ้าง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป เป็นรถที่ดูนุ่มนวล ปราดเปรียว กว่า 2 คันที่ผ่านมา ดูปราดเปรียวกว่าเยอะ รูปร่างดูเซกซีแบบผู้หญิง เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป ก็ดูเป็นผู้หญิง แต่เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเก่ง มีอายุเล็กน้อย ส่วน เอาดี เอ 5 คูเป เป็นผู้ชายแท้ ขึงขัง หน้าตาดูเคร่งเครียด ส่วน บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป เย้ายวนชวนให้สัมผัส แต่ถ้ารถ 3 คันนี่จอดเทียบกัน บีเอมดับเบิลยู มีบุคลิกที่ไม่บ่งบอกว่ามีราคาสูงเหมือนกับ 2 คันนั้น เพราะส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำให้ดูเป็นรถราคาแพง ไม่ค่อยมี เช่น ไม่มีการใช้โครเมียมบนตัวถังมากเท่าอีก 2 คัน ทำให้ดูเป็นรถในเซกเมนท์ถูกกว่าเล็กน้อย เพราะคนส่วนใหญ่ดูยังไงก็เป็น ซีรีส์ 3 คูเป อยู่ แต่มีความสปอร์ทเพิ่มขึ้น เอาเป็นว่ารถคันนี้เตี้ยกว่า ซีรีส์ 3 แต่ยาวและกว้างกว่าเล็กน้อยในทุกสัดส่วน กลุ่มเป้าหมายก็ใกล้เคียงกับกลุ่ม ซีรีส์ 3 คือ วัยทำงานตอนต้นไปถึงช่วงอายุไม่เกิน 50 ปี ดูเด็กกว่า 2 คันแรกอย่างชัดเจน ดูเด็กกว่า
อภิชาต : บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป มีการออกแบบที่น่าสนใจมาก ตอนที่เป็นรถแนวคิด แต่พอมาเป็นรถที่ผลิตขายจริง อาจจะดูนิ่งไปหน่อย แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอะไรมาก เพราะมาตรฐานการออกแบบของค่ายนี้มักถูกหยิบยกมากล่าวอ้างเสมอ
ฟอร์มูลา : ผมว่าเรื่องแถบโครเมียมตรงขอบหน้าต่างของ ซีรีส์ 4 คูเป เขาน่าตั้งใจทำให้เป็นสปอร์ทที่ชัดเจน เพราะ ซีรีส์ 3 รุ่นสปอร์ท เขาไม่ใส่แถบโครเมียมตรงจุดนี้เหมือนกัน แต่ถ้ารุ่นพรีเมียมกับรุ่นโมเดิร์น จะมีแถบโครเมียมอยู่
ภัทรกิติ์ : ผมเห็นตัวจริงของ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป ที่มิวนิค รู้สึกว่ามันไม่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเวลาเห็น มันเป็นรถที่สวย แต่ไม่รู้สึก ว้าว หรือ แปลกใจที่ได้เห็น ดีไซจ์นของ บีเอมดับเบิลยู ช่วงหลังมีความจำเจเหมือนกัน ผมไม่ได้หมายความว่ารถรุ่นนี้ไม่สวย แต่เรื่องการดีไซจ์นที่ล้ำหน้า มันไปอยู่ในรถตระกูล ไอ ส่วนรถตระกูลเดิมกลับไม่รู้สึกอะไร มันยังคงน่าพิสมัย แต่ถ้าผมมี บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 3, 5, 7 รุ่นใดรุ่นหนึ่งอยู่ที่บ้านแล้ว ผมคงไม่อยากได้คันนี้เพิ่ม ในทางกลับกันถ้าผมยังไม่มีรถบแรนด์นี้ ผมจะรู้สึกชอบคันนี้
ฟอร์มูลา : มาดูภายในห้องโดยสารกันบ้างดีกว่า
ภัทรกิติ์ : เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนปรับโฉมเล็กน้อย และเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น อาทิ คันเกียร์อัตโนมัติ จากเดิมที่อยู่บริเวณคอนโซลกลาง ถูกย้ายไปอยู่ที่คอพวงมาลัย การย้ายคันเกียร์อาจจะทำให้รู้สึกว่าชีวิตลำบากขึ้นนิดหน่อย โดยเฉพาะรุ่นพวงมาลัยขวา เพราะว่าคันเกียร์ไปอยู่ด้านขวาของคอพวงมาลัย ถ้าเป็นคนที่ขับรถพวงมาลัยซ้าย คันเกียร์ที่อยู่ด้านขวาของคอพวงมาลัยกลับเป็นใช้งานง่าย เพราะมันใช้มือเดียวกันในการจับเกียร์ คือ มือขวา