เครื่องยนต์ดีเซลเจเนอเรชันล่าสุดของ โพร์เช

ไม่น่าเชื่อว่ารถยนต์พรีเมียมสุดหรูจะนิยมใช้เครื่องดีเซลด้วย อย่างค่าย โพร์เช (PORSCHE) ก็มีเครื่องยนต์ดีเซล ประจำการ อยู่หลายรุ่น และได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าไม่น้อยเลยทีเดียว เครื่องยนต์ดีเซล เจเนอเรชันล่าสุดถูกเปิดตัวใน พานาเมรา ดีเซล (PANAMERA DIESEL) เป็นการนำร่องก่อน และแน่นอนว่าจะมีประจำการในรถเอสยูวีสุดหรูของค่ายด้วย   ถังเดียว วิ่งได้กว่าพันกิโลเมตร เครื่องยนต์ดีเซลล่าสุดนี้เน้นในเรื่องของสมรรถนะ ให้สามารถเร่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร สำหรับเจเนอเรชันใหม่นี้ มีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดี เครื่องยนต์ดีเซลได้รับการพัฒนาให้มีพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้น พานาเมรา ดีเซล ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับการวิ่งทางไกลได้เป็นอย่างดี โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,270 กม. เลยทีเดียว   อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที แม้กระทั่งอยู่ในช่วงระหว่างการขับขี่บนพื้นถนนที่มีความสูงชัน หรือขณะขึ้นเขา ซึ่งความสามารถเหล่านี้ได้มาจากเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร วี 6 ที่มาพร้อมกับแรงม้าสูงสุดถึง 250 แรงม้า (184 กิโลวัตต์) ที่รอบ   เครื่องยนต์ระหว่าง 3,800-4,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 56.1 กก.-ม. (550 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,750-2,750 รตน. ซึ่งส่งผลให้เกิดขุมพละกำลังอย่างมหาศาลเลยทีเดียว เครื่องยนต์ที่มาพร้อมระบบหัวฉีดใหม่ที่มีแรงดันในการฉีดสูงขึ้น และปรับปรุงระบบประจุอากาศใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ตัวเทอร์โบเองก็ได้รับการปรับปรุงให้สามารถประจุอากาศเข้าห้องเผาไหม้ได้ดีกว่าเดิม ไม่เพียงเท่านั้น รถคันนี้ยังมีระบบส่งผ่านกำลังที่มีประสิทธิภาพสูง นั่นคือ ระบบเกียร์ทิพทรอนิค เอส 8 จังหวะ ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างลงตัว ทำให้เครื่องยนต์สามารถรักษาช่วงรอบเครื่องที่มีแรงบิดสูงไว้ได้ตลอดเวลา การซอยย่อยอัตราทดเกียร์ 8 จังหวะ ยิ่งทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องเปลี่ยนช่วงรอบเครื่องบ่อยๆ เพราะเครื่องยนต์ดีเซลนั้น แม้จะทันสมัยแค่ไหน ก็ยังมีความล่าช้าในการเผาไหม้อยู่ดี ดังนั้นการทำให้เครื่องยนต์มีรอบเปลี่ยนแปลงขึ้น/ลงน้อยลงกว่าเดิม โดยใช้การเพิ่มจำนวนเกียร์ให้มากขึ้น จะส่งผลที่ดีกว่า เครื่องยนต์รุ่นใหม่ใน กรันตูริสโม (GRAN TURISMO) มีอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียงแค่ 6.8 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 242 กม./ชม.   ระบบความปลอดภัยเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ ยังมีระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเพิ่มขึ้น อย่างเช่น ระบบไฟหน้าแอลอีดี จะทำการติดตั้งควบคู่มากับระบบไฟอัจฉริยะ PDLS PLUS (PORSCHE DYNAMIC LIGHT SYSTEM PLUS) การออกแบบไฟหน้านี้ แตกต่างกับไฟหน้า ไบ-ซีนอน ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยไฟที่ใช้ในการขับขี่จะส่องแสงสว่างมาจากไฟแอลอีดี 2 หน่วยโดยตรง ระบบช่วยเหลือต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ระบบ ADAPTIVE CRUISE CONTROL SYSTEM ที่ทำงานร่วมกับกล้องดักจับป้ายถนน เพื่อมาประมวลผลและแสดงการเตือนก่อนเปลี่ยนช่องทาง