เราเคยชินกับการใช้มือซ้ายจับคันเกียร์มาตลอด แล้วถ้าเกียร์ย้ายอยู่ทางขวาก็อาจรู้สึกสับสนเล็กน้อย จากประสบการณ์ที่เคยใช้มา ส่วนจอภาพที่อยู่ตรงกลาง มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถมองได้ชัดเจน อีกอย่างที่เพิ่มความหรูหราให้แก่ห้องโดยสาร คือ แนวโลหะสีเงิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นโลหะประเภทใด แต่ให้ความรู้สึกที่ดี แล้ว เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังเติมส่วนประกอบของความคลาสสิคเข้าไปอีก ได้แก่ นาฬิกาแบบแอนาลอก ฝังอยู่ระหว่างช่องแอร์ ซึ่งส่วนประกอบนี้เคยถูกใช้มาก่อนในรถหรูสายพันธุ์อิตาเลียนอย่าง มาเซราตี และตอนนี้ เมร์เซเดส-เบนซ์ ก็นำมาใช้กับรุ่นที่ไม่ใช่รถธงบ้างแล้ว ส่วนตำแหน่งที่เคยเป็นคันเกียร์ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นช่องเก็บของเล็กๆ น้อยๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือหรือเกดเจทต่างๆ ซึ่งถือเป็นการออกแบบฟังค์ชันที่ดูน่าสนใจ เพราะคนในปัจจุบันคงไม่ได้นั่งขยับคันเกียร์กันบ่อยๆ จะมาตั้งโด่เด่ไว้ทำไม
ส่วนปุ่มคอมมานด์ถูกติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่าย ภาพรวมการออกแบบภายในไม่หวือหวา แต่ใช้งานได้ดี สมฐานะของผู้ขับขี่ สมวัย คนที่ซื้อรถคันนี้ ผมเชื่อว่าจะไม่ผิดหวังกับการออกแบบภายใน ถ้าถามว่าทันสมัยไหม คงตอบว่าไม่ เพราะยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานการออกแบบเดิม แต่ถือว่าร่วมสมัยและไม่เชย
อภิชาต : ภายในห้องโดยสารของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ให้ความหรูหราตามแบบฉบับ โดยแผงแดชบอร์ดหุ้มด้วยหนังแบบโชว์ตะเข็บ ซึ่งทำให้ภายในห้องโดยสารดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากทีเดียว ส่วนที่นั่งด้านหลังก็มีการออกแบบให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเทียบกัน 3 รุ่นแล้ว พื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลังของ เอาดี เอ 5 คูเป น่าจะมีพื้นที่มากที่สุดนะ
ภัทรกิติ์ : เอาดี เอ 5 คูเป การออกแบบภายในไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนเปลี่ยนโฉมเลย ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร รุ่นปรับโฉมแล้วก็เป็นอย่างนั้น คือ เน้นการใช้งานแบบเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่เต็มไปด้วยคุณภาพ ตามแบบฉบับของ เอาดี มีความเป็นชายเยอะมาก ไม่มีเส้นสายสวิงสวาย ทุกอย่างตรงไปตรงมา ใช้งานง่าย สักพักก็คุ้นเคย
อภิชาติ: เอาดี เป็นรถที่ออกแบบเรียบง่าย แต่หรูหรา พร้อมการตกแต่งที่ดูบ่อยๆ ก็ไม่เบื่อ เพราะเป็นการวางโทนสีที่เหมาะสมจับคู่ผสานกันอย่างลงตัว
ภัทรกิติ์ : ส่วน บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 ถือเป็นรุ่นทันสมัยที่สุดในกลุ่ม ซึ่งทุกคันมีจอแสดงผล แต่ของคันนี้ไม่ถูกฝังไว้ในหลุม เพราะจอแสดงผลในยุคปัจจุบันมีคอนทราสต์ค่อนข้างสูง สามารถสู้แสงได้ดี และมองเห็นในที่สว่างจ้าได้สบาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องไปทำหลุมเพื่อให้คอนโซลเทอะทะ และในปัจจุบันเราก็เคยชินกับอุปกรณ์ในลักษณะที่เป็นแผ่นๆ แล้ว แต่ถ้าถามว่าการทำเป็นจอโผล่ขึ้นมามันดูดีหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่อง ผมไม่ค่อยชอบ เพราะมันเหมือนเป็นส่วนเกิน และอีกเหตุผลคือ ถ้าเอาจอออกไปก็จะทำให้คอนโซลดูเรียบร้อยขึ้น แต่ภาพรวมการออกแบบภายในของ ซีรีส์ 4 คูเป ดูเพรียวบางที่สุดในรุ่น นอกจากนั้นยังมีความแตกต่างจาก ซีรีส์ 3 ชัดเจนเรื่องการแบ่งโซนของผู้ขับกับผู้โดยสารด้านหน้า สำหรับ เอาดี เน้นผู้ขับ แต่ไม่ได้แบ่งกันเป็นเอกเทศเหมือน บีเอมดับเบิลยู ส่วน เมร์เซเดส-เบนซ์ ผู้ขับกับผู้โดยสารด้านหน้าดูเป็นพวกเดียวกัน
สรุปว่า ยังมีความเป็น บีเอมดับเบิลยู ในทุกรายละเอียด นั่นแปลว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ บีเอมดับเบิลยู อยู่ คุณก็สามารถกระโดดขึ้นคันนี้ หลับตาสตาร์ทรถออกไปได้เลย เพราะอะไรที่เคยอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ไม่ต้องควานหา ไม่ต้องสับสน และถือว่าเป็นห้องโดยสารที่ออกแบบได้ถูกหลักสรีรศาสตร์มากที่สุดในกลุ่ม ทางด้าน เมร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นใหม่ๆ ตำแหน่งของสวิทช์ต่างๆ ก็คล้ายเดิม แต่มีปัญหาตรงที่ปุ่มปรับแอร์อยู่ต่ำไปหน่อย ส่วน เอาดี เองก็มีปัญหาที่บริเวณคันเกียร์
อภิชาต : บีเอมดับเบิลยู ถือเป็นต้นแบบการสร้างระบบการใช้งาน I-DRIVE รู้สึกว่าน่าจะเป็นช่วง CHRIS BANGLE ผมถือว่าเป็นก้าวกระโดดของระบบการสั่งงานการทำงานระบบต่างๆ ภายในห้องโดยสารระดับอนาคตเลยทีเดียว ซึ่งในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และจุดนี้ทำให้รถยุโรปบแรนด์อื่นๆ กลายเป็นผู้ตาม ส่วนการออกแบบภายในห้องโดยสารของ ซีรีส์ 4 คูเป ถือว่าดูดีในสไตล์ของบแรนด์นี้ การจัดคู่สีทำได้ดี สวยงาม และเด่นกว่าเพื่อนๆ ในกลุ่มที่เขากล้านำเอาสีโดดมาใช้ ถือว่าน่าสนใจมาก และคิดว่าโดนใจลูกค้าหลายราย เพราะเราจะหาลูกเล่นแบบนี้ไม่ได้ในรถอีก 2 คัน
ฟอร์มูลา : รถคันไหนเหมาะกับคนกลุ่มใด
ภัทรกิติ์ : รถทั้ง 3 รุ่นนี้ บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ขับขี่ที่แตกต่างกันไป เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ คูเป น่าจะเหมาะกับพวกนายธนาคารที่ยังหนุ่มมีลูกเล็ก หรือนักธุรกิจสาวก็พอไหว
เอาดี เอ 5 คูเป น่าจะเป็นเหมาะกับพวกสถาปนิก ทนายความ นักลงทุน เพราะความเท่ของมัน
บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 4 คูเป มีความสปอร์ทค่อนข้างมาก มีความเยาว์วัย ดังนั้นบุคลิกภาพของคนที่ครอบครองจะต้องมีความหลากหลาย ไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะเป็นอะไร ใครก็ใช้ได้ ทั้ง แพทย์ วิศวกร ฯลฯ แต่คงต้องเป็นคนที่ชอบความเร็ว สนุกสนาน มีชีวิตกลางคืน
ผมจะซื้อรถสักคัน และต้องเป็นรถที่อยู่กับผมไปอีกนาน ดูดีตลอด ผมเลือก เอาดี แต่ถ้าอยากได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง ผมจะซื้อ เมร์เซเดส-เบนซ์ สุดท้ายถ้าจะซื้อเพื่อตอบโจทย์เรื่องความสนุกสนาน ผมเลือก บีเอมดับเบิลยู
อภิชาติ : ผมคงไม่อยากเจาะจงกลุ่มลูกค้า รักชอบรุ่นไหน พอใจบแรนด์ใด ถ้าราคาถูกใจก็ตัดสินใจซื้อใช้เลยก็แล้วกันครับ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92907